ฟิฟทีนมูฟ — ต่อกรณีข่าวทหารไทยเพิ่มกำลังตามแนวชายแดนจากเหตุความตึงเครียดจับตัว ๗ คนไทย เขมรดาหน้าโต้ “เจีย ดารา” บอกทหารเขมรมีสมเด็จ ฮุน เซน จะปกป้องสมเด็จฯ และดินแดนกัมพูชา ทหารไทยจะไม่มีวันรุกล้ำดินแดนอย่างเมื่อคราวกรกฎา ๕๑ ที่เข้ายึดพื้นที่รอบพระวิหารได้อีก ส่วน “สรัย ดึ๊ก” บอกไม่กลัวคำขู่ เขมรไม่ใช่เมืองขึ้นของไทย ไม่ยอมเสียดินแดนแม้แต่มิลลิเมตรเดียว ย้ำสู้จนตัวตาย ขณะที่ “กอย เกือง” ยกคำพูดกษิตตบปากเคยบอกไม่กระทบความสัมพันธ์ ข่าวย้อนคำพูด “ฮุน เซน” ระบุอภิสิทธิ์ขอให้ช่วยแค่พณิชลอยแพที่เหลือ เขมรรับไม่ได้สองมาตรฐาน ย้ำความผิดเดียวกันและไม่มีเอกสิทธิ์ในแผ่นดินเขมร
วิทยุปลดปล่อยเอเชียรายงานเมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๔ ว่าผู้บัญชาการทหารกัมพูชาที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชาไม่กังวลต่อการคุกคามจาก รัฐบาลไทยที่ได้สั่งเพิ่มกำลังที่ชายแดน ผู้บัญชาการทหารกัมพูชาได้ให้ความเห็นดังกล่าวหลังผู้นำไทยหลายคนแสดงท่าที คุกคามต่อกัมพูชาภายหลังคนไทย ๗ คน ถูกจับกุมโดยทหารกัมพูชาจากการรุกล้ำเขตแดน
หลังการจับกุมตัว ๗ คนไทย นายกรัฐมนตรีไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เตือนว่าการดำเนินคดีกับ ๗ คนไทย จะทำให้ปัญหาซับซ้อนขึ้นและประเทศไทยจะทบทวนความสัมพันธ์กับกัมพูชาหาก ๗ คนไทยไม่ถูกปล่อยตัวโดยเร็ว ช่วงเวลาเดียวกันมีรายงานว่ากำลังทหารไทยหลายพันนายพร้อมอาวุธได้ตรึงกำลัง บริเวณชายแดน อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการทหารกัมพูชาที่ชายแดนระบุว่าไม่กลัวและไม่กังวลต่อการคุมคามและ ตรึงกำลังทหารของไทย
พลเอกเจีย ดารา รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดกองทัพกัมพูชาและผู้บัญชาการปฎิบัติการพระวิหาร บอกกับวิทยุปลดปล่อยเอเชียว่า กัมพูชามีอาวุธและกำลังทหารประจำการตามแนวชายแดนเพียงพอ และพวกเขาพร้อมต่อสู้เพื่อปกป้องบูรณภาพเหนือดินแดนของกัมพูชา และจะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์อย่างที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี ๒๕๕๑ ที่ทหารไทยรุกล้ำพื้นที่ปราสาทพระวิหารเกิดขึ้นซ้ำอีก “เรา คนเขมรมีสมเด็จเดโช ฮุน เซน และคุณหญิง (บุน รานี ฮุน เซน) ผู้ซึ่งทหารให้ความเคารพ และรับปฏิบัติตามบัญชา (ของ ฮุน เซน) ให้ปกป้องสมเด็จเดโช ปกป้องดินแดนกัมพูชา” เจีย ดารา กล่าว
ต่อการตอบโต้คำเตือนของไทย พลเอกสรัย ดึ๊ก (Gen. Srey Doek) ผู้บัญชาการกองกำลังที่พระวิหารระบุว่า.
