หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


สหรัฐฯย้ำกองทัพ US ยังสำคัญใน “แปซิฟิก” หากต้องการสกัดอิทธิพล “จีน”

โดยคุณ : xxxd3v1llexxx เมื่อวันที่ : 20/01/2011 10:39:56

รอเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวปาฐกถาที่มหาวิทยาลัยในกรุงโตเกียว ก่อนเดินทางไปเยือนเกาหลีใต้เป็นประเทศสุดท้าย

       เอเจนซี - วอชิงตันประกาศ ย้ำว่า ภูมิภาคแปซิฟิกยังคงต้องการกองทัพสหรัฐฯ เพื่อที่จะสกัดกั้นการแผ่อิทธิพลของกองทัพจีน ซึ่งอาจมีท่าทีเป็นปรปักษ์ต่อประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อปักกิ่งเร่งพัฒนากองทัพอย่างกระวีกระวาด ท่าทีล่าสุดของพญาอินทรีมีขึ้นก่อนหน้าที่ประธานาธิบดี หู จิ่นเทา จะไปเยือนกรุงวอชิงตัน ในสัปดาห์หน้า
       
       รอเบิร์ต เกตส์ รัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ กล่าวแสดงปาฐกถาที่มหาวิทยาลัยในกรุงโตเกียววันนี้ (14) ระบุว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีการทำสงครามในโลกไซเบอร์ และระบบขีปนาวุธทำลายดาวเทียมของจีน ได้ท้าทายขีดความสามารถในการปฏิบัติการในย่านแปซิฟิกของกองทัพสหรัฐฯ
       
       นายใหญ่เพนตากอน ยังได้ประกาศเน้นย้ำถึงความสำคัญด้านยุทธศาสตร์ของความสัมพันธ์ระดับกลาโหม ระหว่างวอชิงตันกับโตเกียว โดยระบุว่า “หากปราศจากทหารอเมริกันซึ่งประจำการอยู่ในญี่ปุ่นขณะนี้ราว 49,000 คน จีนอาจแสดงความก้าวร้าวมากขึ้นต่อบรรดาประเทศเพื่อนบ้าน”
       
       เกตส์ กล่าวโดยอ้างเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างจีนกับญี่ปุ่นซึ่งปะทุขึ้นจากชนวน เหตุกรณีเกาะพิพาทในทะเลจีนตะวันออกเมื่อปีที่แล้ว ระบุว่า นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ตอกย้ำว่า เหตุใดพันธมิตรของญี่ปุ่นอย่างหรัฐฯ จึงมีความสำคัญต่อภูมิภาคนี้อย่างยวดยิ่ง
       
       คำเตือนของเกตส์ มีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากจีนนำเครื่องบินขับไล่ที่มีเทคโนโลยีหลบหลีกเร ดาห์ (สเตลต์) รุ่นแรกของตนออกบินทดสอบครั้งแรก ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เกตส์เยือนกรุงปักกิ่งหมายจะปรับปรุงความ สัมพันธ์ด้านกลาโหมกับจีนที่แตกร้าวมานานเกือบหนึ่งปีเต็มจากชนวนเหตุที่เพ นตากอนขายอาวุธล็อตใหญ่ด้วยมูลค่าเป็นประวัติการณ์แก่ไต้หวัน
       
       สหรัฐฯ ยังหวาดวิตกถึงการที่จีนมีแผนจะต่อเรือบรรทุกเครื่องบินจำนวนหลายลำ รวมถึงพัฒนาขีปนาวุธต่อต้านดาวเทียม ตลอดจนระบบอาวุธล้ำสมัยอื่นๆ โดยที่วอชิงตันเกรงว่าอิทธิพลครอบงำของตนในบริเวณภูมิภาคแปซิฟิกจะถูกท้าทาย โดยจีน
       
       “คำถามต่างๆ เกี่ยวกับจุดมุ่งหมาย รวมถึงความคลุมเคลือในการสร้างความทันสมัยให้กับกองทัพของจีน สร้างความหวาดระแวงให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านทั้งหลาย” เกตส์ กล่าวต่อหน้านักศึกษามหาวิทยาลัยในกรุงโตเกียว
       
       “ข้อสงสัยต่างๆ เกี่ยวกับบทบาทของจีนที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นในภูมิภาคแห่งนี้ สามารถพิจารณาได้จากข้อพิพาทเรื่องดินแดนต่างๆ โดยเฉพาะเหตุการณ์กระทบกระทั่งกันล่าสุดระหว่างปักกิ่งกับโตเกียวในน่านน้ำ ใกล้กับหมู่เกาะเซนกากุเมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา” บิ๊กเพนตากอน กล่าว
       
