su30 กับ grippen อันไหนเจ๋งกว่ากัน
เรื่องในกระดาษครับ
ไว้เจอกันจริงก่อนค่อยว่ากัน (แต่ก็ไม่อยากให้เจอกันให้เสียเลือดทำไม)
มาอีกแล้ว กระทู้แบบ intel v Amd
มันเทียบกันไม่ได้ คนละ Size งั้น Su30 บินด้วยเครื่องเดียว ด้วยนะ จะได้ เท่ากันกับ JAS ^^
อ่านทุกบรรทัดแล้วจะกระจ่าง............
"ผู้ฝูงกริพเพนการันตีเล็กพริกขี้หนู ไซส์เครื่อง..ไม่สำคัญเท่าอาวุธ-นักบิน
คม ชัดลึก : เครื่องบินกริพเพน 6 ลำที่กองทัพอากาศสั่งซื้อจากสวีเดนเดินทางมาถึงประเทศไทย และมีพิธีต้อนรับที่กองบิน 7 สุราษฎร์ธานี โดยมีเซอร์ไพรส์เล็กๆ เมื่อ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ขับเครื่องบินเอฟ 5 อี จาก จ.อุบลราชธานี มาเป็นประธานรับมอบ
ทั้งนี้ โครงการจัดซื้อเครื่องบินกริพเพนเป็นโครงการที่ดำเนินการจัดซื้อมาตั้งแต่ วันที่ 16 ตุลาคม 2550 ในสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เพื่อทดแทนฝูงบินเอฟ 5 อี ที่จะปลดระวาง หลังจากใช้มานานกว่า 30 ปี
กองทัพอากาศไทยเริ่มเจรจากับกองทัพอากาศสวีเดน เมื่อปี 2548-2549 ภายใต้วงเงิน 34,400 ล้านบาท แบ่งการจัดซื้อเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 (ปี 2551-2555) จำนวน 6 ลำ วงเงิน 19,000 ล้านบาท ระยะที่ 2(2555-2559) จำนวน 6 ลำ วงเงิน 15,400 ล้านบาท
ส่วนเหตุผลที่กองทัพอากาศเลือกกริพเพน คือ เป็นเครื่องบินขนาดเล็ก น้ำหนักเบา แต่มีประสิทธิภาพบินได้คล่องแคล่ว รบได้หลากหลายรูปแบบ มีระบบการทำลายสูง
สามารถทำการรบได้หลากหลาย ทั้งการรบด้วยระบบอากาศสู่อากาศ อากาศสู่พื้นดิน และอากาศสู่ทะเล โดยมีคู่ต่อกรที่พอสมน้ำสมเนื้อ คือ เอฟ 18 และ ซู-30
น.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย ผู้บังคับฝูงบิน 701 ถือเป็น "ผู้ฝูงกริพเพน" คนแรก ซึ่งมีดีกรีเป็นถึง "นักเรียนอันดับ 1" ของโรงเรียนนายเรืออากาศสหรัฐอเมริกา และอดีตนักบินเอฟ 16 ฝีมือเยี่ยม ซึ่งการันตีถึงประสิทธิภาพของฝูงบินกริพเพนได้เป็นอย่างดี
เขาเล่าว่า หลังจากนักบินกริพเพน 4 คนแรกเดินทางไปฝึกที่ประเทศสวีเดนตั้งแต่เดือนมีนาคม-ธันวาคม 2553 ขณะนี้นักบิน 6 คนแรกได้เดินทางกลับมาถึงกองบิน 7 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีครูการบินจากสวีเดนตามมาเป็นพี่เลี้ยงไปอีก 2 ปี
น.ท.จักรกฤษณ์ กล่าวว่า นักบินทั้งสี่คนถือว่าโชคดีมากที่ได้รับการฝึกในฝูงบินของประเทศสวีเดน ซึ่งเป็นฝูงบินมืออาชีพ มีความสามารถสูง มีครูการบินที่มีประสบการณ์และมีการทำงานที่เป็นระบบ
นอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนระบบการฝึก เช่น "ซิมูเลเตอร์" หรือแบบจำลองการฝึกบิน ซึ่งช่วยในการฝึกบินเป็นอย่างมาก และยังได้มีโอกาสเรียนรู้จุดบกพร่องของนักบินชุดก่อนๆ เช่น เช็ก และฮังการี ซึ่งจัดซื้อกริพเพนเข้าประจำการเช่นกัน จึงถือว่ามีประโยชน์มาก
น.ท.จักรกฤษณ์ระบุว่า ขณะนี้นักบินที่มาฝึกที่ฝูงบิน 7 ประเทศสวีเดน มีเที่ยวบินประมาณ 30 ชั่วโมงบิน จากที่กำหนดไว้ 100 ชั่วโมงบิน โดยกริพเพนเป็นเครื่องบินที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี บินไม่ยาก และมีอุปกรณ์สนับสนุนต่างๆ เยอะมาก จึงมีปุ่มค่อนข้างเยอะ
