หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


“ฮุนเซน” ใหญ่คับเขมร ตั้งลูกชายบัญชา 2 กองพลพิทักษ์พ่อ -ปรับปรุงใหม่

โดยคุณ : xxxd3v1llexxx เมื่อวันที่ : 09/01/2011 10:48:16


ภาพ จากแฟ้มวันที่ 13 ต.ค.2552 ในยูนิฟอร์มนายพลห้าดาวจอมทัพ พล.อ. ดร.สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน กับ พล.จ.ฮุนมาเนตบุตรชายยืนเคียงกัน เนื่องในโอกาสได้ติดยศเป็นนายพลจัตวาในงานพิธีสวนสนามครบรอบ 15 ปีกองพลน้อยที่ 70 ในที่ตั้งชานกรุงพนมเปญ ปัจุบันอายุ 33 จบจากโรงเรียนนายร้อยเวสต์พ้อยต์ สหรัฐฯ และ จบ ป.โทเศรษฐศาสตร์จากอังกฤษ วันจันทร์ 3 ม.ค.2554 พล.จ.ฮุนมาเนต ได้ดาวบนบ่าเพิ่มอีก 1 ดวง เป็นพลตรี และ ยังควบตำแหน่งผู้บัญชาการ 2 กองพลพร้อมกัน เพื่อพิทักษ์บัลลังก์ของบิดากับคณะโดยเฉพาะ.-- AFP PHOTO/Tang Chhin Sothy.
       
ASTVผู้จัดการออนไลน์-- บุตรชายวัย 33 ปีของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซน ได้รับแต่งตั้งขึ้นเป็นผู้บัญชาการกองพลต่อต้านการก่อการร้ายที่มีชื่อเสียง ที่มีการปรับเปลี่ยนใหม่ 2 ปีที่แล้ว พร้อมกับควบตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์ผู้นำ ที่มีฐานะเทียบเท่ากองพลน้อย อันเป็นความเคลื่อนไหวซึ่งถูกมองว่า เป็นความพยายามเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยของบิดา ที่อยู่ในอำนาจมา 24 ปีโดยไม่ขาดช่วง
       
       พิธีแต่งตั้งจัดขึ้นในวันจันทร์ 3 ม.ค.2553 ตามพระราชกฤษฎีกาฉบับหนึ่งที่ลงพระปรมาภิไธยโดย พระบรมนาถนโรดมสีหมุนี กษัตริย์แห่งกัมพูชา โดยฮุนเซนเป็นประธาน มีนายทหารระดับสูงเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก รวมทั้ง พล.อ.เตียบัญ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหมด้วย
       
       พลตรีฮุนมาเนต (Hun Manet) เรียนสำเร็จจากโรงเรียนนายร้อยเวสต์พอยต์ (West Point) สหรัฐฯ ด้วยทุนของรัฐบาลสหรัฐฯ และ ยังพยายามศึกษาต่อระดับปริญญาโทด้วยทุนของตัวเองที่สถาบันกลาโหมและวิทยา ศาสตร์การทหารแห่งหนึ่งในกรุงวอชิงตันดีซี แต่ไปสำเร็จระดับปริญญาโทสาขาจากเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบริสทอล ประเทศอังกฤษ
       
       ฮุนมาเนต เป็นบุตรชายคนโตของครอบครัวฮุนเซน ในบรรดาพี่น้อง 5 คน เป็นชายสามกับหญิงอีกสาม และ นายกฯ กัมพูชากล่าวก่อนหน้านี้ ว่า ไม่มีความปรารถนาที่จะให้บุตรชายหรือบุตรี เข้ายุ่งเกี่ยวกับการเมืองของประเทศในอนาคต
       
       แต่ในทางปฏิบัติกลับเป็นว่าบุตรชายคนโตกำลังทำหน้าที่พิทักษ์ บัลลังก์ของบิดา และ ฮุนมะนา (Hun Mana) ธิดาคนโต ซึ่งเป็นคนที่สองของครอบครัว เป็นเจ้าของโทรทัศน์บายน กับหนังสือพิมพ์รายวันภาษาเขมรกัมปูเจียทะเมย (Kampuchea Thmey) หรือ “กัมพูชาใหม่” ที่สนับสนุนรัฐบาลโดยเฉพาะ
       
       บุตรและบุตรีทุกคนของครอบครัวฮุนเซนล้วนแต่งงานกับทายาทของผู้นำ ระดับสูงในรัฐบาลและในพรรค ซึ่งทำให้ทุกคนในศูนย์กลางแห่งอำนาจ ล้วนเกี่ยวดองกันทางครอบครัวทั้งสิ้น
       