       ทั้งนี้ คำพูดเตือนและท่าทีของรัฐมนตรีเกตส์ คราวนี้มีขึ้นก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ของจีนมีกำหนดจะไปเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการในวันที่ 19 มกราคมนี้ โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุว่า ประธานาธิบดี บารัค โอบามา เตรียมจะยกประเด็นปัญหาสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์หลายๆ ปัญหามาถกหารือกับผู้นำแดนมังกร อาทิ ปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่าน และเกาหลีเหนือ ตลอดจนประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสองมหาอำนาจเศรษฐกิจของโลกคู่นี้

 

http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000005360





ความคิดเห็นที่ 1


ปัญหาของคนเอเชีย...ก็ต้องแก้ตามวิถีของคนเอเชีย......ดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็ได้....คุณไม่เคยช่วยแก้ได้เลยมีแต่ทิ้งปัญหาไว้...แล้วเผ่นไปทุกครั้ง....ถึงเวลากลับบ้านได้แล้ว....ลุงแซม......

โดยคุณ tui เมื่อวันที่ 16/01/2011 05:05:54


ความคิดเห็นที่ 2


พูดแบบนี้จะมีความสัมพันธ์อันดีได้ไง

โดยคุณ juk เมื่อวันที่ 16/01/2011 22:31:17


ความคิดเห็นที่ 3


อเมริกา...นะ มันทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของมัน ในเอเชีย

อเมริกา..กำลังถังแตก ระหว่างสงครามในอิรัก-ปากีสถาน และตอนนี้ ก็รบกับตอลีบานอยู่ (ที่ไม่มีวันชนะ) จมปรักอยู่กับสงคราม ที่ถอนตัวไม่ออก (จะถอนตัว-ก็กลัวเสียหน้า)

สิ่งที่อเมริกาถนัดคือ ขายความกลัว...หากินกับความกลัว (สุดท้าย ยิ่งคนในเอเชีย..ขัดแย้งกันมากเท่าไร อเมริกา ก็ได้ประโยชน์มากเท่านั้น) เพราะเป็นพ่อค้าขายความตาย เบอร์หนึ่งของโลก (ขายอาวุธสงครามมากสุดในโลก)

สุดท้าย..ก็เสนอ ขายของให้ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ (ไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์) ใครหล่ะ ที่ได้ประโยชน์ ไม่พ้นอเมริกาอยู่ดี

อเมริกา..ไม่เคยไว้ใจใคร (แม้แต่ชาติพันธมิตร ก็ตาม) ถ้าไว้ใจ ป่านนี้เมกาขาย F-22 ให้ญี่ปุ่นไปแล้ว ส่วนหนึ่ง-กลัวเทคโนโลยี่ลั่วไหล-(กลัวญี่ปุ่นพัฒนาเครื่องบินที่ได้จาก F-22 มาสู่ในแบบฉบับของตนเองเปล่าหว่า-เมื่อนั้น เมกา คงขายวุธให้ชาวปลาดิบไม่ได้แล้ว)

เพราะญี่ปุ่น ก็เป็นชาติยักษ์ใหญ่ มีเงินทุนมหาศาล มีเทคโนโลยี-มีกำลังการผลิตเป็นของตัวเอง ไม่อยากจะพีงพาเมกามากเกินไปเหมือนกัน

สุดท้าย มันก็เรื่องผลประโยชน์อยู่ดี ถ้าเมกาจะขายความกลัวให้กะไทย คงไม่ยาก.....

โดยคุณ seetha456 เมื่อวันที่ 16/01/2011 23:14:25


ความคิดเห็นที่ 4


เห็นด้วยกับทุกๆท่านเลยครับ

   ว่าด้วยลุงแซมจอมละโมบนั้น ต้องการจะเป็นใหญ่บนโลกใบนี้ แต่ชาวโลกไม่เห็นด้วย ลุงแซมจึงคิดและสรรหาวิธีต่างๆนาๆ เพื่อจะกล่อม

ชาวโลกว่า ข้าคือคนดี ข้ามาเพื่อสันติภาพ(จอมปลอม)  แล้วก็เข้ามาทำให้คนในภูมิภาคนั้นต้องเดือดร้อนไปตามๆกัน ประเทศลุงแซมนั้นแต่

ก่อนก็มิใช่ของลุงแซม แต่ไปแย่งเขามาขับไล่ ไล่ล่า กวาดล้าง คนในพื้นที่จนเกือบหมด แล้วอ้างตัวเองเป็นเจ้าของผืนดินแห่งนั้น สืบมาจนทุกวันนี้

ชนเผ่าดั้งเดิม จึงแทบจะไม่มีที่อยู่อาศัย แถมยังถูกเหยียดหยามจาก ลุงแซมอีกต่างหาก  

   ขนาดคนในชาติเขา เขายังแก่แย่งชิงดี มีความละโมภสูง เหยียดผิว เป็นต้น  และนี่คือพฤติกรรมที่สืบทอดกันมาทาง กรรมพันธ์ ของชาติลุงแซม

จนลุกลามไปยัง นาๆประเทศทั่วโลก  แต่ด้วยความปลิ้นปล้อน+พลังเห็นแก่ตัว  จึงเกิดเป็นลุงแซมถึงทุกวันนี้