สำหรับความรู้สึกที่ได้เป็นนักบินกริพเพนฝูงแรกในประวัติศาสตร์ น.ท.จักรกฤษณ์ตอบสั้นๆ แต่ได้ใจความว่า "ผมภูมิใจมากที่สุด" ก่อนจะการันตีว่า ฝูงบินกริพเพนมีสมรรถนะสูง และคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์กับเงินภาษีประชาชนที่เสียไปแน่นอน
ผู้ฝูงกริพเพน ยังยกตัวอย่างบางส่วนเพื่ออธิบายความไฮเทคของระบบกริพเพน เช่น ระบบดาต้าลิงก์ หรือระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี
ฉะนั้น เครื่องกริพเพนด้วยกันจะสามารถส่งผ่านข้อมูลระหว่างกันได้สูงสุดถึง 16 เครื่องในเวลาเดียวกัน นอกจากนั้นเครื่องซาบยังสามารถส่งข้อมูลมายังสถานีภาคพื้น รวมทั้งเรดาร์ภาคพื้นที่เรามีทั่วประเทศไทย ประมวลผลข้อมูลการรบส่งกลับไปให้กริพเพน
นักบินกริพเพนจึงเปรียบเสมือนว่า คนธรรมดามี 2 ตา แต่นักบินกริพเพนจะเหมือนมี "ตาสับปะรด" คือ มีตารอบตัว และสามารถมองเห็นสถานการณ์การรบได้จากด้านบน
กริพเพนจึงสามารถเอาชนะข้าศึกที่ไม่มีเทคโนโลยีนี้ อาจจะ 1 ต่อ 4 หรือแม้กระทั่ง 1 ต่อ 8 นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า เราไม่จำเป็นต้องมีเครื่องจำนวนมาก แต่จำเป็นต้องมีบุคลากรที่ได้รับการฝึกฝนอย่างเต็มที่ และทำงานเป็นทีมได้
ที่สำคัญ ระบบเชื่อมโยงยุทธวิธีที่กองทัพอากาศพัฒนาขึ้นจะถูกนำไปใช้เชื่อมโยงกับ"กอง ทัพเรือ" และ"กองทัพบก" หรือกระทั่งเครื่องบิน "เอฟ 16" ในอนาคตด้วย
อย่างไรก็ตาม เมื่อให้เปรียบมวยกันปอนด์ต่อปอนด์ระหว่างกริพเพนกับเพื่อนบ้านในภูมิภาค เช่น ซู-30 หรือเอฟ 18 ผู้ฝูงกริพเพน ก็มองว่า ไม่อยากให้เกิดการเปรียบเทียบ เพราะจะมองว่าเป็นการยั่วยุ อีกทั้งภารกิจของกริพเพนก็มุ่งปกป้องอธิปไตยมากกว่าการรุกรานใคร
ทว่า เขาก็พูดให้ฉุกคิดว่า ในการรบสมัยใหม่ไม่จำเป็นว่า เครื่องใหญ่ หรือบินได้ไกลแล้วจะได้เปรียบ เพราะยังมีปัจจัยอื่นที่เกี่ยวข้องอีกมาก เช่น ระบบเรดาร์ ระบบอาวุธ หรือความสามารถของนักบิน
"เครื่องที่มีขนาดใหญ่ใช่ว่าจะได้เปรียบเครื่องที่มีขนาดเล็กเสมอไป เพราะการรบสมัยนี้ไม่ใช่การบินแบบประจันหน้าแล้วยิงเข้าใส่กัน แต่เป็นการมองจากจอเรดาร์แล้วค่อยปล่อยอาวุธ ดังนั้น จะต้องมองเรื่องระบบอาวุธ และตัวนักบินเป็นหลัก"
นั่นเป็นการพูดแบบทิ้งไว้ให้คิดของผู้ฝูงกริพเพนในทำนองว่า เครื่องบินรบไซส์ "เล็กพริกขี้หนู" แบบกริพเพนก็อาจสอยเครื่องบินรบไซส์เฮฟวี่เวตได้ไม่ยาก
ขณะที่ น.ท.ยุทธพงษ์ ผลชีวิน หัวหน้าแผนกยุทธการทหารอากาศ กองบังคับการกองบิน 7 หนึ่งในทีมนักบินกริพเพนชุดแรก กล่าวว่า หลังจากนักบิน 4 คนแรกทำการฝึกจากประเทศสวีเดนเสร็จแล้ว
ขณะนี้นักบินอีก 6 คนที่เหลือก็ได้เดินทางถึงสวีเดนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจะสำเร็จการฝึกในเดือนมิถุนายนนี้ โดยในการจัดซื้อเครื่องบินกริพเพนถือเป็นเครื่องบินที่มีศักยภาพสูง โดยมีระบบสนับสนุนเครื่องบินแจ้งเตือนภัยทางอากาศและสถานีควบคุมภาคพื้น
ระบบดังกล่าวจะทำให้ "การป้องกันภัยทางอากาศ" ของกองทัพอากาศสมบูรณ์แบบมากขึ้น และจะเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจทางอากาศได้หลากหลายยิ่งขึ้น
