หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


DS30M ของทร ครับ

โดยคุณ : david เมื่อวันที่ : 22/02/2011 16:42:09

ปืน ๓๐ มิลลิเมตร (มม.) คืออะไร ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจกับท่านผู้อ่านที่ไม่ใช่
นักเลงปืนก่อนครับว่า ๓๐ มม.หมายถึง      ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางลำกล้องปืน หรือเส้นผ่าศูนย์
กลางของขนาดหัวกระสุนนั่นเอง กองทัพเรือมหาอำนาจขนาดกลางอย่างอังกฤษเป็น กองทัพเรือแรกที่นำปืนขนาด ๓๐ มม. มาใช้เพื่อเป็นปืนมาตรฐานขนาดลำกล้อง เล็ก/กลาง ของกองทัพเรือ ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานมหาอำนาจทางทะเลขนาดใหญ่อย่างสหรัฐ ฯ และ ขนาดกลางอย่างฝรั่งเศส ก็ได้ดำเนินรอยตามกองทัพเรือ อังกฤษ ใช้ปืนขนาด ๓๐ มม. เป็นมาตรฐานมาจนปัจจุบัน และทั้งสามประเทศได้ยกเลิกการใช้ปืนขนาด ๔๐ มม. เป็นปืนมาตรฐานของกองทัพเรือตนมานานแล้วเช่นกัน

     เหตุผลเบื้องหลังคือ กองทัพเรืออังกฤษได้รับประสบการณ์ที่ขมขื่นจากการทำสงคราม ฟอล์กแลนด์ระหว่างอังกฤษกับอาร์เจนตินาเมื่อกลางคริสต์ศักราช ๑๙๘๐ ซึ่งเป็นสงคราม ทางเรือครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ ๒ สงบลง ซึ่งในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ กองทัพเรืออังกฤษได้ใช้ปืนขนาด ๔๐ มม.เป็นมาตรฐานหลังสงครามฟอล์กแลนด์ยุติลงคณะ ฝ่ายเสนาธิการของกองทัพเรืออังกฤษได้ตระหนักถึงผลจากสงครามที่แสดงให้เห็นถึงความ ด้อยประสิทธิภาพของระบบปืนขนาด ๔๐ มม. (40L/70) ที่ตนใช้อยู่ จึงได้จัดทำเอกสารความ ต้องการของฝ่ายเสนาธิการ หรือ Naval Staff Requirement (NSR 6521) เพื่อจัดหา ระบบปืนทดแทนปืน ๔๐ มม. ที่ล้าสมัยแล้ว โดยมีคุณสมบัติที่ทันสมัยกว่า แม่นยำกว่าเวลา ตอบสนองเร็วกว่ามีความเชื่อมั่นสูงกว่า และมีจำนวนเพียงพอในด้านการทดแทนและซ่อม บำรุง (ร้อยละ ๙๙)

    ปัจจุบัน ปืน ๔๐ มม. ที่ใช้อยู่ในกองทัพเรือ เป็นปืนรุ่น Breda 40L/70 และ 40/60 Bofors โดยเป็นปืนที่มีเทคโนโลยีในยุค พ.ศ.๒๔๙๓ หรือ ค.ศ.๑๙๕๐ ซึ่งปิดสายการ ผลิตปืนและอะไหล่ไปแล้ว (ข้อมูลจากหนังสือขายตามท้องตลาดชื่อ Janežs Fighting Ship, Edited by Captain Richard Sharpe แห่งราชนาวีอังกฤษ) โดยเฉพาะปืน 40/60 Bofors เป็นปืนที่ใช้พลปืนหันกระดก หรือคือ Manual นั่นเอง... จะไปยิงทันใครเขา... น่าสงสารกองทัพเรือจัง เพราะปืนสมัยใหม่ต้องตอบสนองเร็ว แม่นยำ และมีความเชื่อถือสูง (reliable)

