กรณีโจรสลัดโซมาเลียได้ดักปล้นเรือบรรทุกสินค้า  และยึดเรือเหล่านั้นพร้อมลูกเรือเป็นตัวประกัน  ในบริเวณอ่าวเอเดนและบริเวณน่านน้ำสากลใกล้เคียง  เพื่อเรียกค่าไถ่จากเจ้าของเรือภายหลัง  ซึ่งนับถึงปัจจุบันมีเรือบรรทุกสินค้าที่วิ่งผ่านเส้นทางดังกล่าว  หลายชาติได้ถูกปล้นไปแล้วมากกว่า  40 ลำ รวมทั้งเรือบรรทุกสินค้าสัญชาติไทย แต่ทำไมเรือบรรทุกสินค้าขนาดใหญ่เหล่านี้จึงไม่มีวิธีการ หรือมีกองกำลังติดอาวุธสำหรับป้องกันตนเอง เพราะเป็นหนทางที่จะป้องกันตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่าที่สุด ซึ่งเรือของโจรสลัดที่เข้ามาทำการปล้นนั้นเป็นเรือขนาดเล็ก อยู่ระดับต่ำกว่าเรือบรรทุกสินค้ามากมาย   วิธีการบุกขึ้นเรือของกองโจรสลัดก็ใช้บันไดหรือไต่เชือกขึ้นมา หรืออาจจะมีการยิงปืนมาจากเรือใหญ่ของโจรสลัดที่จอดอยู่ห่างๆ บ้าง เพียงเท่านั้น

การป้องกันตนเองจากการถูกปล้นของเรือบรรทุก สินค้าในอ่าวเอเดน  ที่นิยมกระทำก็เพียงแต่ขึงลวดที่มีกระแสไฟฟ้ารอบๆ ตัวเรือด้านบนเท่านั้น  หรือถ้ารู้ตัวว่าจะถูกปล้นกัปตันก็จะขับเรือเร่งความเร็วหนีได้เพียงอย่างเดียว  แต่ก็จะไปไหนไม่ได้ไกล  เพราะเรือของโจรสลัดมีขนาดเล็กและมีความเร็วมากกว่า

ประการสำคัญ ถ้าบนเรือบรรทุกสินค้ามีกองกำลังติดอาวุธอยู่ด้วยแล้ว  ด้วยทำเลและยุทธภูมิบนเรือบรรทุกสินค้าที่อยู่สูงกว่าเรือของโจรสลัด  ไม่มีทางที่โจรสลัดเหล่านั้นจะเข้าใกล้ได้ มีมาเท่าไรถูกยิงตกทะเลหมดแน่ๆ แต่กฎหมายระหว่างชาติว่าด้วยการขนส่งและพาณิชย์นาวี  ห้ามอย่างเด็ดขาดไม่ให้เรือบรรทุกสินค้ามีอาวุธหรือกองกำลังติดอาวุธอยู่บนเรือ  ถ้าจะป้องกันตนเองก็ให้ใช้การต่อสู้ด้วยมือเปล่าหรือท่อนไม้ ท่อนเหล็กเท่านั้น

หลายครั้งที่มีการปฏิบัติงานของหมู่เรือปราบปรามโจรสลัดฯ จะคุ้มกันเรือสินค้าที่เดินทางผ่านอ่าวเอเดน ชายฝั่งโซมาเลีย และลาดตระเวนพื้นที่ในช่องทางเดินเรือปลอดภัยนานาชาติ IRTC ซึ่งเป็นพื้นที่บริเวณอ่าวเอเดน ได้ให้การคุ้มกันเรือสินค้า รวมถึงได้เคยเข้าขัดขวางการโจรกรรมของโจรสลัดโซมาเลีย และได้ช่วยชีวิตลูกเรือไว้ได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะสามารถทำได้ทั่วถึงทั้งหมด และทำได้ตลอดเวลา แม้ว่าหมู่เรือปราบปรามโจรสลัดของราชนาวีไทยประกอบด้วย เรือหลวงสิมิลัน เรือหลวงปัตตานี และทหารชุดปฏิบัติการพิเศษ ของหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ ได้ไปปฏิบัติภารกิจร่วมกับกำลังผสมทางทะเลของสหรัฐอเมริกาแล้วก็ตาม

นักวิเคราะห์บอกว่าน่านน้ำนอกชายฝั่งโซมาเลียอันตรายที่สุดในโลก เป็นที่เกิดเหตุหนึ่งในสามของเหตุโจมตีโดยโจรสลัดทั่วโลก  และปัญหาโจรสลัดในน่านน้ำนอกชายฝั่งโซมาเลียเป็นภัยคุกคามมากขึ้นทุกทีต่อ ชาวโลก โจรสลัดโซมาเลียเป็นกลุ่มคน ที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งของประเทศ โซมาเลีย(ไม่รู้ว่าเป็นชาวโซมาเลียด้วยรึเปล่า) กลุ่มโจรสลัดโซมาเลียนั้น จากข่าวว่ากันว่ามันเอาแต่ทรัพย์สิน สินค้า ที่อยู่ในเรือไป  หรือไม่ก็ยึดเรือไปเท่านั้น ไม่ได้มุ่งเอาชีวิตแต่อย่างใด