"ผมอยากให้ประชาชนมั่นใจว่ากองทัพอากาศได้พยายามหาเครื่องบินและเป็นทาง เลือกที่ดีที่สุดในการได้มาซึ่งเขี้ยวเล็บทางอากาศ" น.ท.ยุทธพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย
น.ท.เจริญ วัฒนศรีมงคล ว่าที่รองผู้บังคับการฝูงบินกริพเพน กล่าวในทำนองเดียวกันว่า รู้สึกดีใจมากที่ผู้บังคับบัญชาให้ความสำคัญมอบหมายให้รับภารกิจที่สำคัญสูง สุดเช่นนี้
"กริพเพนเป็นเครื่องบินฝูงใหม่ที่ท้าทายนักบินทุกคน การเป็นคนกลุ่มแรกหมายถึงความหวังที่ทุกคนฝากไว้ ดังนั้น การวางพื้นฐานต่างๆ ถือเป็นสิ่งสำคัญ และไม่ใช่งานง่าย ภารกิจที่รออยู่ข้างหน้าถือว่าท้าทายมาก” น.ท.เจริญกล่าวด้วยความมุ่งมั่น
น.ท.ณัฏฐวุธ ดวงสูงเนิน ทีมนักบินกริพเพน บอกเล่าความรู้สึกที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของฝูงกริพเพนว่า ภารกิจในอนาคตนับเป็นงานที่ท้าทายมาก ขณะที่การมีกริพเพนเข้าประจำการก็จะเป็นการเพิ่มเขี้ยวเล็บครั้งสำคัญของกอง ทัพอากาศในภูมิภาคอาเซียนเลยทีเดียว
จุดที่กริพเพนมีเหนือกว่าเครื่องรุ่นอื่น คือ "ระบบป้องกันภัยทางอากาศ" ซึ่งจะประกอบกำลังกัน 4 ส่วน คือ 1.ระบบเครื่องบิน 2.ระบบเรดาร์ 3.ระบบอาวุธ และ 4.ระบบป้องกันภัยทางอากาศ ที่จะทำงานร่วมกันให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการปฏิบัติภารกิจ
"กริพเพนเป็นเครื่องที่จิ๋วแต่แจ๋ว เพราะกองทัพอากาศที่ดี และมีประสิทธิภาพ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาณ แต่อยู่ที่คุณภาพ ฉะนั้น เราไม่ต้องมีเครื่องบินเยอะ แต่มีเครื่องที่สามารถทำอะไรได้หลายอย่าง และเหมาะกับการใช้กำลังทางอากาศดีกว่า"
จากคำการันตีของนักบินชั้นหัวกะทิของกองทัพอากาศไทย เชื่อว่า ฝูงบินกริพเพนจะสามารถปกป้องอธิปไตย และผลประโยชน์ของชาติทะเลทั้งในฝั่งอ่าวไทย และทะเลอันดามันได้อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน
http://www.komchadluek.net/detail/20110223/89720/ผู้ฝูงกริพเพนการันตีเล็กพริกขี้หนูไซส์เครื่อง..ไม่สำคัญเท่าอาวุธนักบิน.html
ไม่ต้องถามอีกน่ะครับว่าจะสู้ su30 หรือ f18 ได้มั๊ย ถ้าไม่ได้ ทอ.คงไม่จัดหาให้เสียงเงินภาษีเราหรอกครับ สิ่งที่สองอันนั้นได้เปรียบคือบินได้ไกลกว่า
มาอีกแล้วคำถามโลกแตก อะไรที่ว่าเจ๋งๆพอไปรบจริงก็เดี้ยงมาให้เห็นนักต่อนักแล้วครับ
แต่ผมว่ากริฟเพนของเราได้อิรี่อายมาด้วยก็ได้เปรียบไปหลายขุมแล้วครับ สงครามโคโซโวและน่าจะสงครามอ่าวด้วยได้พิสูจน์แล้วครับว่า ฝูงบินที่มีเครื่องเอแวคคอยประสานงาน ย่อมได้เปรียบกว่าข้าศึกที่มาแบบเหมือนหูตาสั้นกว่า แถมไม่มีการประสานงานที่ดีเลยร่วงเอาๆ ยิ่งยุคนี้เป็นการยิงกันด้วยจรวดระยะไกลแบบไม่เห็นตัว เป็นลูกยาวยิงแล้วลืมอีกต่างหาก จะเอาสมรรถนะของบ.แต่ละตัวมาเทียบก็คงไม่เกี่ยว เพราะการด็อกไฟท์ไม่ค่อยได้ใช้กันแล้ว
สรุปฝีมือกับเทคโนโลยีเป็นตัวชี้ขาดครับ
อ่านแล้ว คุ้มค่าครับ.....
จะตอแหล กันไปถึงไหน gripen เหนือ กว่า su 30 จะบ้าตาย ละอายใจกันบ้างน่ะ มันคนละรุ่น คนละชั้นกันเลย
