(ภาพประกอบ)
ความคืบหน้าล่าสุด ทางการลิเบีย เผยภาพการจับกุมตัวหน่วยรบพิเศษทางอากาศ ของกองทัพอังกฤษ หรือ SAS และ MI6 หลังมีการดักสัญญาณวิทยุ ก่อนที่ทูตอังกฤษ จะมาช่วยเหลือ
สื่อของอังกฤษ เผยว่า ทางการลิเบียได้จับกุมหน่วยรบพิเศษทางอากาศ ของกองทัพอังกฤษ หรือ SAS ด้วยการดักฟังสัญญาณทางวิทยุ ซึ่งมีการจับกุมสมาชิกกลุ่ม SAS จำนวน 7 นาย และเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองต่างประเทศ หรือ MI6 ไปลงจอดที่เมืองเบงกาซี โดยไม่ได้แจ้งต่อบรรดาผู้บัญชาการของฝ่ายต่อต้าน ก่อนที่จะมีการควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ทั้งหมดและทำการปลดอาวุธ
หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว นายริชาร์ด นอร์ธเทิร์น เอกอัครราชทูตอังกฤษ ประจำลิเบีย ได้เข้าไปเจรจากับแกนนำฝ่ายต่อต้าน เพื่อเรียกร้องให้ปล่อยตัวคนเหล่านี้ พร้อมรับรองสถานภาพของพวกเขาก่อนที่เรื่องดังกล่าวจะถูกนำมาเผยแพร่ออกสื่อของรัฐบาลลิเบีย โดยให้เหตุผลว่าหน่วย SAS ชุดดังกล่าว ต้องการเข้าไปติดต่อกับฝ่ายต่อต้าน เพื่อประเมินสถานการณ์ด้านมนุษยธรรมเท่านั้น
การสู้รบในลิเบียนับวันยิ่งทวีความรุนแรง และ ขยายตัวออกไปในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ล่าสุดกองทัพรัฐบาลที่ภักดีต่อ พ.อ.โมอัมมาร์ กัดดาฟี ฉลองชัยหลังอ้างชัยชนะบดขยี้ฝ่ายต่อต้านยึดเมืองสำคัญกลับคืนมาได้
กลุ่มผู้สนับสนุนของกัดดาฟี ยิงปืนฉลองชัยชนะในกรุงทริโปลีดังสนั่นไปทั่วเมือง หลังมีรายงานว่า กองทัพรัฐบาลสามารถรุกคืบเข้ายึดเมืองสำคัญกลับคืนมาได้จากฝ่ายต่อต้าน ได้แก่ เมืองโทบรุค เมืองราส รานูฟ เมืองมิสราตาและเมืองเซวิย่า ท่ามกลางกระแสข่าวที่ยังคงสับสน เนื่องจากฝ่ายต่อต้านในพื้นที่ยืนยันว่า ยังต้านทานการโจมตีของกองทัพรัฐบาลไว้ได้
ทั้งนี้การสู้รบที่ส่อเค้ายืดเยื้อ สร้างความวิตกให้กับนานาชาติว่า ลิเบียจะต้องเผชิญกับภาวะสงครามกลางเมืองที่ยาวนาน ซึ่งจะบั่นทอนเสถียรภาพในภูมิภาค ท่ามกลางกระแสดันให้สหรัฐหาทางช่วยเหลือกลุ่มต่อต้านในลิเบียในการเผชิญหน้ากับกัดดาฟี
ด้านองค์การสหประชาชาติแสดงความต้องการที่จะเข้าไปตรวจสอบสถานการณ์ในเมืองมิสราตา ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่สุดอันดับสามของลิเบีย หลังมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต และ บาดเจ็บจำนวนจากการโจมตีของกองทัพรัฐบาล
