เลขท้ายงวดนี้มากกว่า ^_^

ผมว่า มันไม่เป็นความลับเลย อ่ะครับ แท้แต่ทะเบียนรถลากยังจะบอกอีก ถ้าโดนปล้น ก็สนุกเลย(คิดแบบเด็กๆ)

นักข่าวสมัยนี้ บอกแม้กระทั้งทะเบียนรถขนส่ง รายละเอียดต่าง ๆ มีรถกี่คัน

ถ้าเกิดเราเอาไปแถวชายแดน ข่าวกรองเพื่อนบ้านรู้กันหมด..

  ผมเห็นด้วยเกี่ยวกับความเห็นเรื่องการเปิดเผยรายละเอียดเกินความจำเป็น หากใครประสงค์ร้ายแล้วไม่ทันดูหมายเลขทะเบียนรถบรรทุกก็ดูที่ตราอักษรบริษัทเจ้าของรถหัวลากก็ใด้ครับ นักข่าวเขาระบุชัดเจนขนาดนั้นแล้ว ทำให้ผมนึกเหตุการณ์จับตัวประกันที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดแห่งหนึ่ง ว่านักข่าวรายงานว่า มีเจ้าหน้าที่แฝงตัวเข้าไปหาข่าวในโรงพยาบาลโดยแต่งตัวเป็นเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาล ซึ่งในขณะที่เหตุการณืยังไม่คลี่คลาย ก่อนที่จะลงมือเข้าชิงตัวประกันเจ้าหน้าที่ถึงขั้นต้องออกอุบายเชิญนักข่าวทั้งหลายเข้าไปพักผ่อนรวมกัน ไม่อย่างนั้นคนร้ายก้รู้หมดว่าเจ้าหน้าที่กำลังบุก แถมพอหลังจากการเข้าชิงตัวประกันเสร็จสิ้นนักข่าวยังออกมาโวยด้วยว่าถูกเจ้าหน้าที่หลอกไปกักตัว เอ๊ย...พาไปพักผ่อน ส่วนตัวผมอยากจะให้กำหนดขอบเขตการนำเสนอข่าวในแนวนี้ หรือขอบเขตการนำเสนอข่าวทางทหารในขณะที่อยู่ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน  แล้วก็นำเป็นวิชาบังคับในคณะนิเทสศาสตร์ของทุกสถาบัน เพื่อปลูกฝังนักข่าวรุ่นใหม่ๆ นอกจากนั้นก็เป็นระเบียบบังคับสำหรับกองบรรณาธิการของสื่อทุกประเภทเด้วยซ้ำไปครับ   หมายเหตุ:ขออภัยที่ผมนำกระทู้การเคลื่อนย้ายรถหุ้มเกราะเปลียนเส้นทางมุ่งหน้าไปออกอ่าวไทยด้วยครับ แฮ่ๆ..

ถ้าอยากขนย้ายแบบเงียบๆ ไม่ขนย้ายตอนกลางคืนไม่ดีกว่าหรือครับ

สื่อทำหน้าที่ของเขาครับ

น่าจะเคลื่อนย้ายตอนกลางคืนนะครับ

จะได้ไม่เป็นข่าว

แล้วทำไมต้องเป็นความลับด้วยครับ เดียวต่อไปก็ต้องได้เห็นกันอยู่ดี

จริงครับ นักข่าวบ้านเรา ไม่มีสำนึก 

เหตุการณ์หลายๆ ครั้งที่ เกือบบานปลายก็เพราะนักข่าว

เช่น ชิงตัวประกันในโรงพยาบาลราชบุรี

จับตัวประกัน สถาฑูตพม่า (จำได้เลยว่า นักข่้าวเรา เล่น ไปถ่ายที่ ๆ พลซุ่มยิง ซุ่มอยู่ ออกอากาศ แล้วบอกด้วย ว่า อยู่ตรงไหน )

ล่าสุด เรือที่โดนสลัดโซมาเลีย จับไปลำล่าสุด เรามีแผนจะบุก แต่ นักข่้่าวบ้านเราประโคมข่าว ซะ .... 

ดีนะ ที่ ปฎิบัติการ ช่วยเหลือคนไทย ใน กัมพูชา สมัย นายกหน้าเหลี่ยม ไม่มี ผู้สื่้อข่าวไปทำข่าว ไม่งั้น สงสัย เละ