หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


เอาภาพ BTR-3E1 มาฝาก ลายดิจิตอล ซะด้วย

โดยคุณ : m79a เมื่อวันที่ : 06/02/2011 21:47:41





ความคิดเห็นที่ 1


หล่อไม่เบา แล้วของเราไม่มีแบบติดท่อยิงจรวดแบบนี้บ้างไหมครับ

โดยคุณ pop04 เมื่อวันที่ 05/02/2011 04:12:39


ความคิดเห็นที่ 2


สวยอะ สั่งมาอีก สัก50 ได้ไหม 55+

เอาจรวด มาด้วยนะ 

โดยคุณ extremeflying เมื่อวันที่ 05/02/2011 04:51:03


ความคิดเห็นที่ 3


น่าเอาไปวิ่งเล่นทดสอบกระสุนจริงแถวชายแดนเขมรนะ

โดยคุณ Tarvo21 เมื่อวันที่ 05/02/2011 05:18:10


ความคิดเห็นที่ 4


เท่ดีครับ

^__^

โดยคุณ InFerNo เมื่อวันที่ 05/02/2011 05:50:23


ความคิดเห็นที่ 5


มีจรวดต่อต้านรถถังมาด้วนนิครับ การทดสองคงถอดเก็บ


โดยคุณ Air_graphic เมื่อวันที่ 05/02/2011 06:03:15


ความคิดเห็นที่ 6


ทางเจ้าออกมันอยู่ตรงไหนเหรอครับสงสัย

โดยคุณ nonarmy เมื่อวันที่ 05/02/2011 08:21:47


ความคิดเห็นที่ 7


จรวดต่อต้านรถถังมันลงน้ำไม่ได้ เลยต้องถอดออกก่อน

โดยคุณ sam เมื่อวันที่ 05/02/2011 08:34:22


ความคิดเห็นที่ 8


หมกตั้งนานมาแบบหล่อเลย

โดยคุณ MALEz เมื่อวันที่ 05/02/2011 04:26:50


ความคิดเห็นที่ 9


ดูจากรูปท่าทางจะลำบาก ทางออกด้านหลังก็ไม่มี ไม่แน่ใจทางออกใต้ท้องรถมีด้วยหรือไม่ หากถูกกระนาบจากด้านข้างทั้งสองฝั่ง และถูกกดจากด้านหน้า และด้านหลัง ผมว่าทหารในรถตายอย่างเขียด ตัวรถดูใหญ่เทอะทะ ไม่เหมาะกับสภาพภูมิประเทศบ้านเรา ที่เป็นป่าดิบชื้น และดินอ่อน มีหวังติดหล่ม เป็นภาระแ่ก่ทหาร เห็นว่าเตรียมเงินอีกเกือบ 6,000 ล้านบาท จะซื้ออีก 121 คัน ผมว่านำเงินจำนวนนี้ ได้พัฒนา ต่อยอด ศึกษา ประกอบรถเองจะดีกว่า โดยอาจจะจัดซื้อเฉพาะเครื่องยนต์ อาวุธ อุปกรณ์ที่เราพัฒนาเองไม่ได้ ก็น่าจะดีกว่าไปซื้อเค้าเอาอย่างเดียว เพราะดูแล้วรูปทรงก็มิได้ดูดีแต่อย่างใด เพื่อนบ้านอย่างสิงคโปร์ หรือ อินโดนีเซียที่จะประกอบรถแบบนี้ได้เองยังดูดีกว่า ผมว่าผู้มีอำนาจควรตัดสินใจให้ดี ไม่อยากให้เหมือน T-69 ที่ซื้อจากจีน ส่วนใหญ่แล้วก็เอาไปทำเป็นปากการังเทียบซะหมด ผมเห็นว่าเราควรเน้นการพึ่งพาตนเองให้มาก ๆ เหมือนดั่งเช่นจรวดเพื่อความมั่นคงครับ ซึ่งผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ ภาพประกอบต้องขอบคุณ คุณ MIGGERS ซึ่ง โพสเรื่อง กองทัพอินโดนีเซีย เมื่อวนที่ 2009-12-17  


โดยคุณ giggok เมื่อวันที่ 05/02/2011 10:47:34


ความคิดเห็นที่ 10


จากข้างบนครับ นั่นเป็นเพราะเราไม่ได้เป็นคนใช้ เราจึงประเมินจากการที่เราได้เห็นและคาดคะเนไปเองซึ่งผิดหลัก กามาลสูตร ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทรงสั่งสอนไว้

โดยคุณ 9-o-6 เมื่อวันที่ 05/02/2011 11:20:34


ความคิดเห็นที่ 11


ใจเย็นครับ แค่เขาถ่ายทอดเทคโนโลยี่ให้ก็ดีแล้วครับแล้วค่อยสะสมประสบการณ์เอาไปทีละนิดครับ

ของไทยที่วิจัยก็มีครับ

งานวิจัยและพัฒนาที่แล้วเสร็จเป็นต้นแบบ ศอพท.