       ฮุนมาเนต ได้รับเลื่อนยศเป็นนายพลจัตวาของกองทัพในเดือน ต.ค.2552 หลังจากทำงานในสังกัดกองพลน้อยที่ 70 มาตลอด นี่คือ กองพลที่ติดอาวุธทันสมัยที่สุด นายทหารหลายคนได้รับการฝึกจากต่างประเทศ ทำหน้าที่ต่อต้านการก่อการร้าย พร้อมๆ กับการพิทักษ์ผู้นำระดับสูงคือ นายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา ประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ
       
       นักสังเกตการณ์เรียกกองพลน้อยที่ 70 ว่า "กองกำลังต่อต้านการรัฐประหาร"
       
       การติดยศพลตรีเมื่อวันจันทร์ ทำให้บุตรชายของครอบครัวใหญ่ ก้าวขึ้นตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลเต็มขั้น อย่างสง่าผ่าเผยในขณะอายุยังน้อย และ ที่สำคัญคือเป็นผู้กุมกำลังทหารจำนวน 2 กองพลเอาไว้ในมือพร้อมกัน
       
       ถึงแม้ว่าจะเรียกชื่อเป็น “กองพลน้อย” อันเป็นชื่อเรียกที่ใช้มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง แต่หน่วยกำลังหลักสำคัญนี้มีกำลังพลถึง 2,000 คน และสามารถระดมกองหนุนในสังกัดได้อีกถึง 2,000 คน
       
       ตามข้อมูลของสื่อในกัมพูชา กองพลน้อยที่ 70 ได้รับใช้ผู้นำกับภริยามาตลอด และ 15 ปี ที่ผ่านมาครอบครัวฮุนเซนได้บริจาคเงินส่วนตัวเพื่อกองกำลังสำคัญนี้รวม 2,722,531 ดอลลาร์ และ ยังสร้างอาคารขนาดต่างๆ ให้อีก 59 หลัง ภายในที่ตั้งที่อยู่ชานเมืองหลวง
       
       ในเดือน ต.ค.2552 ในโอกาสครบรอบปีที่ 15 การก่อตั้ง ได้มีการแยกกองกำลังส่วนหนึ่งออกจากกองพลน้อยที่ 70 และตั้งขึ้นเป็นกองกำลังพิทักษ์ผู้นำโดยเฉพาะ โดยโยก พล.จ.ฮุนมาเนตไปเป็น ผบ.กองกำลังหน่วยใหม่ ขณะที่ พล.ต.เหมาสุพาล (Mao Sophal) ผบ. กองพลน้อยที่ 710 ยังอยู่ในตำแหน่งต่อไป
       
       ตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นมา "พล.ต.ฮุนมาเนต" ได้ควบตำแหน่งผู้บัญชาการของสองกองพล หน่วยรบชั้นเยี่ยมของกองทัพราชอาณาจักรกัมพูชา ทั้งนี้เป็นรายงาของสื่อออนไลน์หลายแห่งในประเทศนี้
       
       ไม่มีการกล่าวถึง พล.ต.เหมา สุพาล นายทหารที่ใกล้ชิดและได้รับความไว้วางใจจากครอบครัวผู้นำมาตลอด


ภาพ จากแฟ้มวันที่ 13 ต.ค.2552 ทหารสังกัดกองพลน้อยที่ 70 กองกำลังพิทักษ์ผู้นำในอดีตในงานพิธีสวนสนามครบรอบ 15 ปีภายในที่ตั้งชานกรุงพนมเปญ นี่คือหน่วยรบที่ฝึกมาดีที่สุดและติดอาวุธทันสมัยที่สุด ครอบครองอาวุธหนักทุกชนิด มีทั้งหน่วยราบ หน่วยม้า หน่วยช่าง หน่วยปืนใหญ่ และหน่วยปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานในตัวเองเสร็จสรรพ กองกำลังส่วนหนึ่งถูกแยกออกไปตั้งเป็นกองพลใหม่ขึ้นมาทำหน้าที่พืทักษ์ บัลลังก์ของผู้นำโดยเฉพาะ.-- AFP PHOTO/Tang Chhin Sothy.
       