อ่านจบแล้วครับท่านแต่ติดใจนิดหนึ่ง ตรงที่ว่า 1ต่อ4 หรือ 1ต่อ8 มั่วชัวเป็นไปไม่ได้หรอก หนึ่งลำจะมาสู้กับ4หรือ8ลำทำยังกะเขาไม่มีปืนหรืออาวุธ ถ้าเจอ c-130จะไม่เถียงสักคำ และที่ว่าไม่จำเป็นต้องมีเครื่องเยอะผมว่าจำเป็นครับ12ลำไม่พอที่ไม่มีเยอะเพราะไม่มีเงิน แต่ก็ไม่ได้ติดใจเรื่องประสิทธิภาพของเครื่อง jas39 หรอกครับมันสุดมันคุ้มกับเงินที่ ทอ. มีแต่มันคงไม่เก่งขนาด1-4หรือ1-8กับ su30หรือ f18 หรอก
สุดท้าย su 30กับ f18 มันอ่อนขนาดนั้นเลยหรอ
Gripen จะดวนกะเจ้าตัวนี้หรอ
ต่อเลยครับ อีอย่างนะท่าน su-30 แถวๆนี้ ไม่ได้ใช้อุปกรณ์แค่ของรัสเซียอย่างเดียว มีทังของยุโรปดีดีทังนั้นความคล่องไม่เป็น 2 รองใคร ทั่วโลกยอมรับประสิทธิภาพไม่ได้โม้ จะมาสอย jas39 พวกคุณต้อง48ลำหรือไม่ก็96ลำนะโว้ย5555+
ใจจริงอยากได้มาก su 30 แต่ด้วยเหตุผลหลายประการมากเช่นกันที่ทำไห้มันไม่ได้เกิดในกองทัพอากาศไทยและเหตุผลนั้นคือความเหมาะสม และงบประมาณ การดูแลรักษาแพงไปหน่อย เลยได้jas39มาก็ไม่น่าเกรียจเพราะเป็นเครื่องที่ดีสุดยอดและเหมาะสมกับไทยมากที่สุด
ประเทศไทยนำกริพเพนเข้าประจำการ นับว่าเหมาะสมแล้ว เพราะจุดประสงค์เพื่อปกป้องน่านฟ้าไทยเท่านั้น
ไม่ได้นำเครื่องบินรบรุ่นใหม่ ๆ เข้ามาเพื่อบุกโจมตีใคร และถ้าบุกก็ใช่จะธรรมดา
มีขีดความสามารถทัดเทียมกัน ตอนนี้ จำนวนอาจไม่เพียงพอ แต่ถ้า MLU F-16 แล้วใช้ Erieye
ให้ Gripen ติด เมเธเออร์ เราก็ไม่ด้อยกว่าใคร
*ตอนนี้ เราอ่อนเพราะ เครื่องที่สามารถใช้อาวุธอากาศสู่อากาศนอกสายตามีน้อย ระยะยิงของ AIM 120 C-5 ก็ไม่เพียงพอ
แค่นี้ คงพอ
อืม...Gripen ก็ดี แล้วมีอาวุธแบบในรูปนี่ป่ะ หรือมีแค่ตัวเครื่อง
Gripen กะ SU มันมวยคนละรุ่นอ่ะ อาวุธค่ายรัสเซีย อากาศสู่อากาศ มันยิงได้ไกลกว่าค่ายตะวันตกไม่ใช่หรอ เรด้าไกลกว่า พิสัยการบิน ก็ไกลกว่า บินแต่ละที ไม่จำเป็นต้องเอาเครื่องบินตรวจอากาศ บินขึ้นไปเสมอๆ
แล้วคิดว่า ค่ายนี้ เขาไม่มีเครื่องบินตรวจอากาศหรือ
เพราะฉะนั้น มันมวยคนละรุ่นกัน มันเทียบกันไม่ได้หรอก ในขณะ SU มี 2 เครื่องยนต์ ส่วน Gripen มีเครื่องยนต์เดียว
ได้จรวด meteor มาก็ทัดทียม รัสเซีย เผลอๆ ระยะยิงไกลกว่านะครับ
ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงทดสอบ ไม่นานหรอกครับ
Erieye จอดอยู่กับพื้นเฉยๆ ก็ควบคุม สั่งการณ์ได้ครับ
สมมติ ถ้า Erieye และ เรด้าภาคพื้น โดนเก็บก่อนล่ะ อิอิ
SU ก็มีดีของเขาบ้างแหล่ะ เห็นว่า นี่ติดกับเครื่อง SU มันเครื่องไรหว่า ท่าจะแจ่ม ใหญ่จังวุ้ย
มันชื่อไรอ่ะ เอาไว้ทำไร ติดไว้กะเครื่อง SU
*-*
มันไม่ใช่อยู่ที่เครื่องบินอย่างเดียวนะ ครับ มันขึ้นอยู่กับองค์ประกอบอีกหลายอย่าง ถ้าเปรียบกับ SU ที่เพื่อนบ้านมีในตอนนี้ และเท่าที่ระบบที่เขามี กับที่เรามี ถือว่า สูสีครับ แต่เราจะได้เปรียบตรงที่ระบบใยแมงมุมของเรานี่แหละครับ อย่าลืมนะครับ ว่าเรามันเครื่องรับ ไม่ใช่รุก เพราะว่า สวีเดนคงพัฒนาเพื่อรับมือกับเครื่องบินแบบ SU นี่แหละ ส่วนเรื่องจะทำลายฐานเรดาร์คิดว่าจะบินมาทำลายได้สักกี่ฐาน เพราะเราคงไม่ได้มี แค่ 2-3 ฐานหรอกนะ
ผมว่า ทั้ง Gripen ทั้ง SU มันก็ดีไปแต่ละแบบนะ แต่ถ้ามีตังเยอะ ไม่กังวลเรื่องการซ่อมบำรุง ผมก็อยากได้เครื่อง SU นะ สมรรถนะมันสู อิอิ
ผมชอบนะของรัสเซยแต่ ยาสมาก็พอใจแล้ว
ถ้าอยากดีจริงแบบไม่ต้องถามมากผมว่าซื้อ f-22 เลยมั้ย
