Burma’s Air Defense Force intends to deploy the S 125 Neva/ Pechora surface-to-air missile after Burmese army soldiers spotted an unidentified flying object assumed to be an Unmanned Aerial Vehicles (UAV) flying over eastern Shan State in early January.
Originally from Russia, the S-125 Neva/Pechora is a kind of surface-to-air-missile (SAM) that has a shorter effective range and lower engagement than others.
“Air Defense Force troops will be in training between this month and April at Burma’s Air Defense Force schools,” said Khuensai Jaiyen, the editor Thailand-based Shan Herald Agency for News (SHAN). “The training involves the UAV that was spotted in January.”
The UAV flew across Namhsan Township and was identical to a UAV spotted by government troops in the last week of December over Kengtung Township. The Burmese Air Force has reportedly been ordered to shoot the UAV down if spotted again in Burmese airspace.
เขาจัดมาเพืื่อต้อนรับน้อง Jas-39 เราหรือเปล่า คราวโน้นก็ทีที่มีข่าวจัดหา Tanguska M1 ตั้งแต่เราเริ่มจัดหา Jas-39 ใหม่ๆ แล้วไม่ใช่หรือ (ถ้าจำไม่ผิด) ท่านผู้รู้ทั้งหลายว่าไงครับ น่าดีใจจริงที่เพื่อนบ้านให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ป.ล.ถ้า Rapter ยังร้อนๆ หนาวๆ แล้ว Gripen เราจะเป็นไงหว่า
ทางเราไม่มีอะไรไว้ต้อนรับ น้อง Mig น้อง Su ที่เพื่อยบ้านเรากำลังจัดหาบ้างเหรอ (หรือเป็น ไอเท็มลับ)
ของเราก็มีเจ้า Sparda ซึ่งใช้จรวด Aspide แบบฐานยิงบนบกอยู่ครับ ถ้ามีการอัพเลเวลขึ้นมาเป็น Aspide 2000
SU ก็หนาวๆร้อนเหมือนกันครับ
และยังมีของที่สิงคโปร์ที่นำมาฝากไว้(ที่ผมมาปล่อยไก่ไว้ในเว็บนึกว่าเป็นของเราเอง)
แต่ไม่รู้ว่าจะนับเป็นไอเทมลับได้ไหมเพราะถึงเวลาที่จำเป็นจะต้องใช้สามารถยืมเอามาใช้ก่อนได้ไหม
อยากให้ไทยผลิตเองได้
ดูเหมือน พม่า กัมพูชา เวียดนามก็มีมานานแล้วรึเปล่าครับ
บ้านเรามี SAM มั่งป่าวครับ
F-22 Rapter ของอเมริกา โดนล็อกเป้าด้วยเจ้านี่ ไม่รู้ว่า F-22 จะรอดหรือเปล่าเนี่ย
ผมว่า อนาคต ของเพื่อนบ้าน มีอาวุธพวกนี้แน่นอน SU-35,SU-30,Mig-35,S-400,T-90s หรือ เรือดำน้ำพลังงานดีเซล Amur-950 ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านยังมีทรัพยากรณ์มากมาย ที่รอการขุดขึ้นมาใช้ และจะเป็นแรงด้านทุนทรัพย์อย่างดี...
สำหรับพม่า...ที่โดนกดดันโดยชาติมหาอำนาจ แรงกดดันจะเป็นตัวกระตุ้นให้พม่าพัฒนาอาวุธทางทหารด้วยตัวเอง เช่น เกาหลีเหนือ หรือ อิหร่าน (อันนี้ ผมขอยกย่องสำหรับการพัฒนาอาวุธในแบบของตัวเอง ไทยสมควรที่เอาแบบอย่าง..ไม่จำเป็นต้องจัดซื้อเอาแต่อย่างเดียว)
สงครามในอนาคต เชื่อได้แน่ว่า พม่าต้องวางแบบแผนสงครามอนาคตไว้ สำหรับสงครามกับชาติมหาอำนาจ (สังเกตุได้จากการย้ายเมืองหลวง) เมืองหลวงย่างกุ้ง อยู่ติดทะเลมากเกินไป-ง่ายต่อการโจมตี
S-125 Pechora SAM missile (Indian version of the Russian SA-3 Goa), used in air defence with a range of 25 Km
แซม S-125 เวอร์ชั่นอินเดีย ก็คือ แซม SA-3 Goa จรวด 2 ท่อน ระยะยิง 25 กิโลเมตร ในรูปข้างบน เอามาจากวิกิพีเดีย ของกองทัพเปรู
อ้างอิง http://www.superstock.com/stock-photos-images/1566-048416
ที่ถามว่า "เขาจัดมาเพืื่อต้อนรับน้อง Jas-39 เราหรือเปล่า"
คงเปล่าครับ ระยะยิงแค่ 25 กิโลเอง คงไว้ป้องกันสนามบิน หรือเมืองหลวงในหุบเขา ที่ตั้งทางทหารในประเทศเขา
ซึ่งเราไม่มีนโยบายรุกราน คงไม่ได้เจอ
เค๊าคงเอาไว้รับมือกับมหาอำนาจมากกว่า เพราะเมืองหลวงยังย้ายหนีเลย ซึ่งถ้าเป็นจริงมหาอำนาจก็มีอาวุธทำลายเยอะแยะ
ทั้งจรวดแอนตี้เรด้าห์ ระบบก่อกวน ECM โทมาฮอว์ก สเตทธ์ UAV บลาๆๆๆ
นี่ป่าว.....
ผมจำได้ว่าไทยมีจรวดนำวิถี ล๊อคเป้าฐานเรดาร์
ของเราก็กำลังพัฒนาขีปนาวุธต่อยอดให้นำวิถีได้ ถ้าโครงการสำเร็จ ก็คงเป็นเรื่องระยะยิงให้ไกลเข้าไว้ ก็เป็นยุทธศาสตร์ที่ดีแบบหนึ่ง เอาไว้ป้องปรามภัยได้ดี
ขอให้โครงการวิจัยของ ดีทีไอ เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้ แค่นี้ก็อุ่นใจแล้วครับ
ทั้งพื้นสู่พื้น พื้นสู่อากาศ อากาศสู่อากาศ และ อากาศสู่พื้น
ครบเมื่อไร ก็พึ่งต่างชาติน้อยลงแล้ว
ครับของเราพัฒนาเจ้า DTI อยู่ถ้าสำเร็จโครงการอื่นๆคงตามมาแน่
(sam)ได้ยินแล้วหนาว เจ้านี้มันตามไม่เลิก สหรัฐรู้ดีจนไม่อยากให้ใครมี ถึงแม้จะมีอาวุธอื่นที่กำจัด sam ได้ก็ตาม แต่เราคงไม่หวั้นเพราะ เราเป็นเด็กดี