ภาพ จากแฟ้มวันที่ 13 ต.ค.2552 ทหารสังกัดกองพลน้อยที่ 70 กองกำลังพิทักษ์ผู้นำ ประจำบนรถถัง T55 ในงานพิธีสวนสนามครบรอบ 15 ปีภายในที่ตั้งชานกรุงพนมเปญ นี่คือหน่วยรบที่ฝึกมาดีที่สุดและติดอาวุธทันสมัยที่สุด ครอบครองอาวุธหนักทุกชนิด มีทั้งหน่วยราบ หน่วยม้า หน่วยช่าง หน่วยปืนใหญ่ และหน่วยปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานในตัวเองเสร็จสรรพ.-- AFP PHOTO/Tang Chhin Sothy.
       ปลายปีที่แล้วกัมพูชาได้ซื้อรถถัง T55 กับยานลำเลียงพลหุ้มเกราะทันสมัยที่ผลิตจากค่ายยุโรปตะวันออกรวมจำนวนเกือบ 100 คัน และเชื่อกันว่า จำนวนไม่น้อยประจำการในกองพลพิทักษ์ผู้นำแห่งใหม่
       
       การแต่งตั้งบุตรชายคนโตกลับไปเป็น ผบ.กองพลน้อยต่อต้านการก่อการร้ายอีก 1 ตำแหน่ง จึงถูกมองเป็นกลยุทธ์ในการสนธิกำลังของสองกองพลชั้นเยี่ยมเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่ระบอบฮุนเซนและคณะผู้นำที่ครองอำนาจมายาวนาน เกือบ 30 ปี
       
       คนกลุ่มนี้เคยเชื้อเชิญกองทัพเวียดนามเข้าจับไล่ระบอบเขมรแดงของโปลโป้ทในปี 2522 และนำไปสู่สงครามกลางเมืองต่อมาอีก 10 ปีเต็ม
       
       ปัจจุบันคณะผู้นำเก่าแก่นี้อยู่ภายใต้ร่มธงพรรคประชาชนกัมพูชา ซึ่งก็คือ “พรรคประชาชนปฏิวัติกัมพูชา” หรือ พรรคคอมมิวนิสต์สายโซเวียต-เวียดนาม ที่ขึ้นครองอำนาจแทนพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา ของกลุ่มโปลโป้ท-เอียงสารี-เคียวสมพร ซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์สายจีนในครั้งอดีต
       
       ฮุนเซน เคยขู่ว่า ใครก็ตามที่พยายามยึดอำนาจโดยทำรัฐประหาร จะ “ตายสถานเดียว” และ ยังขู่สำทับอีกว่า การโค่นล้มรัฐบาลชุดปัจจุบันจะนำกัมพูชากลับเข้าสู่สงครามกลางเมืองอันยาว นานอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นคำขู่ที่ได้ผล เนื่องจากชาวเขมรที่อยู่กับความโหดร้ายของสงครามมาตลอด ต่างพากันหวาดผวาและไม่ต้องการจะเห็น
       
       กองพลน้อยที่ 70 เคยมีบทบาทสำคัญในการปราบปรามฝ่ายต่อต้ายฮุนเซน รวมทั้งการปราบกองกำลังของฝ่ายกรมหลวงนโรดมรณฤทธิ์เมื่อปี 2540 ซึ่งทำให้ฝ่ายหลังต้องถอยร่นจากกรุงพนมเปญ หลังจากฮุนเซนทำรัฐประหารโค่นเชื้อพระวงศ์ซึ่งเป็น “นายกรัฐมนตรีคนที่ 1” ลงจากอำนาจ
       
       หลายปีก่อนหน้านี้ครอบครัวฮุนเซนต้องอาศัยอยู่ในค่ายทหารที่ตวลกระ แซง (Tuol Kraseng) จ.กันดาล ตลอด มา เมื่อก่อสร้างคฤหาสน์ “วิมานเอกราช” บ้านพักส่วนตัวในกรุงพนมเปญแล้วเสร็จ จึงได้ย้ายเข้าอาศัย แต่ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างรัดกุม

 

http://www.manager.co.th/IndoChina/ViewNews.aspx?NewsID=9540000000832





ความคิดเห็นที่ 1


ไม่ยากเกินจะเดา นายกฯคนต่อไปของเขมร.......เหมือนได้ยินข่าวตอนจบเวสต์พอยต์ใหม่ แป๊บเดียว ได้เป็นนายพลฯแล้ว เก่งจริงๆ.........ถ้าจบนายร้อยบ้านเราอายุเท่านี้ คงได้แค่ร้อยเอก หรือพันตรี............
โดยคุณ hong เมื่อวันที่ 07/01/2011 04:15:38