 

รถเกราะคอมมานโดสเก้าท์
(Commando Scout)

1. ความเป็นมาของโครงการ : เมื่อปี พ.ศ.2521 ศอว.ทบ. ได้ทดลองสร้างรถเกราะขึ้น 1 คัน ตามแนวความคิดของ พล.อ.เจริญ พงษ์พานิช ซึ่งเป้น เสธ.ทหาร อยู่ในขณะนั้น โดยยึดถือแบบรูปร่าง COMMANDO SCOUT ของบริษัท คาดีแลค สหรัฐอเมริกา เป็นรถใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 130 แรงม้า และได้ทำการทดลองวิ่งเป็นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร ทั้งบนถนนและในภูมิประเทศ ต่อมาก็ได้ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องต่าง ๆ อีกหลายครั้ง จนถึงปี พ.ศ.2523 ศอว.ศอพท. ได้รับงบประมาณให้สร้างรถเกราะ ต้นแบบคันที่ 2 อีก 1 คัน โดยใช้เครื่องยนต์ดีเซล ขนาด 150 แรงม้า รูปร่างใกล้เคียงกับคันแรก แต่มีขนาดใหญ่กว่าคันแรก ทาง ศอว.ศอพท. ได้ทดลองวิ่ง อยู่ประมาณ 1 ปี เป้นระยะทางหลายร้อยกิโลเมตร ผลปรากฎว่ารถมีขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก ไม่สมดุลย์กับขนาดของเครื่องล่าง เกิดการชำรุด ง่ายและมีข้อบกพร่องซ่อนเร้น ไม่คาดมาก่อนหลายประการ

2. มูลเหตุที่ขอให้ดำเนินการวิจัย : ในช่วงปี พ.ศ.2522 +- 2523 นั้น การสู้รบปราบปราม ผคก. ยังอยู่ในชั้นรุนแรง ฝ่ายทหารมักจะถูก ผกค. ซุ่มโจมตี ได้รับความเสียหายอยู่เสมอ ทำให้กำลังพลและยุทโธปกรณ์ต้องได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก พล.ท.สัมผัส พาสนยงภิญโญ ซึ่งดำรงตำแหน่ง ผบ.ศอว.ศอพท. อยู่ในขณะนั้น ได้มีแนวความคิดที่จะป้องกันและตอบโต้ฝ่าย ผกค. ที่คอยซุ่มโจมตีขบวนยานยนต์ของทหาร โดยการสร้างรถหุ้มเกราะขนาดเล็ก ๆ ขึ้น เพื่อเป้นการป้องกันและขวัญกำลังใจแก่ทหาร โดยขณะเคลื่อนพลด้วยยานยนต์ จากสถานการณ์และสภาพแวดล้อม ประกอบกับความรู้ ความชำนาญ และประสบการณ์ที่ได้รับการสร้างรถเกราะ 2 คัน ต้นแบบที่ผ่านมา ศอว.ศอพท. จึงมั่นใจจะสร้างรถเกราะในแนวความคิดใหม่ขึ้นได้ และเพื่อให้มีการทดลองใช้จริงในสนามรบ โดยมุ่งหมายที่จะใช้รถตาม PILOT PROJECT  ที่ปฏิบัติการจริง โดยให้หน่วยรบตามชายแดน เช่น ทหารราบใช้เป็นรถควบคุมขบวนเดินทาง หรือใช้เป็นรถเข้าปะทะทำการสู้รบโดยทันที ที่มีการชุ่มโจมตีเกิดขึ้น ณ จุดใดจุดหนึ่ง เพราะ การปฏิบัติในขณะนั้น เมื่อถูกโจมตีครั้งใด ขบวนรถทุกทหารไปช่วยก็ได้ใช้รถ ขนาด 1/4 ตัน หรือ 3/4 ตัน ที่ไม่มีเกราะหุ้ม ซึ่งทำให้ฝ่ายเราได้รับอันตรายจากการซุ่มโจมตีจากฝ่าย ตรงข้ามทุกครั้ง ซึ่ง ผกค. จะรู้เสมอว่า เมื่อซุ่มโจมตีที่จุดใดแล้ว ก็จะจัดเตรียมซุ่มโจมตี ขบวนรถที่จะยกกำลังหนุนมาช่วยไว้ก่อนได้เสมอ และฝ่ายเราก็เป็นอันตรายทุกครั้ง แต่ถ้าใช้รถเกราะที่สร้างมาให้บรรทุกทหารได้คันละ 4 - 5 นาย จะสามารถเข้าช่วยฝ่ายเดียวกัน ที่ถูกซุ่มโจมตีได้แน่นอน โดยตนเองไม่ต้องถูกซุ่มโจมตีพินาศไปเสียก่อน อย่างที่เป็นอยู่เสมอ