แหม..ว่าไปคุณ ขนาดญี่ปุ่น ขอซื้อ เมกา มันยังไม่อยากขายให้เลย/ เดี๋ยว...เพื่อนบ้านรอบๆ ก็คงมีเครื่อง SU บินว่อนให้เห็นกันแหล่ะ
ผมว่าไม่ต้องเถียงกันครับ จัดSU-30อีกสัก 1 ฝูงบินผมว่าชัวที่สุด ค่าบำรุงแพงไม่เท่าไรครับ คิดฟรีมากกว่านี้ ให้ประเทศไม่ได้หรือความปลอดภัยนะครับ
พม่ายังมีMIG 29 เลย 2 เครื่องยนต์เทอร์โบชาจร์ แถวอินเตอร์คุลเลอร์
ชิ ทั้ง 2 ลำ เจอลำของผม เดี๋ยวยิงใส้แตกเลย ฮ่าๆๆ ว่าไป อิอิ สู้ของผมไม่ได้หรอก
อ้าว...พังซะแล้วหลานเอ้ย โทษทีนะ แค่เอามาเล่นเฉยๆ ร้องไห้ใหญ่เลย
1:4 หรือ 1:8 เขาหมายถึง ถ้าเรารบในโครงข่ายทางยุทธวิธีของเราน่ะครับ
ขื้นอยู่กับเครื่องเรา ติดตั้งจรวดไปกี่ลูกด้วย มีจรวด 4 ลูก จะให้ยิงข้าศึกร่วง 8 ลำก็เกินไปหน่อย
ที่บอก 1 ต่อ 4 คื่อว่าความสามารถของ jas-39 c/d เรดาร์ มีความสามารถ ล็อก เป้าได้มากถึง 4 ลำต่อครั้งเเละสามารถสั่งยิงได้พร้อมกัน ไม่ต้องมายิงทีละลำ
SU-30 อาจยิงอาวุธได้ไกลกว่าเครื่องบินทุกลำของไทย
แต่เวลารบจริง ถ้าเราทะลวงเข้าโจมตีรันเวย์ของเครื่องบินพวกนี้ได้ ก็เท่ากับว่า เสือปีกหัก
มีเป็นร้อยวิธีในการเอาชนะ อย่างสหรัฐ สามารถใช้สเธลท์ทิ้งระเบิดรันเวย์ หรือครุยส์แบบต่างๆ ไม่รวมถึง บทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ หรือฮาร์มโจมตีสถานีเรด้าร์ ตลอดจนการกำหนดเขตห้ามบิน การแซงชั่นห้ามขายอาวุธ อะไหล่ นํ้ามันให้เป็นต้น ไม่มีใครดวลกับใครเป็นคาวบอยเดี่ยวๆ ตัวต่อตัวกันอีกแล้ว / อิอิ
ขออนุญาตนะครับ ขอถามหน่อยว่า ถ้าซื้อSU-30 มาแล้วจะเอาระบบอะไรในทอ. support มันครับ อาวุธก็ใช้ของเก่าไม่ได้ ไม่ใช่L-39 นะครับที่เอามาMod ติดไซไวเดอร์ได้ ลองคำนึงถึงงบประมาณที่กองทัพได้รับในแต่ละปีด้วย ถ้าซื้อSU-30 ก็ต้องเปลี่ยนระบบเกือบทั้งกองทัพแหละครับ แล้วที่บอกว่าSU-30 ของเพื่อนบ้านใช้ระบบของตะวันตกประกอบด้วยน่ะนะ มันModคุยกันเองในเครื่องรู้เรื่องรึเปล่า ระบบฝรั่งเศสจะลิ้งค์ไปหาระบบรัสเซียได้มั้ย ระบบนู้นจะเข้ากับระบบนี้รึเปล่า ขนาดวิศวกรรัสเซียที่เป็นคนสร้างยังปวดหัวเลยครับ แล้วคิดดูว่าช่างเครื่อง ช่างอิเลคโทรนิคเราจะไหวมั้ย ต้องส่งไปเรียนรู้ระบบใหม่ที่ประเทศไหนบ้าง แล้วไหนจะค่านู่นค่านี่ คิดแล้วเซ็งครับ แค่หน่วยวัดของฝั่งUS กะฝั่งRUS ก็ต่างกันแล้วครับ สงสารคนที่ต้องปฏิบัติงานร่วมกับเครื่องบ้างครับ ไม่ใช่คิดแต่ว่าเครื่องนู้นดีกว่า อย่างงู้นอย่างงี้ จะต้องเอาเครื่องนี้ให้ได้ เครื่องที่ซื้อมามันไม่ดีอย่างงู้นไม่ดีอย่างงี้ ถ้ามันไม่ดีเค้าคงไม่ซื้อมาหรอกครับ ก็คิดซะว่าซื้อJAS มาก็ไม่ต้องเสียค่าอาวุธใหม่ทั้งคลังละกัน แค่นี้ละครับ
อาวุธในปัจจุบัน สำคัญ แต่การเอาชนะต้องพึ่งพาเครือข่ายเน็ตเวิร์คข้อมูลข่าวสาร การสั่งการรวม งานข่าวกรอง และการกำหนดยุทธศาสตร์ระยะยาวอีกมากมาย
ดีกว่ามาซื้อของที่คิดว่าดีที่สุด ยิงไกลที่สุด แต่อย่างเดียว แต่ต้องเข้าได้กับยุทธศาสตร์ของบ้านเราด้วย
jas 39 grippen ดีแล้วเพราะใช้อาวุธที่มีอยู่ได้ลำเล็กคล่องตัวสูงใช้ทางขึนลงสั่น su30ลำใหญ่เห็นง่ายจากระยะไกลเป็นเป้าง่ายใช้อาวุธไทยไม่ได้
เอารูปเก่าๆ มาให้ดู อิอิ
5555+ พวกเรานี่ ก็บ้าไปกับกระทู้เนาะ รู้ทั้งรู้ว่า มันเป็นมวยคนละรุ่นกัน
อืม...