ล่าสุดมีรายงานในเมืองมิสราตายังคงมีการสู้รบกันอย่างดุเดือด โดยกองทัพรัฐบาลที่รุกคืบเข้ามาในย่านใจกลางเมือง พร้อมด้วยรถถังและรถหุ้มเกราะได้ยิงกราดเข้าใส่ผู้คนทั้งที่มีอาวุธและไม่มีอาวุธทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน และ ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก ก่อนที่กองทัพรัฐบาลจะถูกฝ่ายต่อต้านผลักดันออกจากเมืองได้สำเร็จ
เครดิต sanook.com
เมื่อเช้าฟังข่าว อเมริกันถูกกดดันให้ส่งอาวุธให้กลุ่มต่อต้านในลิเบีย เห็นชัดว่า หากอเมริกันหรือชาติอื่นเข้าไปร่วม อาจจะเป็นสาเหตุของสงครามระหว่างประเทศในไม่นาน และคงรุกรามล้างแค้นวุ่นวาย ราคาน้ำมันไม่ต้องพูดถึงเลยครับ
ฝ่ายต่อต้านเสียเปรียบเมื่อไหร่ อาจมีมติแทรกแซงเคลื่อนขบวนทัพที่จ่ออยู่รอบๆชายแดน
แล้ว SAS เข้าไปทำไมอะ
-สถานการณ์คงเลวร้ายมากขึ้น ถ้าต่างชาติเข้าแทรกแซง คนบาดเจ็บล้มตาย คงเพิ่มเป็นรายวัน(ฟังจาก พอ.กัดดาฟี กล่าว...)
-อยากให้เข้าแทรกแซง ในนาม UN (แบบเอกฉันท์ จริงๆ) เพื่อมนุษยธรรม มีที่ไหนเอารถถัง บ.รบ มายิงประชาชนของประเทศตัวเอง
-เป็นห่วงพี่น้อง ที่ทำงานยังติดอยู่ที่นั้น (ครึ่งหนึ่งอยู่โซนปลอดภัย ส่วนอีกครึ่งน่าเป็นห่วง)
-ภาวะสงครามหนีไม่พ้น ข้าวยากหมากแพง ฉุดราคาน้ำมันโลกให้สูงขึ้น
-ประเทศมหาอำนาจ ต่างจ้อง ตักตวงผลประโยชน์ แทรงแซง เข้าไปมีอิทธิพล....
ประเทศเราโชคดี....สามัคคีกันครับ
กองทัพลิเบียจงรักภักดีต่อกัตดาฟี่มากโอกาสที่ฝ่ายต่อต้านจะชนะแทบเป็น0
ต่อให้อเมริกาส่งอาวุธให้ฝ่ายต่อต้านคงต้องส่งขอใหญ่ๆไปเลย
เพราะลิเบียมีจรวดเป็นพันๆลูกเฉพาะscud B มี400+
จรวดต่อต้านอากาศยาน รถถังมี 2000+
UNคงคิดจงหนักเฉพาะอัฟกันกับอิรักยังคาราคาซัง
มีอย่างเดียวครับคือทหารระดับหัวจะเปลี่ยนข้างขนกำลัง+อาวุธเข้าช่วยฝ่ายต่อต้าน
หรือ อเมริกาและผ่องเพื่อนจะลุยเอง......
งานนี้ ถ้าเข้าไปจริงๆ อเมริกา อังกฤษ และพันธมิตร ได้เจอของจริงแน่ๆ ไม่ง่าย เหมือนอิรัก แน่ๆ....
อิรักทุกวันนี้ ยังเอาแทบไม่รอด
เมื่อครั้ง" อ่าวหมู"ที่คิวบา อเมริกาก็พลาดไปแล้วครับ ลำพังการส่งกำลังบำรุงเพียงอย่างเดียวหมายจะโค่นกัดดาฟี่อาจจะไม่ง่ายครับ เพราะกัดดาฟี่ยังมีกองทัพนุนหลังอยู่ (ที่ชวนให้ขบคิดคือ ถ้าหากความเป็นอยู่ของชาวลิเบียนั้นแย่จริงดั่งอ้าง ไฉนจึงมีแรงงานต่างชาติมุ่งหน้าเข้าไปแสวงโชคอยู่?)
ต้องติดตามตอนต่อไป ดูแล้วจะเป็นหนังยาวเหมือนกันนะเนี่ย
เสียเลยครับ Who dares wins