3. ความมุ่งหมายของโครงการ : เพื่อ สร้างรถเกราะคอมมานโดสเก้าท์ จำนวน 5 คัน ให้หน่วยที่ออกปราบปราม ผคก. ใช้เป็น รถลาดตระเวนตามเส้นทาง เป็นรถคุ้มครองขบวนเดินทาง ใช้เป็นรถเข้าปะทะเมื่อถูกซุ่มโจมตี นอกจากนี้ยังใช้ป้องกันจุดสำคัญ และสถานที่สำคัญ ใช้ป้องกันสนามบิน ใช้เป้นฐานยิงในลักษณะต่าง ๆ เช่น การใช้เป็นฐานยิงเคลื่อนที่เร็วในการป้องกันสถานที่สำคัญ ๆ โดยติดตั้งอาวุธให้กับรถดังกล่าว มีอำนาจการยิงที่มีประสิทธิภาพ

4. ขอบเขตการวิจัย : 

  • แบบรูป จะกำหนดให้มีขนาดเล็ก มีกำลังสูง สามารถบรรทุกทหาร พร้อมสัมภาระได้ 4 - 5 นาย
  • โครงสร้างรถใช้เหล็กเกราะแผ่นหนา 9.5 มม. เพื่อให้สามารถป้องกันกระสุนปืนเล็กได้
  • ติดตั้งอาวุธ ปก. เอ็ม 60 และ ปก.5.56 ให้กับรถ เพื่อให้มีอำนาจการยิงป้องกันตัวเอง และป้องกันผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • วัสดุ อุปกรณ์ ตลอดจนชิ้นส่วนที่นำมาสร้าง ต้องมีความคงทนต่อการใช้งานจัดหาง่าย และใช้ของที่ผลิตได้ในประเทศมาดำเนินการให้มากที่สุด เว้นของบางอย่างที่จำเป็นต้องจัดหาจากต่างประเทศ
  • ชิ้นส่วนทางแมคานิกส์ สำหรับใช้ในการสร้างที่จัดหาไม่ได้ หรือมีลักษณะพิเศษ จัดทำโดยเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคและช่างเทคนิคของ ศอว.ศอพท.
  • การประกอบ การสร้าง และการทดสอบ ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ ช่างเทคนิคและเจ้าหน้าที่ทางเทคนิคของ ศอว.ศอพท. เว้นการทดสอบการใช้งานจากผู้ใช้นั้น ให้ ทบ. ดำเนินการ
  • เมื่อสร้างเสร็จแล้ว ต้องง่าย สะดวกต่อการใช้งาน การส่งกำลัง และซ่อมบำรุงในอนาคต

5. ผลที่คาดว่าจะได้รับ : เมื่อดำเนินการสร้างรถเกราะคอมมานโดสเก้าท์ สำเร็จแล้ว มีผลที่คาดว่าจะได้รับ ดังนี้

