มันมีองค์ประกอบหลายอย่างครับ ในการชี้ขาดความเป็นความตายเครื่องบินดีไม่ใช่ว่าจะชนะตลอดไป มิราจของอาเจนติน่าได้เปรียบฮาริเออร์ของอังกฤษทุกอย่างแต่ผลการรบมิราจสูญเสียมากกว่า มันต้องประกอบกันหลายอย่าง หน่วยสนับสนุน ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี  ความพร้อมต่างๆครับที่เหลือรอท่านผู้รู้มาว่าอีกทีครับ

มีหลายๆครั้งในอดีต ก็มีการฝึกร่วมกัน ในกองทัพอากาศชาติพันธมิตร ทั่วโลก หลายๆครั้ง มีการเอา MIG-29 และ F-16 มาประลองกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การฝึกในกองทัพชาติNATO ในที่นี้คือ ทอ.เยอรมัน ที่ผมมีเอกสารยืนยัน ก็คือนิตยสารสมรภูมิ ที่ตีพิมพ์เมื่อสิบกว่าปีก่อน  เนื่องจาก ทอ.เยอรมัน มีเครื่องบินแบบ MIG-29 และ Tonado ประจำการ และจะมีการฝึกกับ ทอ.สหรัฐ ที่ใช้ F-16 อยู่เสมอ ซึ่งถือเป็นการฝึกผสมระหว่าง เครื่องบินขับไล่ชั้นนำ 3 ภูมิภาค คือ รัซเซีย ยุโรป และ อเมริกา ซึ่งในการฝึกทุกๆครั้ง นักบินขับไล่ ไม่ว่าจะขับเครื่องบินชนิดใด ล้วนมีทัศนคติ ที่ดีกับF-16 มาก เนื่องจาก วิสัยทัศน์ดี การใช้งานที่ง่ายกว่า สามารถคิด และทำได้เร็วกว่า ยกตัวอย่างที่มีการสัมภาษณ์นักบิน MIG ที่มาลองขับ F-16 นั่น นักบิน MIG ยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ง่ายกว่า หากตนเองจะได้มาขับ F-16 เพราะในการปฎิบัติภารกิจเดียวกัน MIG ต้องการการกดสวิท 5-6 ครั้ง ในขณะที่ F-16 กดสวิทเพียง1-2ครั้ง ในการทำงานฟังก์ชั่น เดียวกัน ซึ่งนั่นก็หมายความว่า ระบบการทำงานบน F-16 มีความเป็นอัตโนมัติ มากกว่า MIG อย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนในเรื่องสมรรถนะด้านการบินนั่น F-16 ดูดีกว่าเล็กน้อย เนื่องจากมีขนาดเล็กกว่า และการมองเห็นของนักบินที่ดีกว่า  แต่ทั้งนี่ทั้งนัน MIG-29 และ F-16 ที่นิตยสารฉบับนั่น กล่าวถึง ต่างเป็นรุ่นมาตรฐานทั้งคู่ พูดง่ายๆก็คือ เป็นเครื่องจากโรงงานประกอบเลย ยังไม่มีฝ่ายไหน ปรับปรุงเพื่อเพิ่มความสามารถ แต่อย่างใด  หากจะกลับมาย้อนดูที่บ้านเรา MIG-29N ของ ทอ.มาเลเซีย กับ F-16 A/B (OCU) ของ ทอ.ไทย ด้านสมรรถนะ กินกันไม่ลง ถือว่าเท่าเทียมกัน เนื่องจากทางฝ่ายมาเลเซีย เริ่มให้ความสำคัญกับ บ.ชนิดนี้ ลดลง MIG ที่มี จึงมีความสามารถ ตามมาตรฐานเท่านั่น ก็เช่นเดียวกับF-16A/B ของไทย แต่หากเปรียบเทียบกับ MIG-29 ของ ทอ.พม่า ซึ่ง (เชื่อว่า) อาจมีสมรรถนะสูงกว่า MIG-29 ของ มาเลเซีย แต่ก็ไม่น่าวิตก เนื่องจากจำนวน ก็ยังมีไม่มาก ประกอบกับการมีอยู่ ของ F-16 ADF และกำลังจะได้ F-16 MLU ใหม่ ของไทย ดังนั่น ช่องว่างด้านสมรรถนะ ก็จะหมดลงไป แต่เราได้เปรียบเรื่องจำนวนที่มากกว่า หรือสรุปว่า ยังไง F-16 ก็ไม่มีทางเป็นรอง MIG-29 แน่นอน ไม่ว่าวันนี้ หรือวันหน้า และในประวัติศาสตร์ มีเพียงF-16เท่านั่น ที่ยิงMIG-29 ตกฝ่ายเดียว ในขณะที่ MIG-29 ยังไม่สามารถบวกแต้ม จาก F-16 ได้  ส่วนเจ้า Gripen C/D ใหม่ของเรา ที่ไม่เอาไปเทียบกับMIG-29 เพราะว่าตัวมันเองต้องถูกยกระดับไปเปรียบกับ SU-30 แทน จากโครงสร้างกำลังรบ ในภูมิภาคนี้