ดีน่ะ ไมม่มี มาม่า
ถ้าจะเปรียบเทียบกันจริง บนแผ่นกระดาษ ( อาศัยเปรียบเทียบข้อมูล ทางเทคนิค ระบบเรดาร์ พิสัยยิงอาวุธ และ Radar Cross Section ) นี่ มันก็พูดเปรียบเทียบกันได้ไหม เชื่อถือได้ไหม
มันก็น่าเชื่อถือได้ ศึกษา เป็นแนวทาง แต่ข้อมูล อาจจะไม่ถูกต้อง 100% เพราะการเปรียบเทียบได้ดีที่สุด คือการซ้อมรบ ทางอากาศ แบบ ใส่กันเต็มที่ทั้ง 2 ฝ่าย
แต่จำได้ว่า INDIA ส่ง SU-30MKI ไปซ้อมรบ Red Flag ที่ อเมริกา เมื่อ ปี หรือ 2 ปีที่แล้ว ทาง รัสเซีย มีข้อจำกัด ไม่ให้ อินเดีย เปิด เรดาร์ ในการซ้อมรบ เพราะเกรงว่า อเมริกา จะดักจับคลื่นความถี่ และ เอาไปเป็นข้อมูล
ผมว่า การเปรียบเทียบ กันแบบคร่าวๆ นี่ ต้องไปหาอ่าน ของ ออสเตรเลีย ครับ เห็นชอบทำ เกมจำลองการรบ ระหว่างเครื่องบินรบ รัสเซีย กับเครื่องบิน ของ อเมริกา โดยอาศัยข้อมูล ทางเทคนิค
น่าจะเป็น เว๊บไซต์ Ausairpower
ที่น่าสนใจคือ เคยมีผลการจำลองการรบที่ว่า F-35 ไม่สามารถต้านทาน การบุกของ SU-35 Radar Irbis-E ได้
แต่ถ้า JAS-39 Gripen VS. SU-30MKI ( เอาเป็น รุ่นนี้แล้วกัน เพื่อไม่เป็นการยั่วยุ เพราะระบบ ต่างๆก็คล้ายๆ M )
ต้องดู พิสัยกวาดจับ ของ เรดาร์ และ Radar Cross section ที่ เรดาร์ จะจับได้อีก
อย่าง เรดาร์ SU-30 นี่ ใน Wikipedia มีคนเขียนข้อมูลว่าเป็น Mini-AWACS เลย
แต่มันจะจับ เครื่องบิน ที่มี RCS ต่ำๆอย่าง JAS-39 C/D ได้ที่ กี่ กิโลเมตร
ไม่แน่ว่า กว่า เรดาร์ SU-30MKI จะจับ JAS-39 Gripen ได้ ก็คงอยู่ใน พิสัยยิงของ จรวด Amraam ของ JAS-39 แล้วก็ได้ ( ถ้าเป็น Meteor ยิ่งดีใหญ่ )
ยิ่ง JAS-39 C/D ออกรบคู่กับ Erieye ยิ่งได้เปรียบ อีก อักโข
แต่อย่าลืม SU-30 สามารถ ติดจรวด ที่เรียกว่า AWACS Kiiler ได้
และเครื่อง Erieye ของเรา RCS ของมัน ก็น่าจะใหญ่ กว่าเครื่องบินรบ และตรวจจับได้ง่าย จาก เรดาร์ ของ SU-30 ถ้า เพื่อนบ้าน มีจรวด ชนิดนี้ไว้ในครอบครอง ก็ไม่คิดว่าเราน่าจะได้เปรียบเท่าไหร่
ส่วนตัวแล้วคิดว่าถ้าจะรบแบบ แอร์ทูแอร์ นี่ กริเป้น ไม่เป็น รอง ซู ๓๐ เลยนาครับ ไม่ว่าจะมองมุมไหน ในระยะนอกสายตา กริเป้น + อิริอาย จับเป้าได้ ไว เท่าๆกับ ซู ๓๐ ครับ ระบบอาวุธปล่อยระยะนอกสายตา แบบ แอมแรมของกริเป้น ที่ว่าระยะยิงสั้นกว่า แอมแรมสกี้ของ ซู ๓๐ ผมว่ามันเป็นแค่สเปคในกระดาษครับ ยังไม่มีการพิสูจน์ในการรบจริงจัง แต่อย่างไร ความเชื่อถือได้ของระบบ จรวด จะมีความแม่นยำตามราคาคุยหรือเปล่าก็ไม่รุ้ครับ ซึ่งแตกต่างจากแอมแรมซึ่งผ่านการรบมาหลายครั้งแล้วมีความเขื่อถือได้มากกว่าครับ
ส่วนในอนาคต เจ้าเมทิเออร์ คาดว่าคงอีกหลายปีครับกว่า ทอ. จะหางบประมาณมาซื้อเจ้าตัวนี้เพื่ออัปเกรด เครื่องกริเป้น เพราะคงต้องรอให้ เจ้า แอมแรม ที่มีอยู่ในคลังอาวุธ ที่ใช้กับตัว เอดีเอฟ และ กริเป้น ตัว ปัจจุบันหมดอายุก่อนครับ เดาเอาว่าไม่ตำกว่า ๑๕ ปี ถีงจะมีโอกาสได้ใช้ครับ ซึ่งก่อนใช้งานคงต้องมีการอัปเกรดระบบเรด้าห์ และ โปรแกรมของ เครื่อง กริเป้น และ อิริอาย ก่อนครับ เพื่อให้สอดคล้องกับระบบจรวด ซึ่งต้องใช้เงินอีกไม่ใช่น้อยครับ
NOVATOR K-100
http://en.wikipedia.org/wiki/Novator_K-100
นี่ไงที่ผมกล่าวถึง
ส่วน Radar ของเครื่องตระกูล SU-30 นี่จับได้ไกล 400 กิโลเทตร แต่ข้อมูล ที่ลงไว้ใน Wikipedia ( อาจจะเชื่อถือไม่ได้ 100% แต่ดูไว้เป็นแนวทาง )
เรดาร์ SU-30 จับเป้าหมายที่เป็น Small Size Target ได้ที่ 120 กิโลเมตร ( ไม่ทราบว่า มันกล่าวถึงเครื่องบินรบขนาดเล็ก หรือเปล่า )
เรดาร์ Ericcson PS-05A ของ JAS-39 ถ้าจับไม่ผิด ก็จับได้ไกลสุดๆ 120 กิโลเมตร ไม่แน่ใจครับ ขอออกตัวไว้ก่อน
SU-30 เป็นเครื่องบินรบขนาดใหญ่ และมี RCS สูง คิดว่า JAS-39 น่าจะจับได้ตั้งแต่ เข้าระยะตรวจจับ เรดาร์ ส่วนจะยิงได้ ก็ต่อเมื่อเข้าสู่ระยะ ยิง ของจรวด Amraam รุ่นที่เรามี