ทหารกัมพูชาจะสู้จนตัวตายหากทหารไทยรุกล้ำดินแดนกัมพูชา โดยประกาศกร้าวว่า “เรา ไม่ให้ความสำคัญกับคำพูดแบบนั้น และเราไม่กังวลเพราะประเทศเราก็เป็นประเทศอิสระประเทศหนึ่ง และเขา (ประเทศไทย) ก็เป็นอีกประเทศหนึ่ง และเราไม่ใช่เมืองขึ้นของไทย ไม่! เราจะปฏิบัติตามคำสั่งของสมเด็จเดโช นายกรัฐมนตรีของเรา เราจะใช้ทุกมาตรการเพื่อปกป้องดินแดนของเรา เราจะไม่ยอมเสียดินแดนแม้มิลลิเมตรเดียวให้กับไทย ผมจะสู้ถ้าไทยรุกล้ำผม ผมจะปกป้องดินแดนอย่างห้าวหาญ เขาไม่มีทางรุกล้ำเราได้ เราจะสู้จนตัวตาย”
เมื่อวันที่ ๕ มกราคม ที่ผ่านมา ทั้งกัมพูชาและไทยได้เพิ่มกำลังทหารในพื้นที่ชายแดนบริเวณหลักเขตที่ ๔๖ ใกล้หมู่บ้านโจ็กเจ็ยซึ่ง ๗ คนไทยถูกจับกุม เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มผู้ประท้วงเสื้อเหลืองข้ามเข้ามาในกัมพูชา
ในช่วงเวลาเดียวกัน หนังสือพิมพ์เดอะเนชัน อ้างคำพูดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย นายกษิต ภิรมย์ ที่ระบุว่าตนจะทบทวนความสัมพันธ์กับกัมพูชาหากกรณี ๗ คนไทย ไม่มีความคืบหน้า
นายกอย เกือง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ระบุว่ากรณีของ ๗ คนไทย เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมของกัมพูชา กรณี ๗ คนไทยเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่แยกต่างหากไม่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ ทวิภาคีระหว่างสองประเทศ เขายังได้ย้ำถึงคำพูดนายกษิตอีกว่า นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีฯ ต่างประเทศของไทย ได้บอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ ๓๐ ธันวาคม (๒๕๕๓) หลังความพยายามเจรจาปล่อยตัวคนไทยไม่เป็นผลว่าปัญหาดังกล่าวจะไม่กระทบความ สัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
นายกรัฐมนตรี ฮุน เซน ได้กล่าวกับสาธารณะเช่นเดียวกันว่าปัญหาดังกล่าวจะไม่กระทบความสัมพันธ์สอง ฝ่ายระหว่างสองประเทศ และกล่าวเพิ่มเติมว่าตนเองจะไม่แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม “เราได้ จับกุม ๗ คนไทย ซึ่งมาจากกลุ่มเคลื่อนไหวเสื้อเหลือง ๒ คนจากรัฐสภาและอีกคนจากสื่อมวลชน เขา (ฝ่ายไทย) ได้ขอกับผมให้แทรกแซงเพื่อช่วยปล่อยตัว ๒ คนจากรัฐสภา ผมได้บอกกับเขาว่ากรณีของสมาชิกรัฐสภา ๒ คน (และคนอื่น ๆ) เป็นคดีความเดียวกัน ถ้าเราปล่อยแค่ ๒ คนและควบคุมตัวคนอื่น ๆ เป็นเรื่องที่ผิด สมาชิกรัฐสภาไทยมีเอกสิทธิ์ทางรัฐสภาเฉพาะในประเทศไทย แต่เมื่อเขาเข้ามาในดินแดนกัมพูชา ผมเสียใจด้วย” ฮุน เซน กล่าว
