http://www.komchadluek.net/detail/20110126/86978/%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88.html
มชัดลึก :กัมพูชา รื้อป้านหินอันเดิมออก ติดใหม่ข้อว่า "ที่นี่คือกัมพูชา" ร้อนถึงแม่ทัพภาค 2 นำกำลังบุกวัดแก้วสิกขาฯจี้เขมรทุบป้าย บรรยากาศตึงเครียดหนัก สั่งขึ้นลำอาวุธไว้เตรียมพร้อม สุดท้ายการเจรจาผ่านด้วยดีเขมรยอมทุบป้ายทั้งหมดแล้ว
(26ม.ค.) หนังสือพิมพ์พนมเปญ โพสต์ ของกัมพูชา รายงานว่า ทางการได้รื้อเอาป้ายหินแกะสลักข้อความภาษาเขมรโจมตีทหารไทยว่ารุกราน ใกล้กับวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ซึ่งเป็นวันไทยและอยู่ใกล้กับปราสาทพระวิหาร ทางตอนเหนือของประเทศออกไปแล้ว หลังจากสร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายไทยเป็นอย่างมาก และได้นำป้ายข้อความอันใหม่มาติดตั้งแทนซึ่งหนักข้อกว่าเดิม
ข้อความเดิมบนป้ายหินที่กัมพูชาเอามาตั้งไว้ก่อนหน้านี้ ระบุว่า " จุดนี้เป็นที่ซึ่งทหารไทยเคยรุกล้ำเข้ามาในดินแดนของกัมพูชา เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2551 และถอนออกไปเมื่อเวลา 10.30 น. ของเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ปี 2553 " ส่วนป้ายอันใหม่ มีข้อความสั้น ๆ ว่า " ที่นี่ คือ กัมพูชา "
เจ้าหน้าที่ทางการกัมพูชา ที่ไม่เปิดเผยนามและประจำการอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว ยืนยันว่า ได้มีการรื้อป้ายหินอันเดิมออกไปแล้ว ตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ซึ่งเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพไทย ระบุว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับข้อความของกัมพูชาและขู่ว่าจะตอบโต้ในแบบเดียวกันในฝั่ง ไทย ถ้ากัมพูชายังไม่รื้อแผ่นหินออกไป
ความตึงเครียดระหว่างสองเพื่อนบ้านสมาชิกสมาคมอาเซียน ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากองค์การยูเนสโก้ ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร โบราณสถานในศตวรรษที่ 11 เป็นมรดกโลก ตามคำขอของกัมพูชา ในขณะที่คนไทยจำนวนมาก อ้างว่า โบราณสถานแห่งนี้เป็นของไทย
การเปลี่ยนป้ายหินของกัมพูชา มีขึ้นในเวลาไม่กี่วัน หลังจากมีกลุ่มคนไทย ที่รวมทั้ง ส.ส.พณิช วิกิตเศรษฐ์ ชองพรรคประชาธิปัตย์ ถูกฝ่ายกัมพูชาตัดสินว่ามีความผิดในข้อหารุกล้ำเข้าไปในดินแดนกัมพูชาโดยผิด กฎหมาย ซึ่งในจำนวนนี้ มีคนที่เดินทางกลับประเทศไทยแล้ว5 คน ยังเหลืออีก 2 ค ที่รวมถึงนายวีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่ยังต้องขึ้นศาลในข้อหาเป็นสายลับ ที่อาจต้องโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี
รัฐบาลกัมพูชา ยืนยันว่า คดีของคนไทยเหล่านี้ ไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติและระบุว่า เป็นเรื่องธรรมดาที่คนไทยไปทำความผิดในกัมพูชา ก็ต้องถูกดำเนินการไปตามกฎหมายของกัมพูชา
ไทย-เขมรเจรจายุติยอมปลดป้ายเก่า-ใหม่
แม่ทัพภาค 2 นำกำลังบุกวัดแก้วสิกขาฯจี้เขมรทุบป้าย บรรยากาศ “พระวิหาร” ตึงเครียดหนัก สั่งขึ้นลำอาวุธไว้เตรียมพร้อม แต่สุดท้ายการเจรจาผ่านด้วยดีเขมรยอมทุบป้ายด่าทหารไทย แล้ว
เมื่อ เวลา 11.00 น. พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กองกำลังสุรนารี ได้กำลังทหารจำนวนหนึ่งได้เดินทางขึ้นไปวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ โดยเดินผ่านเส้นทางบันไดขึ้นปราสาทพระวิหาร เพื่อไปเจรจากับ พล.ท.ซรัย ดึ๊ก ผู้บัญชาการทหารของกัมพูชาที่รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนเขาพระวิหาร กรณีที่ฝ่ายกัมพูชาสร้างป้ายประณามทหารไทยว่า “ ที่นี่เป็นสถานที่ที่ไทยรุกราน เมื่อวันที่ 15 ก.ค.2553 แล้วถอนกำลังออกไปคืนเมื่อเวลา 10.30 น.เช้าวันที่ 1 ธ.ค. 2554 ” ที่บริเวณวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ และต่อมาได้เปลี่ยนป้ายโดยระบุชัดเจนยิ่งขึ้นว่า “ที่นี่กัมพูชา” ขณะเดียวกันทางกองกำลังฝ่ายไทยก็ได้ทำการติดตั้งป้ายระบุเช่นกันว่า “ที่นี่ประเทศไทย” อยู่ติดกัน ทำให้สถานการณ์บนชายแดนพระวิหารตึงเครียดขึ้นมาอย่างหนักตลอดคืนที่ผ่านมา ทหารทั้งสองฝ่ายได้รับคำสั่งให้เตรียมความพร้อม 100 % รอฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด
แหล่งข่าวตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาก่อนที่แม่ทัพภาคที่ 2 จะเดินทางไปถึงวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ สถานการณ์ตึงเครียดอย่างมาก ทหารที่อยู่แนวรบทุกนายได้รับคำสั่งให้เตรียมความพร้อม 100 % และให้ขึ้นลำกล้องอาวุธประจำกาย กระทั่งคณะของแม่ทัพเดินทางไปถึงวัดแก้วสิกขาฯและมีการเจรจากับฝ่ายกัมพูชา ก็ได้ข้อสรุปว่าให้ทั้งสองฝ่ายทุบทำลายป้ายของตัวเองลงในเวลา 12.15 น. ทำให้สถานการณ์ลดความตึงเครียดลง และคณะของแม่ทัพภาคที่ 2 จึงได้เดินทางกลับ
กห.เชื่อปมป้ายเขมรไม่ทำบานปลาย
ก่อนหน้านี้ พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมสภากลาโหมที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในการประชุมว่า ที่ประชุมรมว.กลาโหม ฝากให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดในฐานะที่ดูแลกรมกิจการชายแดนทหารใช้ช่องทางดัง กล่าวเข้าประสานงานหารือ ความจริงการหารือในกรอบการประชุมมีทุกระดับตั้งแต่กองกำลังที่อยู่ในพื้นที่ กองทัพภาค จนถึงระดับรมว.กลาโหม ซึ่งยืนยันว่า เหตุการณ์ต่างๆไม่น่าขยายวงกว้างลุกลามบานปลายออกไป เพราะปัจจุบันทุกระดับมีการพูดคุยกัน แต่ปัญหาต้องใช้ระยะเวลาในการพูดคุย เจรจากัน เชื่อว่า หลังจากใช้เวลาน่าจะมีผลที่ดีต่อทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้เท่าที่ได้ตรวจสอบข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ เรายังคงอยู่ร่วมกันในพื้นที่เขาพระวิหารอยู่ และยังไม่ได้มีการเพิ่มเติมกำลังอะไร
พ.อ.ธนาธิป กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าในการให้กัมพูชาถอนป้ายประณามไทยนั้น ที่ประชุมมีการายงานว่า ได้มีการพูดคุยกันแล้ว โดยผบ.ทบ.รายงานว่า ได้มีการประสานงานขอให้มีการนำป้ายออกไป ซึ่งขณะนี้ทางกัมพูชาได้มีการปรับเปลี่ยนข้อความไปจากเดิมแล้ว โดยทางเราต้องมีการหารือ และประสานงานเพิ่มเติมกันอีกครั้ง ทั้งนี้เชื่อว่า ปัญหาดังกล่าวจะไม่กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวให้ไทยกับกัมพูชามีปัญหากัน เพราะที่ผ่านมามีหลายเรื่องที่มีปัญหามากกว่านี้อีก อีกทั้งรมว.กลาโหม ได้ประสานพูดคุยกับพล.อ.เตีย บันห์ รมว.กลาโหมกัมพูชาตลอดเวลา รวมถึงการช่วยเหลือคนไทยจนมีการตัดสินให้มีการประกันตัว ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของรัฐบาลที่จะช่วยเหลือ 2 คนที่ยังอยู่ในพื้นที่กัมพูชา อย่างไรก็ตามคิดว่า ในการพูดคุยน่าจะสามารถตกลงกันได้ แต่การแก้ไขปัญหาต้องใช้เวลา ยืนยันว่า กองทัพมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
บางครั้งต้องใช้ไม้แข็งบ้าง น้องเมร จะได้กลัวไม่อย่างนั้นจะซ่าไม่เลิก
ชอบคำว่า "ขึ้นลำ" จัง
ต้องอย่างงี้แกล้งบ้าเข้าใส่เลยมันจะกลัวไปเอง
หุหุ ถึงเวลาต้อง"ทำตาเขียว"ใส่กลับไปบ้างแล้วละซี
กับเพื่อนบ้านเกเรพูดจาแบบสุภาพบุรุษกันไม่ค่อยจะรู้เรื่องหร๊อก
"แม้นหวังตั้งสงบ จงเตรียมรบให้พร้อมสรรพ์"
เหลือที่ตาเมือนทมอีก
ขอให้บ้าแบบนั้นมั้ง
google earthบ้าไปแล้วปราสาธตาเมือนธมไปอยู่ฝั่งเขมรซะงั้น
สะใจมากเลยครับ เล่นกันแบบ ขึ้นลำ
google earth เอาเปรียบ ไม่เข้าข้างเราเลย ใจดำ งอล google earth