SU-30 อาจจะได้ยิงก่อน
เอาเป็นว่า ความคิดเห็นแตกต่าง แต่ไม่แตกแยกกันน่ะครับ
นี่ก็เป็น แค่การเปรียบเทียบ แบบคร่าวๆน่ะครับ
ส่วนเรื่อง จรวด ของรัสเซีย ยังไม่ค่อยได้ผ่านการรบ เหมือน Amraam แล้วจะเชื่อถือได้ไหม ส่วนตัวคิดว่า การผลิต เข้าประจำการ เขาต้องทดสอบยิง ด้วยครับ ถ้าไม่ได้มาตรฐาน ก็คงจะไม่นำเข้าประจำการ
เห็นฝรั่งเศส ทดสอบยิง ทดสอบ ASTER-30 กับเป้าหมาย ด้วยครับ
ผมพูดเป็นกลางน่ะครับ ไม่ได้เชียร์ อาวุธ รัสเซีย
F-117A เครื่อง สเตลท์ ของ อเมริกา ยังโดน S-125 สอยได้เลย ระบบเก่าๆออกแบบ มาตั้งแต่ปี 1963
ผมก็คิดว่า จรวด Air-to-Air ของ รัสเซีย มันก็ไม่ได้ด้อย คุณภาพ เหมือนกันน่ะครับ
ไอ้จรวดพวกนี้นะหรอ
เห็นว่า นี่เป็นแผนผังการใช้อาวุธค่ายรัสเซีย SU-35
ลองคลิ๊กดูที่ลิ้งค์นี้ครับ http://www.ausairpower.net/APA-Su-35S-Flanker.html
ถ้าต้องมาวัดกันตัวต่อตัว
แล้วโครงข่ายเน็ตเวิร์คที่เราลงทุนทำไปจะมีประโยชน์อะไรล่ะครับ
ถ้ารบกันแล้ว เค้าไม่รบกันแบบแฟร์ๆ กันหรอก ต้องชนะไว้ก่อน เท่านั้น
ทหารต้องไม่พลีชีพเพื่อชาติ คนที่จะต้องพลีชีพเพื่อชาติ คือ ศัตรูต่างหาก
อยากให้มาทั้งคู่เลยขอ Meteor กับ IRIS-T
ตอนนี้ สั่ง IRIS-T เหลือพี่ Meteor ทดสอบเสร็จ อยากได้ อยากได้
อืม...ผมว่า แต่ละค่าย ก็มีหมัดเด็ด ไม่แพ้กัน เลยนะครับ ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย
Meteor ตัวนี้เปล่าครับ
อันนี้ข้อมูลจากไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/life/151419
ความคิดผม
สรุปว่า เครื่องบินsu30 เก่งกว่า jas39 ครับ แต่ jas39 เหมาะสมกับไทย
แต่เราน่าจะเอาแพคเกจของโรมาเนีย ได้ตั้ง24ลำ ดีกว่าเอา เครื่องเก่าสัปรังเค มาติดเรดาร์ไห้เรา
สุดท้าเราก็ต้องซื้องอาวุธไหม่อยู่ดี เอา 24 ลำน่าจะดีเสียดาย
อีกอย่างสวีเดนเขาให้โค๊ดเครืองบินแถมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้อีกผมเห็นกริเพนก็ติดอันดับ10 บ.ขับไล่ตลอด
แถมช่วยพัฒนาดาต้าลิงค์กันอีก
เครื่องเก่าสัปรังเค มาติดเรดาร์ไห้เรา>>>>ขยายความด้วยครับ อย่ามัวแต่นึกแต่มองว่าถ้าเป็นเครื่องมือ 2 แล้วจะสัปรังเค อย่างที่คุณบอกเสมอไปครับ
http://www.thaiarmedforce.com/distribution/viewtopic.php?f=28&t=1020
เปรียบเทียบ JAS-39 กับ SU-30 ว่าด้วยเรื่อง ระยะตรวจจับ เรดาร์
เครดิท อาจารย์ rinsc saver
1 ต่อ 4 หรือ 8 อ่านให้เข้าใจก่อนครับ "สามารถเอาชนะข้าศึกที่ไม่มีเทคโนโลยีนี้" และถ้าใครติดตามกระทู้ในเว็บนี้ตั้งแต่แรกจะรู้ครับ ถึงสมรรถนะ ของเจ้า su กับ gippen เรดาร์เจ้า gippen อาจจะไม่ไกลเท่า ซู30 แต่เรามี Erieye มาขยายครับ กรุณาไปหาอ่านกระทู้เก่าๆที่มีผู้รู้เยอะแยะมาอธิบายใว้ครับ
ผมว่าเรามารอดูกันว่าระหว่าง su 30เพื่อนบ้าน กับกรีฟเพ่นเรา
ไครจะอยู่ได้นานกว่ากัน เอาเป็นว่าสัก15-20ปีเราค่อยมาเถียงกัน
ให้ชอบจริงๆชอบของ ไอ่กันมันทนจริงๆนะของมันดีจริงๆ
พวกบิน F-5/F-16/ฮิวอิ้/c-130/ถังm-60แต่มันชอบกั๊กๆๆของแถม
แต่ของรัสเซียข้อดีคือให้แบบไม่มีกั้กถ้ามีตังของแถมเพียบเอาสินค้าไปแลกได้
แต่คงต้องแล้วแต่คนใช้แหละครับ คนเคยขับรถเกียร์ออโต้
วันหนึ่งไล่ให้เปลี่ยนไปขับรถเกียร์ธรรมดายุ่งตายเลยจะให้คล่องเหมือนเดิม...คงนาน
สำหรับเราแล้ว เรื่องเอาไปขับไล่ยิงกันกับเรื่องบินรบนั่นเรื่องนึง แต่ที่ต้องทำอีกหลายๆเรื่อง muti-role เจ้า SU-30 ทำได้ลำบาก ต้องปรับตัวอีกมากๆ
เช่นการบินลาดตระเวณ ถ่ายภาพ หรือการสนับสนุนภาพพื้นดินอย่างการชี้เป้า หรือทิ้งระเบิดด้วยระเบิดนำวิถีด้วยแสงเลเซอร์ เจ้า ซู มันผ่าเหล่า ไม่เข้ากับ F-5 F-16 หรือระบบอาวุธที่มี ทีั่ซ้อมกันอยู่เลย
เรื่องที่ 2 การยิงอาวุธนอกสายตา F-14 เคยยิง ฟีนิกซ์ ที่ระยะไกลถึง 200 กิโลเมตร 2 ลูก พลาดเป้าหมด รู้ได้ไงว่า ซู-30 จะยิงได้ที่ระยะไกลสุดแล้วเข้าเป้า?