  • หน่วยที่ออกปราบปราม ผกค. เช่น หน่วยทหารราบ จะมีรถเกราะใช้เป็นรถลาดตระเวนตามเส้นทาง รถคุ้มครองขบวนเดินทางใช้เป็นรถเคลื่อนที่เข้าจุดปะทะเมื่อถูกโจมตี และเป็นการลดอันตรายให้แก่ฝ่ายเราได้มาก เนื่องจากมีเกราะกำบัง
  • สามารถใช้รถเกราะฯ ป้องกันจุดหรือสถานที่สำคัญ และใช้เป็นฐานยิงที่มีเกราะกำบังในลักษณะต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้เป็นฐานยิงเคลื่อนที่เร็ว
  • เจ้าหน้าที่ช่างเทคนิคจะได้รับ ความรู้และประสบการณ์ทางเทคโนโลยี ในการสร้างรถเหกราะหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเชื่อมเหล็กเกราะซึ่งมีการเชื่อมผิดไปจากการเชื่อมเหล็กธรรมดา ซึ่งจะเป็นแนวทางในการสร้างรถเกราะชนิดอื่น ต่อไปได้
  • เป็นการฝึกบุคคลากร ของ ทบ. ให้มีความรู้ ความชำนาญ ซึ่งจะทำให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • ประหยัดงบประมาณในการจัดหารถเกราะจากต่างประเทศ ซึ่งจัดหาได้ยาก และมีราคาแพง

ระยะเวลาดำเนินการ : ใช้ระยะวลาดำเนินการ 5 ปี (2523 - 2528)  

คุณลักษณะเฉพาะ

พลประจำรถ 4 นาย
น้ำหนักพร้อมรบ 7 ตัน
ความกว้าง 2,180 มม.
ความยาว 5,070 มม.
ความสูงตัวรถ 1,730 มม.
ความหนาเกราะ 9 มม.
อาวุธ

  • ปก.93 ขนาด 0.50 นิ้ว (12.7 มม.)
1 กระบอก
  • ปก.เอ็ม 60 ขนาด 7.62 มม.
1 กระบอก
สมรรถนะ

  • ความเร็วสูงสุดบนท้องถนน
105 กม./ชม.
  • อัตราไต่ลาด
60 %
  • ความจุเชื้อเพลิง/ระยะปฏิบัติการ
150 ลิตร/335 กม.
เครื่องยนต์

  • Cummins 6 สูบดีเซลแบบ 378-C 4จังหวะ 145 แรงม้า ที่ 3,000 รอบ/นาที
  • เครื่องเปลี่ยนความเร็ว แบบ  Synchromesh
  • ระบบไฟตรง   24  โวลท์

 

รถเกราะล้อยางขนาด 7 ตัน
(Armoured Wheeled Vehicle)

ความเป็นมาของโครงการ : ตาม ที่ ผบ.ทบ. ได้อนุมัติหลักการให้ ศอว.ฯ ดำเนินการตามโครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างรถเกราะขนาดเล็ก แบบคอมมานโดสเก้าท์ จำนวน 1 คัน โดยใช้งบประมาณ ปี 23 ในวงเงิน 800,000.-บาท จากงบจัดหาผลิตของ รง.ตวพ.ฯ ที่ได้รับอนุมัติหลังการสั่งจ่ายไว้แล้ว และให้ สปช.ทบ. ให้การสนับสนุนต่อไปในปีงบประมาณ 24 ตามกำลังงบประมาณ จนกว่าจะแล้วเสร็จเป็นต้นแบบต่อไป จากความรู้ วิธีทำ ( Technical Know How ) ของโครงการ ดังกล่าวในปี 27 ศอว.ฯ (โดย รง.ตวพ.ฯ) ได้เริ่มดำเนินการวิจัยและพัฒนารถเกราะล้อยางขนาด 7 ตัน จำนวน 1 คัน จนประสบความสำเร็จ และได้ทดสอบในขั้นตอนการวิจัย ฯ เรียบร้อยแล้ว ศอว.ฯ จึงได้รายงานขอส่งรถเกราะล้อยาง ขนาด 7 ตัน จำนวน 1 คัน ให้กับ ทบ. (ผ่าน สวพ.ทบ.) เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป

สวพ.ทบ. ได้เขิญ กรม ฝสธ., หน่วยที่เกี่ยวข้องและหน่วยเจ้าของโครงการ ประชุมพิจารณาผลการวิจัย ฯ รถเกราะล้อยาง ขนาด 7 ตัน ของ ศอว.ฯ เมื่อ 7 ต.ค.31 ที่ประชุมได้พิจารณาโดยละเอียดและรอบคอบแล้ว มีความ เห็นว่า รถเกราะล้อยาง ขนาด 7 ตัน ของ ศอว.ฯ เป็นรถเกราะแบบลำเลียงพล มีลักษณะเฉพาะยังไม่ตรงตามที่ กำหนดไว้ในโครงการ ฯ คือ ตัวรถไม่ได้ใช้เหล็กเกราะ จึงไม่สามารถยอมรับได้ และปัจจุบันความต้องการด้าน ยุทธการมีน้อยมาก จึงเห็นสมควรปิดโครงการวิจัย ฯ ไว้ในชั้นนี้ก่อน และเพื่อให้ทราบข้อมูลไว้ศึกษาในผลงานการวิจัยรถเกราะล้อยางที่ ศอว.ฯ ได้ดำเนินการไว้ ควรทดสอบผลงานวิจัย ฯ นี้ด้วยโดยให้ ศม. เป็นหน่วยรับผิดชอบในการทดสอบทางเทคนิคและในสนาม เพื่อให้สามารถมีข้อมูลไว้ศึกษาในผลงาน และมีเจ้าหน้าที่ของ สพ.ทบ. และ ศอว.ฯ ร่วมดำเนินการด้วย

จากการทดสอบทั้งทางเทคนิคและในสนาม โดยคณะอนุกรรมการ จาก ศอว.ฯ และ กรซย. ศอ.สพ.ทบ. ร่วมกัน ศม. สรุปได้ว่า รถเกราะล้อยาง ขนาด 7 ตัน มีสมรรถนะโดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ค่อนข้างดี ในโอกาสต่อไป หากกองทัพบกมีความจำเป็นทางด้านยุทธการ และจะให้มีการวิจัยพัฒนาเพิ่มเติมเพียงเฉพาะ เรื่องเหล็กเกราะที่ใช้ทำตัวรถให้สามารถป้องกันกระสุนปืนเล็กได้ก็จะเป็น เรื่องน่ายินดี ที่จะได้มีรถเกาะผลิตขึ้นเอง ในประเทศซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการทางทหาร ในสถานการณ์ลำเลียงผลได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย สมรรถนะไม่ได้ด้อยกว่ารถที่ผลิตจากต่างประเทศมากมายนัก

มูลเหตุที่ขอให้ทำการวิจัย : จากประสบการณ์การสร้างรถเกราะคอมมานโดสเก๊าท์ 5 คัน เป็น PILOT PROJECT ดังกล่าว ซึ่งสำเร็จไปแล้ว ในระดับหนึ่ง และได้หาข้อมูลจากหลาย ๆ ประเทศมาพิจารณา ศึกษาตั้งแต่ระบบต้นกำลัง ระบบส่งกำลัง รวม ทั้งชิ้นส่วนต่าง ๆ มาประกอบและสร้างขึ้นเอง ที่สั่งทำและจัดหาได้ภายในประเทศ จึงเกิดความมั่นใจว่า มีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน ที่จะช่วยให้ปัญหาขาดแคลนยุทโธปกรณ์ประเภทนี้ยามที่ ทบ.ต้องการโดยไม่ต้องสั่งซื้อ สำเร็จรูปจากต่างประเทศ สามารถสร้างยุทโธปกรณ์ขึ้นใช้ได้เอง เป็นการประหยัดงบประมาณของชาติอีกด้วย

ความมุ่งหมายของโครงการ : เพื่อ ให้การสร้างรถเกราะล้อยาง ขนาด 7 ตัน เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการใช้งาน และตรงกับความต้องการของผู้ใช้ จึงกำหนดความมุ่งหมายที่สำคัญในการวิจัยสร้างต้นแบบ ไว้เป็นแนวทางปฎิบัติดังนี้

  • จะต้องออกแบบให้สามารถลำเลียงพลได้ 1 หมู่
  • จะต้องมีระบบอาวุธที่สามารถป้องกันตนเองได้รอบตัวเอง
  • จะต้องมีความคล่องตัวทั้งบนถนนและในภูมิประเทศได้ดี
  • จะต้องมีโครงสร้างที่แข็งแรงพอที่จะรับระบบอาวุธต่าง ๆ ได้
  • จะต้องมีเกราะป้องกันอาวุธปืนเล็กได้ทุกระยะยิง ตามแผนแบบที่กำหนดไว้

ขอบเขตของการวิจัย : การวิจัยพัฒนารถเกราะล้อยาง ขนาด 7 ตัน ได้กำหนดขอบเขตเพื่อความเหมาะสมไว้ ดังนี้