ต่างจากคำกล่าวอ้างของกัมพูชา ผู้บัญชาการทหารไทยกลับระบุว่าไม่มีการเพิ่มกำลังทหารแม้จะมีความตึงเครียด ตามแนวชายแดนระหว่างสองประเทศต่อกรณีการจับตัว ๗ คนไทย เมื่อเร็ว ๆ นี้
http://www.15thmove.net/news/cambodian-commanders-not-concerned-thai-threats/
ฮวย เซง ปัดย้ายชุมชนเขมรพ้นพระวิหารไม่เกี่ยวไทย
ฟิฟทีนมูฟ– ฮุน เซน ตบหน้าอภิสิทธิ์ฉาดใหญ่ระบุย้ายชุมชุนเขมรที่พระวิหารไม่เกี่ยวกับไทย ไม่เกี่ยวกับ MOU43 แต่ทำตามยูเนสโก ระบุไม่เคยยอมรับตามที่อภิสิทธิ์กล่าวอ้างว่าความขัดแย้งไทย-เขมรเกิดจากการ ขึ้นทะเบียนปราสาทแต่ความขัดแย้งแท้จริงมาจากไทยรุกล้ำกัมพูชา เตือนยูเนสโกและนานาชาติอย่าเข้าใจผิดเพราะอภิสิทธิ์บิดเบือน ตบท้ายชงหวาน อภิสิทธิ์-ประวิตร-ประยุทธ์ เป็นคนรักชาติ พูดตรงกับเขมรไม่มีใครเสียดินแดน ชี้นิ้วพวกหัวรุนแรงไทยกล่าวหาเลื่อนลอย ย้ำความสัมพันธ์การทูตเป็นปกติแล้วเพราะไทยถอนทหารพ้นวัดแก้วฯ
ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ขณะกล่าวสุนทรพจน์ปิดการประชุมกระทรวงพัฒนาชนบท ประจำปี ๒๕๕๓
เว็บไซต์วิสัยทัศน์ใหม่กัมพูชา เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๓ ตีพิมพ์เผยแพร่สุนทรพจน์ของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรี ระหว่างพิธีปิดการประชุมกระทรวงพัฒนาชนบท ประจำปี ๒๕๕๓ โดยในตอนท้ายได้ชี้แจงจุดยืนความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชา ที่ระบุว่าตนไม่เคยยอมรับว่าการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกเป็น สาเหตุของความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ ระหว่างการพูดคุยกับผู้นำไทยก็ได้ยืนยันจุดยืนดังกล่าว ทั้งยังระบุว่าตนยอมรับเพียงแค่ว่าความตึงเครียดเกิดจากการที่ทหารไทยรุกล้ำ กัมพูชาเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๑ เตือนนานาชาติและยูเนสโกไม่ให้เข้าใจผิดเนื่องความพยายามบิดเบือนของฝ่ายไทย ประกาศย้ำว่าความสัมพันธ์ทางการทูตกลับมาเป็นปกติเต็มขั้นเมื่อวันที่ ๑ ธันวามคม ๒๕๕๓ ที่ทหารไทยถอนออกจากวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ อ้างผู้นำรัฐบาลไทยและกองทัพพูดตรงกันกับกัมพูชาว่าไม่มีใครเสียดินแดน เรียกกลุ่มคนไทยที่เคลื่อนไหวเรื่องพิพาทเขตแดนไทย-กัมพูชาเป็น “พวกหัวรุนแรง” และกล่าวหาว่ากล่าวอ้างอย่างเลื่อนลอยและผิด ๆ ชมเปาะ อภิสิทธิ์ ประวิตร ประยุทธ์ เป็นผู้รักชาติ ก่อนระบุว่าการย้ายหมู่บ้านใกล้ปราสาทพระวิหารไม่เกี่ยวกับไทยแต่เป็นไปตาม ข้อเรียกร้องของยูเนสโก ตอนท้ายพูดถึงกรณืการจับตัว ๗ คนไทย เรียกวีระ สมความคิดว่า “หมอนี่”
ฟิฟทีนมูฟแปลและเรียบเรียงสุนทรพจน์ของฮุน เซน ในประเด็นชี้แจงความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ดังนี้