อย่างที่คุณ nathekop   ว่าครับ โดยเฉพาะ *หน่วยสนับสนุน ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี*

ประเทศเราอยู่อันดับต้นๆในภมิภาคนี้หรือจะเรียกว่าอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะ กองบิน 1

เนื่องจากเรามีการฝึกกับชาติที่มีเทคโนโลยีและทักษะ ขั้นสูง มาโดยตลอด อย่างเช่น อเมริกา ออสเตเลีย สิงคโปร์

มีทั้งเครื่องบินที่ทันสมัยเช่น F-15 F-18แม้แต่ mig-29ก็เคย เข้าร่วมฝึกกับ F-16 ของประเทศเราดังนั้นเรื่อง หน่วยสนับสนุน ยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีเราเป็นอันต้นๆแน่นอนครับในภูมิภาคนี้

ถูกต้องอย่างคอมเม้นท์ที่สอง............ยังมีองค์ประกอบอื่นอีกหลายอย่าง.....................โดยเฉพาะที่ผ่านมา  การรบทางอากาศระหว่าง เอฟ-๑๖ และ มิก-๒๙ นั้น........................ ทุกครั้ง ฝ่ายแรก จะเป็นผู้ครองห้วงอากาศได้เบ็ดเสร็จอยู่แล้ว...............ยกตัวอย่างเช่น สงครามอิรัคทั้งสองครั้ง ที่เอฟ-๑๕เอ/ซี และ เอฟ-๑๖ ร่วมกัน เด็ดปีกมิก-๒๙ ได้ ผล็อยๆ ก็ด้วยอเมริกาครองห้วงอากาศเหนือดินแดนอิรัคได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นต์................. อเมริกามีฐานบัญชาการลอยฟ้า คอยตรวจการณ์และชี้เป้า ขณะที่ ฐานเรดาร์ของอิรัค โดนทำลายหมดเกลี้ยง ตั้งแต่การบุกห้วงแรกๆ.................เครื่องบินมิกอิรัคส่วนใหญ่ที่ถูกเด็ดปีกในช่วงหลัง ต่างก็ไม่ได้มีทีท่าในการบินทำนองยุทธ โดยส่วนใหญ่มีจุดมุ่งหมายเพื่อจะบินหนีไปลงในอิหร่าน.....................ก็ในเมื่อไม่มีศูนย์บัญชาการ บินขึ้นไปก็เหมือนคนตาบอด.............. อนุมานเหมือน สองคนถือปืนคนละกระบอก ไล่ยิงกันตามมุมตึก ฝ่ายหนึ่งตัวเปล่าๆ อีกฝ่ายมีคนยืนสังเกตการณ์อยู่บนยอดหอคอย คอยส่งรายงานความเคลื่อนไหวทางวิทยุให้ ตัวคนเดียวเห็นทีคงต้องเดี้ยง................มันไม่แฟร์ ไม่มีอะไรที่จะสามารถวัดขีดความสามารถหรือสมรรถนะของ เอฟ-๑๖ และ มิก-๒๙ สำหรับการรบทางอากาศในสมรภูมิครั้งนั้นได้"เป็นนัยสำคัญ" ................... ในโครโซโวก็เช่นเดียวกัน เอฟสิบหกเอเอ็ม สอย ฟัลคลั่มลงได้ ก็ทำนองเดียวกับอิรัค .............ปิดตาตีหม้อ ครั๊ย..มันจะไปสู้ได้....................