  • โครงสร้างทั่ว ๆ ไป ใช้เหล็กที่มีอยู่ในท้องตลาดแทนเหล็กเกราะ เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายตาม งบประมาณที่มีอย่างจำกัด
  • ระบบต้นกำลังและระบบเครื่องเปลี่ยนความ เร็ว ต้องมีตัวช่วยในการปรับระดับเพลาส่งกำลังไปยัง คานเพลา  เพื่อความเหมาะสม ต่อการลดความเกะกะพื้นที่ภายในตัวรถ และความสูงของตัวรถ
  • การลุยน้ำลึก ยังมีขีดจำกัดตามเกณฑ์ แต่ได้แผนแบบในการพัฒนาไว้ว่า หากมีงบประมาณ ปรับปรุงสามารถดำเนินการต่อไปได้

ผลที่คาดว่าจะได้รับ : การวิจัยสร้างรถเกราะล้อยาง ขนาด 7 ตัน ผลที่คาดว่าจะได้รับมีดังต่อไปนี้

  • ทำให้ทราบข้อมูลแล้วว่า สามารถที่จะขยายขีดความสามารถของรถ ให้มีสมรรถนะสูงขึ้นทุกระบบได้ใกล้เคียง หรือทัดเทียมกับของต่างประเทศ
  • จะเกิดอุตสาหกรรมหนักขึ้นในประเทศ เพื่อก้าวไปสู่โลกสมัยใหม่ ที่สามารถเปิดสายการผลิตยุทโธปกรณ์ทางทหารได้เอง เป็นการพึ่งตนเอง และประหยัดงบประมาณของชาติได้อีกด้วย
  • เป็นที่คาดหมายได้ว่า กำลังพลของ ทบ. จะได้รับความรู้ ความชำนาญ และมีต้นแบบรถเกราะล้อยาง ขนาด 7 ตัน สำหรับให้กองทัพได้พิจารณาวางแผนงานในอนาคตได้เมื่อถึงคราวจำเป็น
  • ทำให้ง่ายและสะดวกต่อการส่งกำลังและซ่อมบำรุงในอนาคต เพราะสร้างชิ้นส่วนและประกอบได้ เองภายในประเทศ

การดำเนินงาน : 

  • คุณลักษณะทั่วไป รถเกราะล้อยาง ขนาด 7 ตัน จะมีคุณลักษณะอันเป็นพื้นฐานของยานรบ คือ ความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ เกราะป้องกันตัวและอำนาจการยิง ลำดับความสำคัญของคุณลักษณะเหล่านี้ ขึ้นอยู่กับภารกิจและลักษณะการใช้ยานรบนั้น ๆ สำหรับรถเกราะล้อยาง ขนาด 7 ตัน นี้ วัตถุประสงค์หลักที่สร้างขึ้นมาก็เพื่อใช้ภารกิจลำเลียงพล จึงจำเป็นต้องมีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่สูง โดยเฉพาะภูมิประเทศยากลำบาก มีอำนาจการยิงพอป้องกันตัวได้ เนื่องจากการปฎิบัติการรบนั้นจะต้องเคลื่อนที่ไปพร้อมกับรถถังและทหารราบ โดยสามารถบรรทุกทหารไปได้ 1 หมู่ปืนเล็ก ที่มีความจำเป็นทางยุทธการในการเข้าตีที่หมาย แลแย่งยึดพื้นที่ในภารกิจเชิงรุก พร้อมกับได้มีการพัฒนาโครงสร้างให้รองรับอาวุธที่มีอำนาจยิงที่รุนแรงขึ้น ตามวิวัฒนาการสมัยใหม่ไว้ด้วย
  • การออกแบบชิ้นส่วน ชิ้นส่วนที่สำคัญของรถเกราะล้อยาง ขนาด 7 ตัน นั้น คำนึงถึงการใช้งานได้ตามลักษณะโดยทั่วไป ในประเทศ และสามารถจัดหาชิ้นส่วนอุปกรณ์ได้เองภายในประเทศไม่มีการผลิต จำเป็นต้องจัดหาจากต่างประเทศเพื่อนบ้านมาประกอบสร้างให้มีความสมบูรณ์ยิ่ง ขึ้น ดังมีชิ้นส่วนองค์ประกอบดังนี้
    • เครื่องยนต์
    • เครื่องเปลี่ยนความเร็ว
    • ชุดเฟืองถ่ายทอดกำลัง
    • เครื่องเปลี่ยนเพลาขับ
    • เพลาส่งกำลัง
    • เพลากงล้อและยาง
    • เครื่องผ่อนและรับอาการสะเทือน
    • ระบบบังคับเลี้ยว
    • ระบบห้ามล้อ
    • ระบบไฟฟ้า
    • โครงสร้างตัวถังรถ
    • ระบบป้อมปืน
    • ระบบสื่อสาร
    • ระบบระบายอากาศ
    • อุปกรณ์ประกอบทั่ว ๆ ไป และเครื่องมือสนาม
    • ชุดแผงเครื่องวัด