——————————–
ชี้แจงจุดยืนความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา
ผมขอใช้โอกาสนี้อธิบายบางประเด็นเกี่ยวกับการคืนความสัมพันธ์กับประเทศไทย หลังการปรับกำลัง สามารถพูดได้ว่าสถานการณ์ที่วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระได้ถูกแก้ไขแล้ว อย่างไรก็ตาม ผมต้องการทำความชัดเจนในบางประเด็น
ประการแรกผมไม่เคยยอมรับแม้แต่น้อยว่าการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกนำ สู่ไปความตึงเครียดระหว่างกัมพูชากับไทย หากใครที่กรุงเทพฯ อ้างอย่างนั้น ผมจะบอกว่าผิดในการหารือของผมกับนายกรัฐมนตรีไทย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และผู้นำไทยคนอื่น ๆ ผมไม่เคยเห็นด้วยว่าการขึ้นทะเบียน (ปราสาทพระวิหาร) นำไปสู่ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ ผมอยากกระตุ้นเตือนยูเนสโกและเพื่อนชาวต่างชาติอื่น ๆ ไม่ให้ถูกหลอกและเข้าใจผิดจากความพยายามบิดเบือนของคนหนึ่งคนใด
ผมยอมรับเฉพาะว่าความตึงเครียดเกิดจากการรุกรานของทหารไทย เมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๑ผมได้บอกอย่างชัดเจนว่าแม้เอกอัครราชทูต (ระหว่างสองประเทศ) กลับมาทำหน้าที่เหมือนเดิม ผมยังไม่นับว่าความสัมพันธ์ของเรากลับสู่ขั้นปกติอย่างเต็มที่ ความสัมพันธ์ขั้นปกติอย่างเต็มที่จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทหาร (ไทย) ที่รุกล้ำได้ถอนออกจากพระเจดีย์วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ดังเช่น เมื่อเวลา ๑๐.๓๐ น. ของวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ เมื่อทหารได้ปรับกำลังออกจากพระเจดีย์แก้วสิกขาคีรีสวาระ ผมประกาศการบรรลุความสัมพันธ์ขั้นปกติอย่างเต็มที่
ประการที่สองเกี่ยวกับการตีความว่ากัมพูชาได้รุกล้ำแผ่นดินไทยราว ๑.๘ ล้านไร่ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่กัมพูชากลายเป็นผู้รุกรานแผ่นดินของคนอื่น ปกติในประวัติศาสตร์จะได้ยินแค่เพียงว่านั่นและนั่นรุกรานกัมพูชา และในบางคราวเราถูกกล่าวหาว่าเป็นหุ่นเชิดของบางประเทศ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รัฐบาลไทยและกองทัพไทยได้ยืนยันว่าเขาไม่ได้เสียดินแดน นี่ยืนยันว่าพวกหัวรุนแรงเหล่านั้นกล่าวหาอย่างผิด ๆ และไร้หลักฐานผมแน่ใจว่ารัฐบาลไทย นายกรัฐมนตรีไทย รัฐมนตรีกลาโหม ประวิตร วงษ์สุวรรณ และผู้บัญชาการทหารบกคนใหม่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เคยมาพบผมก่อนนี้ ทั้งหมดเป็นคนรักชาติ(สำหรับประเทศไทย) เมื่อทั้งสองฝ่ายยืนยันว่าไม่มีการเสียดินแดน มันดีอย่างยิ่งที่เราไม่มีอะไรต้องกังวลหากมีความกังวลเกี่ยวกับการย้ายหมู่บ้าน K1 จากปราสาท (พระวิหาร) การย้ายหมู่บ้านไม่ได้เป็นไปตามความต้องการของไทย แต่เป็นไปตามข้อเรียกร้องขององค์การพระวิหาร1 และยูเนสโก