โดยคุณ smoke2joice เมื่อวันที่ 17/01/2011 00:16:04


ความคิดเห็นที่ 5


เพราะเรามองในด้านที่เราเป็นประเทศไทย เราไม่ได้มีข้อพิพาทกับจีน เรามองแบบเราเป็นคนวงนอก เราเป็นกล้างเป็นกลาง

ลองคิดถ้าเราเป็นเวียดนาม ถ้าเราเป็นญี่ปุ่น หรือเกาหลีใต้ ความเสี่ยงมันมี ถ้าตัว ๆ คงลำบาก แต่ถ้ามีแบ๊คอัพเป็นอเมริกา ก็วางใจได้เปราะหนึ่ง มีพันธมิตเป็นประเทศที่รบเก่งที่สุดในโลก มันย่อมดีกว่าหัวเดียวกระเทียมลีบ จริงไหมครับ

หรือประเทศอย่างสิงคโปร ประเทศเล็ก ๆ โดนยิงขีปนาวุธก็และเป็นโจ๊กไปทั้งประเทศแล้ว แต่เพราะเขาเป็นพันธมิตรอันเหนียวแน่นของอเมริกา โจมตีกรุพี่กรุมาช่วยนะ จะเอาเรอะ ประเทศเล็ก ๆ นี้จึงเข็มแข็งได้

ลองคิดดูถ้าสมมตินะครับ สมมติว่าพม่ามีหัวรบนิวเคลียร์ ขีปนาวุธชางดู วันดีคืนดีบอกระนองนี่ของเรานะ ถามว่าเราจะกล้าวัดกับพม่าตรง ๆ ไหม ในเมื่อเขาถือไพ่เหนือกว่า เราก็จำเป็นที่จะต้องหาพันธมิตรที่ถือไพ่เหนือกว่าพม่า จริงไหม ซึ่งไม่ว่าจะเป็นจีน หรืออเมริกา ก็ตามแต่

โดยคุณ piyapart เมื่อวันที่ 17/01/2011 01:29:22


ความคิดเห็นที่ 6


ประวัติศาสตร์ทีผ่านมามีฝรั่งชาติไหนบ้างครับที่เข้ามาเอเซียแล้วไม่เห็นแก่ตัว  ไม่กดขี่ข่มแหง  ยุยงหรือทำให้แตกแยกออกเป็นก๊กเป็นเหล่าแล้วปกครอง 

ทีนี้ก็นำสินค้าเข้ามาขาย  ขากลับก็กอบโกยทรัพยากรท้องถิ่นออกไปขาย  หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองทั้งนั้น  ประเทศไหนคอนโทลไม่ได้ 

แข็งข้อก็ยกกำลังเข้ากดดัน  บังคับให้เขียนสนธิสัญญาที่เอื้อประโยชน์กับประเทศตัวเอง  ขายไอ้นี่ไม่ได้  ก็หาอย่างอื่นมาขาย  หนักเข้าไปอีกก็ขายพวกที่

มอมเมา  เค้าขายความกลัวมานานเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว  ไม่ว่ายุคสมัยไหนรูปแบบก็คล้ายๆๆหรือใกล้เคียงกันอยู่อย่างนี้  เชื่อและยอมให้หลอกอยู่เรื่อยไป

 

 

ปล.  ผมไม่ได้มีอคตินะครับ  แต่ที่ผ่านมามันเป็นแบบนี้จริงๆ

โดยคุณ thorn009 เมื่อวันที่ 17/01/2011 05:54:07


ความคิดเห็นที่ 7


เป็นการดิ้นรนของสหรัฐด้วยเกรงว่าจะสูญเสียอิทธิพลและพันธมิตร(เพราะหันไปคบจีน) ในเอเซียแปซิฟิก

ความตื่นกลัวจีนของสหรัฐกำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง  ไม่รู้ว่าสหรัฐจะออกอาการและการกระทำอย่างไร ?

ตัวอย่างไม่กี่วันนี้ รายการ  Glenn Beck: Chinas Rise = Americas Fall ?  ใน Fox News Channel (January 14, 2011)

ให้เวลาเกือบทั้งรายการพูดถึงประเทศจีน  (เสียงอังกฤษ แต่ฟังไม่ยากครับ)

http://www.youtube.com/watch?v=U2KetwK1_Ek

โดยคุณ jazz เมื่อวันที่ 17/01/2011 06:19:43


ความคิดเห็นที่ 8


เขา อยากเป็น เบอร์1 ไปตลอดกาล ก็เท่านั้น

โดยคุณ ecos เมื่อวันที่ 19/01/2011 06:29:10


ความคิดเห็นที่ 9


จีน ต้องการถ่วงดุลอำนาจกับลุงเเซม...


โดยคุณ taylor เมื่อวันที่ 19/01/2011 23:40:01