บทสรุป : การ ทดสอบ เนื่องจากมีระยะเวลาจำกัดดังได้กล่าวมาแล้ว ผลการทดสอบจึงไม่พบข้อบกพร่องที่สำคัญ มีเหตุขัดข้องเพื่อ 1 ครั้ง สายคันเร่งหลุดในขณะทำการไต่ลาด สาเหตุเนื่องจากคลัชท์ชำรุด ได้ดำเนินการแก้ไขใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชม. กลับเป็นปกติ สามารถทำการทดสอบได้ต่อไปจนเสร็จสิ้นภารกิจ สำหรับระบบต่าง ๆ อันได้แก่ ระบบเครื่องกำเนิดกำลัง , ระบบขับเคลื่อน, ระบบระบายความร้อน , ระบบไฟฟ้า , ระบบโครงรถ , ระบบน้ำมันเชื้อเพลิง , ระบบห้ามล้อ , ระบบติดต่อภายในรถ ตลอดจนระบบซ่อมบำรุง อยู่ในเกณฑ์ ที่เหมาะสมสำหรับทางทหาร ซึ่งได้ทำการเปรียบเทียบในบางระบบที่สำคัญ กับรถเกราะคอมมานโด วี - 150 ของ สหรัฐ ฯ ซึ่งมีประจำการอยู่ในกอบทัพไทย จากผลการทดสอบทั้งทางเทคนิคและในสนาม โดยคณะอนุกรรมการจาก ศอว.ฯ และ กรซย.ศอ. สพ.ทบ. ร่วมกับ ศม.สรุปได้ว่ารถเกราะล้อยาง ขนาด 7 ตัน มีสมรรถนะโดยทั่วไปเกณฑ์ปานกลางค่อนข้างดี ในโอกาสต่อไปหากกองทัพบก มีความจำเป็นทางด้านยุทธการ และหากมีการวิจัยพัฒนาเพิ่ม เติมเพียงเฉพาะเรื่องเหล็กเกราะที่ใช้ทำตัวรถให้สมารถป้องกันกระสุนปืนเล็ก ได้ ก็จะเป็นเรื่องน่ายินดี ที่จะได้มีรถเกราะผลิตขึ้นเองในประเทศ ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการทางทหารในสถานการณ์ลำเลียงพล ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย สมรรถนะไม่ได้ด้อยกว่ารถที่ผลิตจากต่างประเทศมากมายนัก

คุณลักษณะเฉพาะ

พลประจำรถ 3 นาย
น้ำหนักพร้อมรบ 7 ตัน
ความกว้าง 2,150 มม.
ความยาว 5,420 มม.
ความสูงตัวรถ 1,800 มม.
ความหนาเกราะ 6.4 มม.
อาวุธ

  • ปก.93 ขนาด 0.50 นิ้ว (12.7 มม.)
1 กระบอก
สมรรถนะ

  • ความเร็วสูงสุดบนท้องถนน
100 กม./ชม.
  • อัตราไต่ลาด
60 %
  • ความจุเชื้อเพลิง/ระยะปฏิบัติการ
150 ลิตร/450 กม.
เครื่องยนต์

  • ISUZU 6 สูบดีเซลแบบ 6BD1 160 แรงม้า ที่ 3,200 รอบ/นาที
  • เครื่องเปลี่ยนความเร็ว ISUZU MED 5S
  • ระบบไฟตรง   24  โวลท์

 

 

โดยคุณ pop04 เมื่อวันที่ 05/02/2011 12:19:43


ความคิดเห็นที่ 12


โครงการข้างบนพับเก็บไปนานแล้วนิครับ

โดยคุณ Tarvo21 เมื่อวันที่ 06/02/2011 10:47:43