ในส่วนของ กริเป้น และ ซู-๓๐ นั้น  ถ้าจะเปรียบมวยคู่นี้ ไม่ได้ต่างอะไรจากคู่ราวีในอดีต คือ มิก-๒๑ และ เอฟ-๔ .............. ถามว่า มิกยีบเอ็ดและแฟนธ่อม ใครแจ่มกว่ากัน ถ้าไม่อคติ หรือเอนเอียง อันไหนแหล่มกว่า คงต้องทราบดี................... แต่ที่ทั้งคู่ เป็นคู่ต่อสู้กันได้ เพราะต่างคนต่างทำหน้าที่ ที่ตนเองถนัด(ได้รับการออกแบบมา) คือ ฝ่ายหนึ่งเป็นเครื่องสกัดกั้นป้องกันภัยทางอากาศหรือดินแดนตัวเอง (สิ่งอำนวยความสะดวก รับการสนับสนุนด้วยจำนวนไม่จำกัด) อีกอัน เป็นเครื่องครองความเป็นจ้าวอากาศ และ/หรือ เครื่องขับไล่โจมตีขัดขวางทางลึก..............เมื่อฝ่ายหนึ่งตัวล่ำกล้ามใหญ่เรี่ยวแรงมากพอที่จะออกไปเบ่งนอกบ้านแบบฉายเดี่ยว ไม่มีใครกุมกะลาหัว แต่อีกฝ่าย ตัวจ่อยแรงน้อย อาศัยฟันหน้าคม (เก่งกัดแขน) เจ๋งในบ้าน ด้วยมีอุปกรณ์และเครื่องช่วย(อาซ้อ อากู๋ ผนึกกำลัง)  ดังนี้ จึงเป็นคู่ต่อสู้ที่ฟาดกันได้........................แต่ถ้าถามว่าอันไหนแหล่มกว่ากัน หรือ อเนกบทบาทกว่ากัน ถ้าคิดออกหรือคิดได้ คำตอบน่าจะอยู่ในใจอยู่แล้ว.........................

ในใจของผมให้เครดิต กริเป้น ด้วยเป็นเพียงเครื่องบินใหม่  และที่มีทีเด็ดคือ มีระบบลิ้งข้มูลที่สามารถทำกับระบบแจ้งเตือน อีรี่อาย ที่สั่งซื้อเข้ามางวดเดียวกันได้...................... ผมเชื่อว่า  ถ้าเราจะประลองยุทธในการรบทางอากาศ ด้วยการจับคู่ กริเป้น กับ อีรี่อายของกองทัพอากาศ.............ก็จะเทียบได้กับ  บล็อค ๕๒ คู่กับ อี-๒  ของสิงคโปร์ นั่นแหล่ะ ............. ส่วนในการแบกระเบิดไปโจมตี ไม่ต้องพูดถึง ฟัลคอนติดถังแนบข้าง เป็นไสตร้ค์ไฟเตอร์ได้เต็มรูปแบบ ..........

ท่านกบ ให้ข้อคิดน่าสนใจเกี่ยวกับ SU v. JAS 

เพราะ เห็นได้ชัดว่า ถ้าพี่SU ถ้า บุกเข้ามาคงไม่พ้นสภาพเดียวกับ F4 ที่ แม้นว่าจะ ใหญ่ แต่ ก็ เสร็จ เครื่องเล็ก ๆ อย่าง Mig 

ยิ่งการรบสมัยมใหม่ที่ มี พี่เลี้ยงคอยดูให้ ยิ่งทำให้คิดถึง สมัย WW II 

ที่ UK ใช้ เรด้า ในการ ตอบโต้ ฝูงบินเยอรมัน ทั้ง ๆ ที่ เยอรมัน กำลังรบทางอากาศดีกว่า แต่ ต้องมาแพ้ กับสงครามเครือข่าย 

ซึ่งถ้า ระบบ data link ทำใด้ ครบทุก สถานี  มันจะเหมือน ใยแมงมุม ที่ล่อให้  แมลง เข้ามาติดกับ