คนงาน 50 คน ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ฟูกูชิม่า หมายเลข 1 หรือ ที่เรียกกันในตอนนี้ว่า ฟูกูชิม่า 50 ต้องเสี่ยงกับการระเบิด ไฟและศัตรูที่มองไม่เห็น นั่นก็คือ สารกัมมันตรังสี มฤตยูที่สามารถคร่าชีวิตพวกเขาได้ในเวลาอันรวดเร็ว หรือไม่ก็ในอีกหลายสิบปีต่อมา จากการที่พวกเขาพยายามป้องกันไม่ให้แท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์หลอมละลาย ท่ามกลางสภาพภายในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่เลวร้ายลงเรื่อย ๆ ทั้งมืดมิดและร้อนจัด
คนงานทั้ง 50 กลายเป็นวีรบุรุษของสาธารณชน ที่ยอมเสียสละตนเองเอาสุขภาพเข้าเสี่ยงกับมหัตภัย มีรายงานการสูญหายของคนงาน 2 คน หลังเกิดไฟไหม้ที่อาคารปฏิกรณ์หมายเลข 4 ตอนแรกมีคำสั่งถอนคนงานทั้งหมดออกจากโรงไฟฟ้า หลังระดับสารกัมมันตรังสีเข้มข้นขึ้นในระดับอันตราย ในช่วงที่พวกเขากำลังปั๊มน้ำทะเลเข้าไประบายความร้อนให้กับเตาปฏิกรณ์แต่ก็ต้อกลับเข้าไปใหม่ ในอีก 5 ชั่วโมงถัดมา หลังจากระดับความเข้มข้นของสารกัมมันตรังสีลดลง
เคอิจิ นากางาว่า จากคณะรังสีวิทยาของยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ โตเกียว ฮอสปิทัล ให้ความเห็นว่า เขาไม่รู้จะเรียกคนเหล่านี้ว่าอะไร แต่เปรียบได้กับซามูไรในสงคราม ทีมเล็ก ๆ ที่ยังคงนิรนามและทำงานฉุกเฉินเหล่านี้ ต้องเร่งทำงานภายในเวลา 10 - 15 นาที ในการปั๊มน้ำทะเลเข้าไประบายความร้อนให้กับเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ที่กำลังร้อนจัด ต้องคอยจับตาการทำงานของปั๊ม และเก็บกวาดซากชิ้นส่วนที่เกิดจากการระเบิด
ยิ่งทำงานนานเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งรับสารกัมมันตภาพมากขึ้นเท่านั้น อีกทั้งยังต้องทำงานท่ามกลางเครื่องมือที่เสียหาย และปราศจากกระแสไฟฟ้า ซึ่งในช่วงเวลาปกติ คนงานเหล่านี้ ต้องสวมชุดที่ปกปิดร่างกายมิดชิด มีหน้ากากแบบเต็มหน้าพร้อมที่กรองอากาศ , หมวกเหล็กและถุงมือหนาเป็นสองเท่า เวลาเข้าไปยังพื้นที่ที่เต็มไปด้วยสารกัมมันตรังสี บางคนต้องพกถังอ๊อกซิเจน เพื่อจะได้ไม่ต้องสูด หรือรับเอาสารกัมมันตรังสีเข้าปอด
จากการตรวจวัดสารกัมมันตรังสี พบว่า คนงานเหล่านี้ต้องเผชิญความเข้มข้นที่สูงถึง 600 มิลซีเวิร์ท หรือเทียบได้กับจำนวนที่พวกเขาได้รับต่อวันนานถึง 7 ปีรวมกัน การได้รับสารกัมมันตรังสี สามารถก่อให้เกิดมะเร็ง หรือ ทำให้เด็กที่เกิดมาพิกลพิการ การได้รับในปริมาณมาก ๆ อาจทำให้ผิวหนังไหม้และป่วย ส่งผลกระทบต่อเซลล์โลหิต