สุดท้ายก็ปลดไป เอา F/A-18E/Fซุปเปอร์ฮอร์นเน็ท ที่ประหยัดกว่า เบากว่า แรงขับน้อยกว่า ยิงได้ใกล้กว่ามาแทนที่ [ว่าแต่ฟีนิกซ์ไปไหน T_T]
นอกเรื่องหน่อยครับ ตอบคุณpipat2000
จรวดฟีนิกซ์ ออกแบบมาใช้สำหรับยิงใส่เครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ในระยะไกลครับ เพราะในช่วงสงครามเย็น ภัยคุกคามของกองเรือสหรัฐคือเครื่องบินทิ้งระเบิดรัสเซีย เพราะฉะนั้น ถ้าเอาฟินิกซ์ไปยิงใส่เป้าเล็กๆก็น่าจะมีโอกาสพลาดสูงอยู่แหละครับ เพราะฟินิกซ์ไม่ได้ออกแบบมาให้กวดกับเครื่องบินขับไล่ เหมือนพวกไซไวเดอร์ หรือ สแปโรว์
ส่วนที่ถามว่าหายไปไหนหมด ก็ไม่รู้ว่าทางสหรัฐยังเก็บไว้หรือว่าส่งมอบให้อีกประเทศที่ยังมีF-14ใช้(ด้วยวิธีที่เราไม่รู้) หรือไม่ก็อาจจะทำลายหมดแล้วครับ
ทำไมผมดูคลิปกับคอมเม้นในยูทูป กริเฟน อยูุ่อันดับต้นๆ บางครั้งอยู่ลำดับกว่า ใต้ฝุ่น กับ ราฟาล เห็นมาหลายคลิปและแค่นี้ก็อุ่นใจ
วิเคราะห์ไปได้ต่างๆ นานา
ตอนรบจริง มันมีปัจจัยหลายอย่าง จะเทียบเครื่องบินอย่างเดียว คงไม่ได้แน่นอน
*-*
package ของ jas39 ของประเทศอื่นมีอะไรมั่งครับ
คิดกลับกันดีกว่าครับ ไทยมี su30 กับ ไทย มี กริฟเฟน อย่างไรจะป้องกันการบุกได้ดีกว่ากัน ถ้าเป้นคำถามนี้ตัดข้อได้เปรียบขอซู 30ไปหลายตัวเลย
เปรียบเทียบ ของไทยกับโรมาเนีย
1.จรวด RBS-15F 12 นัด+Technology Transfer+ทุนการศึกษา+(Saab 340 1 ลำ+ Saab 340 AEW 2 ลำ)(เครื่องมือ 2)+ Datalink+ Ground Base Station
2.Gripen12 ลำ+การสนับสนุน+การฝึก+Offset
ดูข้อ 1กับ2 ผมว่าข้อสองน่าเอามากกว่า
แล้ววันไหนมีตังค่อยซื้อเอาตามข้อ1 ผมว่าเรดาร์เราก็พอตรวจจับข้าศึกที่บุกมาได้ แล้วใช้โทรศัพท์โนเกียโทรคุยกับศูนย์ควบคุมไปก่อน รอจนมีตังซื้อ AEW อีก 5ปีเห็นจะได้
ได้เพิ่มมาตั่งเท่าตัว จรวด กับ AEW และอื่นมันจะกี่ตังเชียว หรือจะแพงกว่า jas 39 12ลำ
ณ ตอนนี้ฟันธง............เสร็จ JAS
ถ้าผมมีอำนาจสั่งซื้อชุดต่อไป ก็ยัง JAS
หมดยุคแล้วกับพวกบ้าพลัง
ปล.ถึงผมจะอยู่นอกวงการ....แต่ก็ตามข้อมูลเรื่องอาวุธมาตั้งแต่ F5E มาอยู่ที่โคราช
คิดถึง..บรองโก้.... สร้างจินตนาการได้มาก...สำหรับยุคนั้น
ตอนนี้ไม่ต้องเถียงแล้วรอชุดหน้าดีกว่า
อีก 8-10 ปี เราต้องปลด 2 ฝูง ทั้ง F-5 T ทั้ง F-16 ADF
ตัวแทน ชุดหน้าคงเป็น เครื่องบินรบยุคที่ 4.75 หรือ 5 เต็มตัว มีตัวเลือกดังนี้
1.Su-35 2.F-35 3.Gripen 39 E/F
ตัวเลือกอื่นคงไปเป็นได้ยาก ฟาดกันอยู่ 3 ตัวนี้แหล่ะ
Gripen 39 E/F คงไม่มีอ่ะครับ จะมีก็แต่ Gripen 39 NG ที่ทดลองบินแล้ว กับแบบสเตลท์ที่กำลังวิจัย