วันนี้เราได้จับกุม ๗ คนไทยเสื้อเหลืองที่ล่วงล้ำดินแดนกัมพูชา หนึ่งในนั้นเป็นสมาชิกรัฐสภาและบางส่วนเป็นสื่อมวชนหนึ่งในนั้นคือหมอนี่ วีระ สมความคิดพวกเขาจะถูกส่งมายังพนมเปญ มีการแทรกแซงเราให้ปล่อยตัวสมาชิกรัฐสภา ผมบอก (กับคนที่มาก้าวก่ายว่า) สมาชิกรัฐสภาไทยมีเอกสิทธิ์เฉพาะในแผ่นดินไทย เมื่อเขาเข้ามาในแผ่นดินกัมพูชาเพื่อตรวจสอบที่ดิน กัมพูชามีสิทธิทุกประการที่จะจับกุม
ฯพณฯ สา เขง (Sar Kheng) รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีมหาดไทย รายงานมายังผมว่าขั้นตอนของคดีนี้จะเป็นการนำตัวไปยังตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เมื่อมาถึง จากนั้นจะถูกนำตัวไปยังศาล ส่วนข้อกล่าวหาจะขึ้นกับศาล หลังถูกตั้งข้อกล่าวหาพวกเขาจะถูกส่งตัวไปยังเรือนจำ ผมหวังว่านากรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ จะเข้าใจระบบกฎหมายของกัมพูชาซึ่งไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย ผมคิดว่าการจับกุมจะไม่นำไปสู่ความบาดหมางทางการทูตระหว่างกัมพูชาและไทยอีก ครั้ง
——————————–
หมายเหตุ: “วิสัยทัศน์ใหม่กัมพูชา” เป็นเว็บไซต์ของรัฐบาลกัมพูชา ผ่านความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน เมื่อ ๑๓ มกราคม ๒๕๔๑ ให้เป็นจดหมายข่าวอย่างเป็นทางการของรัฐบาล เป็นเว็บไซต์เชิงเอกสารที่ให้การเข้าถึงข้อมูล มุมมอง นโยบายและการตัดสินใจของกัมพูชา ข้อมูลถูกตีพิมพ์โดยคณะรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีมีเป้าหมายที่จะให้แหล่ง ข้อมูลและเอกสารอย่างเป็นทางการจากนายกรัฐมนตรี
http://www.15thmove.net/news/hun-sen-speech-dec-29-2010/#footnote_0_2081
ได้อีก! เขมรขึ้นป้ายประจานทหารไทยรุกล้ำวัดแก้วฯ
ฟิฟทีนมูฟ– เอาใหญ่ นายพลเตีย บัญ ลูกหลานไทยเกาะกง นำทหารเขมรขึ้นป้ายประจานไทยว่ารุกล้ำแผ่นดินกัมพูชาที่วัดแก้วฯ ลงทุนจัดใช้หินอ่อนทำป้ายใหญ่ แถมเขียนหราที่ก้อนหินใหญ่ข้อความเดียวกัน ระบุ “ณ จุดนี้ คือที่ซึ่งคนไทยรุกล้ำ”
(ซ้าย) แผ่นป้ายหินอ่อนเขียนข้อความประจานไทย (ขวา) เตีย บัญ พร้อมนายทหารที่บริเวณใกล้เคียง
หนังสือพิมพ์เกาะสันติภาพของกัมพูชารายงานเมื่อวันที่ ๑๐ มกราคม ๒๕๕๔ ว่า ทหารกัมพูชาได้ขึ้นป้ายหมายเหตุบนก้อนหินขนาดใหญ่ใกล้พระเจดีย์วัดแก้วสิกขา คีรีสวาระ ซึ่งอยู่ใกล้ปราสาทพระวิหาร จุดซึ่งทหารไทย ๔๕๐-๗๐๐ นาย เข้ายึดครองเมื่อวันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๑ เพื่อเป็นประจักษ์พยานต่อการรุกรานของไทยและเพื่อระลึกถึงการรุกล้ำของไทยใน พื้นที่นั้น