การทำงานที่ท้าทายของคนงานในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ได้รวมถึงการพยายามเปิดวาล์วเพื่อลดแรงดัน และปล่อยน้ำเข้าไปที่เตาปฏิกรณ์ ที่ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง พวกเขายังต้องเดินตรวจวัดระดับรังสีไปรอบ ๆ และเก็บจะขยะที่ปนเปื้อนออกไป สื่อญี่ปุ่นฉบับหนึ่ง รายงานว่า คนงานคนหนึ่ง ที่กำลังเปิดวาล์ว ต้องถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เพราะมีอาการคลื่นไส้และเหนื่อยล้าหลังจากต้องเจอสารกัมมันตรังสีนาน 10 นาที แม้จะใส่ชุดป้องกันตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าก็ตาม
ซามูไรยุคใหม่ที่เสียสละจำนวน 50 คนเหล่านี้ ไม่ได้มีแต่ช่างเทคนิค แต่ยังมีทหารและเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ผู้ที่มีประสบการณ์ในวงการอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ของอังกฤษ ให้ความเห็นว่า จำนวน 50 เป็นตัวเลขที่น้อยมาก ต่อภาระความรับผิดชอบในการดูแลเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 6 เตา
เมื่อคืนที่ผ่านมา รัฐบาลได้ประกาศขยายการจำกัดความเข้มข้นในการรับรังสี ที่คนงานทั้ง 50 สามารถรับมือได้ คือ 150 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่ามาตรฐานของอังกฤษ 12 เท่า ตอนนี้ พวกเขายังไม่ได้พูดอะไร หน้าที่ความรับผิดชอบของพวกเขามีความสำคัญมากกว่าการให้สัมภาษณ์สื่อช่างเทคนิคที่ห้องคอนโทรล ได้บอกกับเพื่อนร่วมงานที่ได้รับคำสั่งให้ถอนออกว่า เขาเตรียมตัวมาตาย เพราะมันเป็นงานของเขา
ภรรยาของช่างเทคนิคอีกคนหนึ่ง ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ว่า สามีไม่สามารถพูดคุยกับเธอได้ตั้งแต่เกิดเรื่อง แต่ได้ส่งอีเมลถึงเธอ และสิ่งที่เขาตอบว่า บ่งชี้ถึงสถานการณ์ที่ร้ายแรง เขาบอกให้เธอดูแลตัวเอง และเพราะเขาอาจจะไม่ได้กลับบ้านในช่วงสั้น ๆ ส่วนช่างเทคนิคชาวอเมริกัน ที่ทำงานอยู่ที่โรงไฟฟ้าแห่งนี้ ตอนที่เกิดแผ่นดินไหว ได้เล่าให้ภรรยาฟังว่า ทุกอย่างร่วงหล่นจากเพดาน เขาต้องเดินผ่านเศษกระจกและถูกกระจกบาด ก่อนจะตามด้วนสึนามิที่พัดเอาบ้านเรือนและรถยนต์ลงทะเล ทำให้ปั๊มที่ใช้ดูดน้ำเข้าไปหล่อเย็นแท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์พัง
นับตั้งแต่เกิดเหตุ มีคนงานเสียชีวิตไป 5 คน บาดเจ็บ 22 คน มีบางคนเจ็บหน้าอกและบางคนยืนไม่ได้ พวกที่เหลือต้องเร่งทำงานตามภาระรับผิดชอบต่อไป แต่ความเข้มข้นของสารกัมมันตรังสีก็ทำให้พวกเขาต้องเร่งรีบ เพราะสามารถทำงานได้ในช่วงสั้น ๆ
บริษัทเทปโก้ ไม่ยอมบอกว่า มีการคัดเลือกคนงานทั้ง 50 คน อย่างไร หรือพวกเขาสมัครใจกันเองแต่ที่เชอร์โนบิล คนงาน 28 คน เสียชีวิตเพราะได้รับสารกัมมันตรังสี ภายในเวลาไม่กี่เดือน รวมทั้งพวกที่ผิวหนังลอกร่อน จำนวน 19 คน แต่มีรายงานปรากฎในภายหลังว่า พวกเขาไม่ได้รับแจ้งให้ทราบเรื่องความเสี่ยงที่ต้องเผชิญ