     นับตั้งแต่คริสต์ศักราช ๑๙๙๐ จนถึงปัจจุบัน ปืน 40L/70 ของกองทัพเรืออังกฤษ ได้ถูกแทนที่โดยปืนขนาด ๓๐ มม. ลำกล้องเดี่ยวหมดแล้วคราวนี้ลองหันกลับ มาดูแนว คิดการพัฒนาปืน ๓๐ มม. ทดแทนปืนขนาด ๔๐ มม. ของกองทัพเรืออังกฤษดูบ้าง บางท่าน ผู้ซึ่งเป็นนักเลงปืนคงจะทราบดีว่า ยิ่งปืนที่มีขนาดใหญ่กว่าแสดงว่าต้องยิงได้ไกลกว่าแต่ไกล กว่า มิได้หมายถึงว่าจะได้เปรียบเสมอไป เพราะเรารู้กันดีว่า เราคิดกันที่ระยะยิงหวัง ผล หรือ Effective Range ดูการกระจายของกลุ่มกระสุนให้น้อยที่สุด เพราะยิ่งไกลกลุ่มกระสุนยิ่ง กระจายหรือ disperse หรือ ดูที่ระบบปืน ด้วยเหตุนี้กองทัพเรืออังกฤษ ตาม NSR 6521 จึงได้กำหนดเรื่องต่าง ๆ สรุปประเด็นสำคัญได้ว่าจะต้องเป็นปืนที่มีขีดความสามารถใน การต่อต้านเรือผิวน้ำและต่อสู้อากาศยาน มีจำนวนมากพอในตลาดเพื่อความสามารถใน การส่งกำลังบำรุงและการซ่อมทำและติดตั้งง่าย

   แนวคิดหลักการและข้อพิจารณาพื้นฐานในการสร้างปืน ๓๐ มม. ที่จะทำให้เกิดความ สมดุลกันระหว่างปืน ๔๐ มม.ที่ตกยุคกับปืน ๓๐ มม. ที่จะสร้างใหม่นั้น มีด้วยกันหลายประการ เช่น
๑. ปืน ๓๐ มม.จะมีอัตราเร็วในการยิงที่สูงกว่า
๒. ระยะยิงหวังผลไม่ต่ำกว่ากันมากนัก
๓. ความง่ายในการส่งกำลังบำรุงและการซ่อมทำ

   หลังจากที่กองทัพเรืออังกฤษได้ข้อยุติว่า ปืน ๓๐ มม. แบบใหม่ดีกว่าปืน ๔๐ มม. (40L/70) แบบเก่า กองทัพเรือสหรัฐ ฯ ก็ได้ดำเนินการศึกษาอย่างละเอียดลึกซึ้งเช่นกัน และได้ข้อยุติที่ปืน ๓๐ มม. เช่นกัน โดยใช้ลำกล้องแบบ ATK MK44 มีระยะยิง ๗,๐๐๐ หลา ใช้กระสุนแบบ MK266 ด้วย PD-Point Detonating Fuze และได้ใช้เป็น ขนาดปืนมาตรฐานในกองทัพเรือสหรัฐฯ ตราบจนปัจจุบัน กองทัพเรืออังกฤษใช้ Oerlikon 30mm KCBส่วนกองทัพเรือฝรั่งเศสใช้ Mauser 30Fสำหรับระบบหันปืน ปืน ๓๐ มม.ใช้ Electric Torque Motor ทำให้มีเวลาตอบสนองเร็วมาก และมีอัตราผิดน้อยกว่า 0.5 mrad ส่วนปืน ๔๐ มม. ใช้ electro-hydraulic servo แบบเก่า จึงมีอัตราผิดกว่า 2 mrad (1 mrad = 0.001 rad., 1 degree = 160 rad., rad = radian) ซึ่งความจริงก็คือ ยิ่งไกล อัตราผิดทางระยะก็จะมากขึ้นตามจำนวน radian ที่เพิ่มขึ้น

     จากการทดลองความแม่นยำของปืน ๓๐ มม. จึงมากกว่า ปืน ๔๐ มม. แบบ40L/70 ไม่น้อยกว่า ๔ เท่า ซึ่งสามารถทดแทนระยะยิงที่น้อยกว่าเล็กน้อยได้ปัจจุบัน บริษัท Bofors ของสวีเดนได้พิจารณาปรับปรุงปืน ๔๐ มม. ขึ้นมาใหม่เพื่อมาเป็นคู่แข่งขันกับปืน ๓๐ มม.
ที่ได้พัฒนาขึ้นมาอย่างดีและทดแทน ปืน 40L/70 Referbished ที่นำปืนเก่ามาปัดฝุ่นใหม่
สำหรับ ปืน ๔๐ มม. ของบริษัท Bofors ใช้ชื่อว่า Bofors 40 mm. Mk.3 มีราคาต้นทุนสูงกว่าปืน ๓๐ มม. โดยทั่วไปเฉลี่ย ๔ เท่า ซึ่งปืน 40 mm. Mk.3 เป็นปืนที่พัฒนาระบบ Mechanic ใหม่จากของเดิมเท่านั้นและปัจจุบันยังไม่มีกองทัพเรือ ใดในโลก โดยเฉพาะราชนาวีสวีเดนเองก็ยังไม่จัดหา เข้าประจำการ





ความคิดเห็นที่ 1


ขอบคุณครับ

โดยคุณ bird6757 เมื่อวันที่ 22/02/2011 05:42:08