ก้อนหินใหญ่ใกล้วัดแก้วฯ ซึ่งทหารไทยเคยประจำหลังเข้าควบคุมพื้นที่ ก้อนหินมีข้อความเขียนประจานไทยหลังถอนกำลัง
ทหารไทย ๑๐ นาย เคยตั้งฐานประจำการอยู่บนก้อนหินใหญ่ใกล้วัดแก้วฯ เป็นเวลา ๒ ปีครึ่ง เมื่อถอนกำลังออกจากอาณาบริเวณของวัด ในวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ ไปยังบริเวณอื่นใกล้ปราสาท (พระวิหาร) แต่ก็ยังอยู่ในดินแดนของกัมพูชา
การขึ้นป้ายดังกล่าวเปิดเผยโดยพลเอก เตีย บัญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๔ มีเจ้าหน้าที่ทหารและนายสอ ทารี (Mr. Sor Thary) ผู้ว่าราชการจังหวัดพระวิหาร เข้าร่วม
แผ่นป้ายถูกวางบนก้อนหินขนาดใหญ่จุดที่ทหารไทย ๑๐ นาย เคยใช้เป็นที่ตั้งด่านระหว่างเข้ายึดครองพื้นที่ มีขนาด ๑.๘ x ๐.๙๐ เมตร ทำจากหินอ่อนสลักอักษรสีทอง หันหน้าไปทางโคปุระที่ ๕ เขียนข้อความว่า“ณ จุดนี้ คือที่ซึ่งคนไทยรุกล้ำ”
http://www.15thmove.net/news/khmer-plague-thai-invasion/
<วิทยุปลดปล่อยเอเชีย> รู้สึกจะใส่ผงชูรสเยอะไปหน่อยนะครับ
เอ้อ แปลกเดี๋ยวนี้ คน-ทหารเขมรนับถือฮุนเซ็นเป็นพระเครื่องแล้วเหรอเนี่ย หรือว่าเป็นเทวดาล่ะเห็นบอกว่ามีสมเด็จหัว... ฮุนเซ็นอยู่แล้วไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น ว่าแต่ว่าฮุนเซ็นออกของดีมากี่ชุดแล้วเนี่ย ทหารแขมร์ถึงได้กล้าไม่กลัวตายอย่างนี้ เหอะๆๆ บางทีผมดูการกระทำของเขมรเหมือนเป็นเรื่องตลกนะ ออกแนวขำๆด้วยซ้ำ เค้าลงทุนมากอะกับแค่ทหารไทยเคยไปนั่งตรงนั้นแล้วต้องทำป้ายขนาดใหญ่โต หลายกะตังส์เพื่อมาบอกชาวบ้านชาวเมืองว่าเอ้อ เนี่ยตรงเนี้ยเคยมีทหารไทยมานั่งอยู่ โห้ๆๆๆ เดี๋ยวนี้ทหารไทยยิ่งใหญ่ขนาดนี่แล้วหรอ ถึงขนาดไปนั่งตรงไหนแล้วเขมรต้องเขียนป้ายบอก คริ คริ คริ ตลกว่ะเขมรเอ้ย ประเทศที่เค้าเจริญแล้วไม่มีประเทศไหนหรอกที่ทำอย่างสูอ่ะ
ป.ล.อย่าไปจับเลยครับคนเขมรที่เข้ามาอยู่ในไทยน่ะ ขืนจับทั้งหมดขังคุกเป็นปีๆ เปลืองข้าวสุกหลวงแย่เลย เอาไว้เลี้ยงนักโทษไทยดีกว่า เลี้ยงเขมรเสียข้าวสุกเปล่าๆ แค่ไล่เขมรทั้งประเทศให้ออกไปจากแผ่นดินไทย ปิดด่านซัก 1 เดือนแค่นี้เฮงซวย เอ้ย ฮุนเซ็น ก็เต้นผางๆๆๆๆๆ แล้วครับ
ป.ล.กระทู้ล่อเป้า แต่ขอซักหน่อย
จริงๆไม่ต้องรบกับเขาเรากดดันเขาได้มากกว่า...แรงงานผิดกฏหมาย...ขอทานต่างด้าว....ปิดด่านสักพัก
การคุยกันดีดีก็จะตามมา ผมว่าคนเขมรในไทยนี่น่าจะหลายแสน ผลักดันคนที่หนีเข้ามาแบบผิดๆ
ใจแข็งสักเดือนรับรองเราได้เปรียบเขา ใช้การทูตให้มีชั้นเชิงหน่อย มันก็ดีเอง