แต่สำหรับ ซามูไรแห่งฟูกูชิม่าแล้ว ต้องย้อนกลับไปดูญี่ปุ่น ที่มีวัฒนธรรมแห่งการเสียสละ พวกเขาเกิดมาเพื่อเป็นวีรบุรุษอยู่แล้ว คนงานที่ได้รับการอพยพออกมาคนหนึ่ง ได้เขียนในเว็บไซท์ มิซี่ ยกย่องทั้ง 50 คนว่า กำลังต่อสู้ไม่มีถอย เอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องชีวิตของทุกคน แม้แต่นายกรัฐมนตรีนาโอโตะ คัง ยังยกย่องพวกเขาว่า "พวกคุณเป็นคนกลุ่มเดียวที่สามารถแก้วิกฤติที่เกิดขึ้น โดยไม่คิดท้อถอย"
http://www.komchadluek.net/detail/20110317/91917/50ซามูไรแห่งฟูกูชิม่าสละชีพป้องปท..html
ขอเป็นกำลังใจเขาพวกนี้ครับอยากรู้ว่าใจทำด้วยอะไร .....เขาเสียสละมาก
"นี่คือสิ่งที่โลกต้องจดจำในความกล้าของพวกเขา ความกล้าที่มิอาจละทิ้งหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของตนเองได้ แม้จะรู้ว่าหน้าที่ที่ต้องกระทำนั้นต้องแลกด้วยชีวิตของตนเอง
แต่กระนั้นก็ยังลงมือทำโดยไม่มีความลังเลใดๆ เพื่อให้คนที่อยู่ข้างหลังพวกเขาได้รับอิสระภาพที่จะยังคงอยู่บนโลกนี้ต่อไป"
ขอขอบคุณเหล่าซามูไรทั้ง 50 ชีวิตที่ยอมสละชีพของตนเองเข้าแลกกับอิสระภาพของคนทั้งโลก
*สิ่งที่ดีที่สุดคือ"การเสียสละ"และ"การให้อภัย"
ขอแสดงความนับถือเป็นอย่างสูง พวกท่านถือว่าเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองพวกท่านให้ปลอดภัยและประสบความสำเร็จในภระกิจครั้งนี้ !
นึกถึงเหตุการ์ณนึงเลยครับ
คามิกาเซ่
ภาระกิจที่รู้ว่าเอาตัวเองไปตาย แต่ก็ยังทำเพื่อชาติ
นับถือคนญุี่ปุ่นที่สุด และขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการ์๊ที่เกิดขึ้นด้วยครับ
Last Samurai , Last Hero
ด้วยจิตคารวะ นับถือหัวจิตหัวใจจริง ๆ
ยอมรับว่า อ่านจบน้ำตาปริ่ม
อนุโมธนา.. ครับ
อ่านแล้วบอกได้คำเดียวว่า ยอมรับถึงความกล้าเลยครับ สุดยอดจริง ๆ
Never was so much owned by so many to so few....
ในตอนนี้ 50 ซามูไรแห่งฟูจิชิม่ามิได้สละชีพเพื่อป้องกันประเทศอย่างเดียวแล้วครับแต่เป็นการสละชีพเพื่อปกป้องโลกใบนี้นี้ไปแล้วครับ
ขอสดุดีแก่ 50 ซามูไรแห่งฟูกุชิม่าด้วยครับ
ถึงแม้นจะเป็นบทความที่ไม่ยาวมากมาย แต่ก็ใด้ทำให้เราใด้รับรู้ว่าขณะที่เกิดอะใรขึ้นกับประเทศญี่ปุ่่นอยู่นั้น ยังมีคนกลุ่มหนึ่งที่ทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่ เป็นการปิดทองหลังพระจริงๆ ขอให้พวกเขาปลอดภัยกันทุกคนครับ
ขอให้บุญคุ้มครองครับ
ขอแสดงความนับถืออย่างแรงครับบบ
คุณสุดยอดมากกก