วิธีการที่พวกนี้ยึดเรือ พวกนี้ใช้ปฏิบัติการทันสมัย มีอุปกรณ์ไฮเทคล่าสุด รวมทั้งโทรศัพท์ผ่านดาวเทียม และระบบ GPS อาวุธที่ใช้รวมทั้งอาวุธหนักอย่าง เครื่องยิงจรวด RPG กับปืนกล AK-47 และมีสายสืบคอยแจ้งข่าวจากเมืองท่าต่างๆในอ่าวเอเดน เรือก็เป็นเรือเร็วมีเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง ในการบุกเข้าหาเป้าหมาย และบางครั้งจะเป็นการปล่อยเรือเร็วออกจากเรือใหญ่ซึ่งเป็นเรือแม่ที่ลอยลำ อยู่ในทะเลลึก เพื่อไปก่อเหตุ

ในการบุกเข้ายึดเรือนั้น โจรสลัดใช้เรือเร็วที่ทันสมัย 2-3 ลำตีโอบเรือเป้าหมาย ก่อนบุกขึ้นเรือแบบไม่ให้ลูกเรือรู้ตัว โดยใช้ตะขอเกี่ยวและแท่งเหล็ก รวมทั้งใช้บันไดและเชือกสำหรับปีนป่าย บางครั้งอาจมีการยิงปืนขู่เพื่อให้เรือหยุดอยู่กับที่ พวกตนจะได้ปีนขึ้นเรือได้สะดวก เมื่อยึดเรือได้แล้ว ตามปกติ จะนำเรือที่ยึดได้ไปจอดทอดสมอที่เมืองชุมทางของโจรสลัดชื่อเมือง”อิลล์” (Eyl) โดยจะนำเอาตัวประกันไปขึ้นบก ซึ่งมักมีการดูแลอย่างดีจนกว่าจะได้ค่าไถ่

เพราะอะไรทำไมไม่มีใครปราบโจรสลัดได้  ก็เพราะว่าเรือรบจากอย่างน้อย 9 ชาติกำลังปฏิบัติการสกัดโจรสลัดอยู่ในมหาสมุทรอินเดียและอ่าวเอเดน แต่ดูเหมือนจะแก้ปัญหาไม่ได้  และจากการที่เรือ Sirius ถูกยึดทางใต้ของโซมาเลียในระยะไกลมาก บ่งชี้ว่ากำลังมีการขยายพื้นที่อิทธิพลของโจรสลัดจนครอบคลุม 1 ใน 4 ของมหาสมุทรอินเดียแล้ว ทำให้สำนักงานพาณิชย์นาวีระหว่างประเทศ แนะนำให้เจ้าของเรือใช้มาตรการป้องกันต่างๆ รวมทั้งใช้ความเร็วชนิดที่เรือโจรสลัดจะตามไม่ทัน แต่ปัจจุบัน โจรสลัดเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก และมักออกทำงานยามกลางคืน ซึ่งกว่าลูกเรือจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็มักจะสายเกินไปแล้ว และการใช้กำลังทางทหารเข้าแทรกแซงก็ทำได้ยากเพราะมีตัวประกันอยู่บนเรือ  มีโจรสลัดน้อยคนที่เคยถูกจับได้

โจร สลัดบุกยึดเรือ เพื่อเงินค่าไถ่เรือลำละ 2 ล้านเหรียญ (70ล้านบาท) ทำให้อาชีพ โจรสลัดกำลังอินเทรนเพราะช่วยให้อยู่ดีกินดี คนพื้นเมืองในโซมาเลียเปิดเผยว่า การปล้นยึดเรือเป็นเรื่องที่สังคมโซมาเลียยอมรับ และกำลังกลายเป็นแฟชั่น เพราะโจรสลัดกลายเป็นกลุ่มคนรวยเงินรวยอำนาจ สร้างบ้านซื้อรถใหม่ ได้แต่งงานกับผู้หญิงสวย มีภรรยาได้มากกว่า1คนโจรสลัดจึงกลายเป็นทางเลือกของคนหนุ่มที่หมดหวังจะไปทำมาหากินอย่างอื่นใน ประเทศที่ยังคุกรุ่นด้วยไฟสงครามกลางเมือง ไม่มีรัฐบาลกลางที่มีอำนาจบริหารประเทศอย่างแท้จริงตั้งแต่ปี 2544 แถมคนกลุ่มนี้จะไม่เรียกตัวเองว่าโจรสลัด แต่จะเรียกตัวเองว่า “หน่วยยามฝั่ง” ช่วยปกป้องประเทศจากผู้มาเอาเปรียบ

โจรสลัด โซมาเลียมีหลายกลุ่ม ส่วนใหญ่มาจากครอบครัวยากจน อายุ 20-35 ปี โครงสร้างการทำงานของกลุ่มโจรสลัดคล้ายกันเกือบทุกกลุ่ม ประกอบด้วย 3 ฝ่าย “สมอง-แรง-ไฮเทค”
1 สมอง – อดีตชาวประมงที่รู้เส้นทางเดินเรือในทะเลอย่างดี เป็นฝ่ายวางแผน
2 แรง - อดีตกลุ่มติดอาวุธ มีหน้าที่บุกจู่โจมเรือเป้าหมาย
3 ไฮเทค – คนที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี ทั้งโทรศัพท์ผ่านดาวเทียม ระบบกำหนดตำแหน่งผ่านดาวเทียม หรือ GPS ฯลฯ

หากไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกฎหมายทางทะเลได้ บรรดาผู้ลงทุนเจ้าของเรือสินค้าต่างๆ ก็คงต้องเตรียมเงินไว้ไถ่ตัวประกัน หรือไม่ก็ “ไปตายเอาดาบหน้า” ด้วยการต่อสู้แบบมือเปล่าหรือท่อนไม้ ท่อนเหล็กเท่าตามที่กฎหมายกำหนด ฟังดูเหมือนกล้าหาญ แต่จริงๆแล้วไม่มีทางเลือก

ที่มา พัทยาเดลินิวส์