ความคิดเห็นที่ 2


สรุป เขาจะยังอยู่อีกนานใช่มั้ย

โดยคุณ ecos เมื่อวันที่ 06/01/2011 21:00:44


ความคิดเห็นที่ 3


5555+ คล้าย โสม แดง นะครับ 5555+

โดยคุณ PINJI เมื่อวันที่ 06/01/2011 22:03:31


ความคิดเห็นที่ 4


ขอร้องเถอะนะ  ให้ใช้สมองหน่อยกับสำนักข่าวนี้มั่วมาตลอด

อีกอย่างนึงมันเรื่องของประเทศเขา  ถ้าเขามาวิจารณ์ประมุขเราบ้างคุณจะรู้สึกยังไง

พอกันซะทีเถอะเกี่ยวกับดูถูกเพื่อนบ้าน

โดยคุณ Kfpz เมื่อวันที่ 07/01/2011 08:45:35


ความคิดเห็นที่ 5


โดยคุณ pop04 เมื่อวันที่ 07/01/2011 09:45:35


ความคิดเห็นที่ 6


^ ^ 5555555+ จริงๆดิ

โดยคุณ Mazda เมื่อวันที่ 07/01/2011 11:38:55


ความคิดเห็นที่ 7


ถึงท่าน kfps  ฮุนเซนไม่ใช่พระประมุขครับ เป็นเพียงนายกรัฐมนตรี กัมพูชามีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขไม่ใช่นายกครับ  เอ่อแล้วก็ประเทศเค้าวิจารณ์นายกเราดุเดือดกว่านี้มาก ผมไม่อยากยุ่งนักหรอกครับเรื่องของเขมรแต่ฮุนเซนสิอยากยุ่งเรื่องประเทศเราเหลือเกิน

ปล.ที่มาของคำว่าสมเด็จของฮุนเซนคุณต้องหาเองครับ แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมผมถึงไม่ใช้ราชทินนามเรียกฮุนเซน

โดยคุณ ลมหมุนวน เมื่อวันที่ 07/01/2011 23:35:21


ความคิดเห็นที่ 8


ไม่ขอวิจารณ์เพื่อนบ้านแต่อยากจะพูดอะไรซักนิดนะครับถ้าแรงไปก็ลบได้นะครับ

บ้านเมืองนี่แปลกขึ้นทุกวัน

เวลาใครวิจารณ์เสียดสี สถาบันเบื้องสูง ทหาร ตำรวจ ผู้ที่เขาทำหน้าที่ปกป้องชาติบ้านเมืองเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย กลับ มีคนบางกลุ่มกลับเห็นด้วยสนับสนุน

แต่พอมีคนมาวิจารณ์ ผู้นำเพื่อนบ้านกลับมีคนมาคอยปกป้อง มันน่าน้อยใจแทน เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจริงๆ

แต่ที่ผมโพสไปไม่ได้หมายความว่าผมสนับสนุนให้วิจารณ์ เพื่อนบ้านเขานะครับ แต่อยากจะเปรียบเทียบให้ดู

แล้วก็มีบางโพสหรือบางเว็บพยายามเอา อาวุธหรือเจ้าหน้าที่ของประเทศเราไปเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้าน เหมือนจะว่าเป็นในๆว่าเจ้าหน้าที่เราเก่งแต่ในบ้านตัวเอง

ออกไปข้างนอกสู้ใครไม่ได้ ถ้าเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเราไม่เก่ง คงไม่มีบ้านเมืองถึงทุกวันนี้ ขอให้กลุ่มคนบางกลุ่มโปรดจำเอาไว้ด้วยนะครับ

ปล.เรื่องบางอย่างเจ้าหน้าที่เขาก็ทำตามหน้าที่ของเขานะครับ

โดยคุณ pop04 เมื่อวันที่ 08/01/2011 01:18:45


ความคิดเห็นที่ 9


ยังไง ๆ อ้ายพวกกัมปูเจีย ก็มีประโยชน์น้อ  เราได้ดุลการค้าเค้าเยอะแยะ   ยังไง ๆ เศรษฐกิจเราก็ดีกว่าเค้าอยู่แล้ว คนไทยก็น่ารักอยุ่เมืองไทยมีความสุขจะตาย เค้าก็อิจฉาเราบ้าง เอ้อ ธรรมดาเนาะ

โดยคุณ mayakri เมื่อวันที่ 08/01/2011 13:17:35


ความคิดเห็นที่ 10


ในกัมพูชาทั้งวิทยุ หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ออกข่าวโจมตีไทยแทบทุกวัน ประชาชนให้ความสนใจมาก

แต่สื่อบ้านเรา.......................................

โดยคุณ Akula เมื่อวันที่ 08/01/2011 23:48:21