ส่วนตัวคิดว่าความกว้างและสภาพอากาศที่หนาวเย็นของรัสเซีย ยังมีประโยชน์ทางยุทธศาสตร์อยู่มากครับ

แต่ให้ลองมองดูว่าปัจจุบันรัสเซียไม่ใหญ่เหมือนสมัยสหภาพโซเวียต(แต่ก็ยังใหญ่อยู่ดี) เรามาดูยุทธศาสตร์การวางกำลังของรัสเซียจะเห็นว่า เขาเน้นเอาทหารไปออกันอยู่ทางด้านที่ติดกับยุโรปอยู่มากมาทุกสมัย เพราะเคยถูกรุกรานจากด้านนี้เป็นประจำตั้งแต่สมัยนโปเลียนยันฮิตเลอร์ แต่ทั้งสองคนที่ว่าก็มาถึงแค่กรุงมอสโคว์ประจำ แล้วก็ถูกไล่ตีโต้จนแพ้เหมือนๆกันไม่มีผิด (ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย) ยุคสงครามเย็นโซเวียตใช้ประเทศบริวารกลุ่มวอร์ซอร์เป็นกันชนเสริมเหล็กกันกองทัพค่ายนาโต้ไว้ แต่ปัจจุบันนี้อดีตวอร์ซอร์ก็หันไปเป็นนาโต้กันเสียหมด ทำให้รัสเซียยังคงหวาดระแวงแนวรบด้านนี้ตลอดมา

อีกด้านหนึ่งที่รัสเซียต้องเสริมทหารเป็นจำนวนมากคือด้านที่ติดกับจีน โดนมากขึ้นตั้งแต่ช่วงสงครามเย็นที่ขัดแย้งกับจีน จนสู้รบกันในช่วงปี1969 โซเวียตต้องใช้ทหารเป็นล้านตรึงชายแดนไว้ ในขณะที่จีนหาหทารมาได้เยอะกว่าเป็นหลักล้านเช่นเดียวกัน ปัจจุบันนี้เนื่องจากจีนเป็นมหาอำนาจ ยังไงรัสเซียก็ต้องใช้ทหารจำนวนมากมาประจำการตามชายแดนที่ติดกับจีนไว้

ทีนี้มาดูด้านที่รัสเซียปล่อยโล่ง ก็คือด้านตะวันออกไกลซึ่งติดต่อได้กับอลาสก้าของสหรัฐ เนื่องจากบริเวณนี้มีภูมิประเทศสุดโหดคือหนาวติดลบและประชากรก็ไม่ค่อยมากอะไร รัสเซียจึงปล่อยโล่งตลอดมา(คนอยู่ไม่ค่อยได้) หากลองคิดว่าสหรัฐจะกล้ายกพลขึ้นบกด้านนี้ไหม? อาจจะทำได้ แต่จะเจอปัญหามากมาย เพราะเมืองก็ไม่มี มีแต่หิมะน้ำแข็งกับอากาศสุดโหด พวกยานยนต์รถถังนี่อย่าหวังว่าจะวิ่งได้ หากทะลึ่งบุกด้านนี้จริงๆละก็ทำได้ แต่จะเคลื่อนทัพได้ช้ามากๆ ซ้ำร้ายหากการส่งกำลังบำรุงทางทะเลหรือทางอากาศถูกตัดขาดบอกได้คำเดียวว่าตายๆ อีกทั้งภาคตะวันออกไกลนี้ยังกว้างสุดๆและไกลจากเมืองหลวงของรัสเซียมาก หากเจอยึดไปรัสเซียก็คงไม่ค่อยรู้สึกอะไร

เสริม ปัจจุบันรัสเซียยังคงเป็นประเทศที่มีกำลังสำรองมากที่สุดในโลกคือ 21ล้านคน และมีรถถังมากที่สุดในโลกด้วย ถึงแม้จะถังแตกไม่แข็งแกร่งเท่ากองทัพสมัยสหภาพโซเวียต แต่ยังไงก็ยังเป็นมหาอำนาจที่น่ากลัวอยู่ดี หากนาโต้กับสหรัฐบุกจริงๆ ผมว่าคงบุกได้เหมือนๆสมัยก่อนคือไปถึงแถวๆมอสโคว แล้วก็ถูกตีโต้ยำเละกลับมาเช่นเคย เพราะรัสเซียใช้ตำราพิชัยสงครามคือล่อให้ข้าศึกเข้ามาลึกๆในประเทศ จนกองทัพข้าศึกขยายตัวไม่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน แล้วก็ทุ่มกำลังตีโต้จนถึงรัง