เรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤติการณ์ในประเทศญี่ปุ่น
คนไทยในญี่ปุ่นเปิดเผยบรรยากาศหลังเกิดแผ่นดินไหวใหญ่และคลื่นยักษ์สึนามิถล่มว่า Adisak Chua: คิดว่าทุกคนกำลังเครียด เลยอยากแบ่งปันเรื่องดีๆที่เกิดในช่วงแผ่นดินไหว (อ่านเจอลิ้งค์จาก ศูนย์กลางข่าวสารแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น โดย สนญ. และ สนทญ.) เป็นเรื่องราวที่คนต่างชาติที่อยู่ในญี่ปุ่นประสบ http://prayforjapan.jp/tweet.html ขอแปลด้วยความรู้ภาษาญี่ปุ่นที่มี
เรื่องที่หนึ่ง ข้าพเจ้าได้เห็นเด็กน้อยพูดกับพนักงานรถไฟ “ขอบคุณค่ะ/ครับ ที่เมื่อวานพยายามอย่างสุดชิวิตทำให้รถไฟเดินรถได้อีกครั้ง” พนักงานรถไฟร้องไห้ ส่วนข้าพเจ้าร้องไห้ฟูมฟายไปแล้ว (คืนวันที่เกิดแผ่นดินไหว รถไฟหยุดวิ่ง กว่าจะวิ่งได้ก็หลังเที่ยงคืนไปแล้ว)
เรื่องที่สอง ที่ดิสนีย์แลนด์ คนติดกลับบ้านไม่ได้จำนวนมาก และทางร้านขายของก็ได้เอาขนมมาแจกนักท่องเที่ยว ก็ได้มีนร.ม.ปลายหญิงกลุ่มหนึ่งไปเอามาจำนวนมาก มากเกินพอ แว่บแรกที่ข้าพเจ้ารู้สึกทันทีคือ อะไรของมึงวะ เอาไปซะเยอะ แต่วินาทีต่อมากลายเป็นความรู้สึกตื้นตันใจ เพราะเด็กกลุ่มนั้นเอาขนมไปให้เด็กๆ ซึ่งพ่อแม่ไม่สามารถไปเอาเองได้เพราะต้องดูแลลูกๆ
เรื่อง ที่สาม ในซุปเปอร์แห่งหนึ่ง ของตกระเกะระกะเพราะแรงแผ่นดินไหว แต่คนซื้อก็เดินไปช่วยกันเก็บของ แล้วก็หยิบส่วนที่ตนอยากซื้อไปต่อคิวจ่ายเงิน ในรถไฟที่เพิ่งเปิดให้ใช้บริการและคนที่ตกค้างจำนวนมากกำลังเดินทางกลับก็ ได้เห็นคนแก่คนหนึ่งลุกให้สตรีมีครรภ์นั่ง คนญี่ปุ่นแม้ในภาวะฉุกเฉินเช่นนี้ ก็ยังมีน้ำใจ มีระเบียบ
เรื่อง ที่สี่ ในคืนแรกที่เกิดแผ่นดินไหว รถไฟไม่วิ่ง ทำให้คนจำนวนมากต้องเดินกลับบ้านแทนการนั่งรถไฟ ขณะที่ข้าพเจ้าต้องเดินกลับจากมหาลัยมายังที่พัก ร้านรวงก็ปิดหมดแล้ว ข้าพเจ้าได้ผ่านร้านขนมปังร้านหนึ่งซึ่งปิดไปแล้ว แต่คุณป้าเจ้าของร้านก็ได้เอาขนมปังมาแจกฟรีแก่คนที่กำลังเดินกลับบ้าน แม้ภาวะฉุกเฉินเช่นนี้ น้ำใจเช่นนี้ทำให้หัวใจข้าพเจ้าอบอุ่น ตื้นตัน
เรื่อง ที่ห้า ในขณะที่รอรถไฟให้กลับมาวิ่งได้ ข้าพเจ้าก็ได้รออยู่ในอาคารสถานีอย่างเหน็บ หนาว โฮมเลสก็ได้แบ่งปันแผ่นกล่องกระดาษให้ โฮมเลสที่ข้าพเจ้ามองด้วยหางตาทุกวันที่มาใช้สถานี คืนนั้นทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด
เรื่อง ที่หก (เรื่องราวคืนรถไฟไม่วิ่งเยอะหน่อยนะครับ) ด้วยระยะเวลาสี่ชั่วโมงที่ต้องเดินเท้ากลับบ้าน ก็ได้ผ่านหน้าบ้านหลังหนึ่ง ตาก็ไปสะดุดกับแผ่นกระดาษที่เขียนว่า “เชิญใช้ห้องน้ำได้ค่ะ” หญิงสาวท่านหนึ่งได้เปิดบ้านตัวเองให้แก่คนที่กำลังเดินกลับบ้านได้ใช้ วินาทีที่ได้เห็นแผ่นกระดาษนั้น น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง น้ำใจคนญี่ปุ่น
เรื่อง ที่เจ็ด แม้ว่าไฟดับ ก็ยังมีคนที่สู้ทำงานให้ไฟกลับมาติด น้ำไม่ไหลก็ยังมีคนไม่ยอมแพ้ทำให้น้ำกลับมาไหล เกิดปัญหากับโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ก็มีคนที่พร้อมจะเข้าพื้นที่เพื่อซ่อมมัน ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้กลับมาสู่สภาพปกติด้วยตัวมันเอง ขณะที่พวกเราอยู่ในบ้านอันอบอุ่นแล้วก็พร่ำบ่นว่าเมื่อไรไฟมันจะติด น้ำจะไหลน้า ก็มีคนที่อยู่ข้างนอกท่ามกลางความหนาวเหน็บกำลังพยายามสู้อยู่
เรื่อง ที่แปด ในจังหวัดจิบะ คนลุงคนหนึ่งที่หลบภัยอยู่ก็ได้เปรยออกมาว่า ต่อจากนี้ไปจะเป็นอย่างไรน้า เด็กหนุ่มม.ปลายก็ตอบกลับไปว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง ต่อจากนี้ไปเมื่อเป็นผู้ใหญ่ พวกผมจะทำให้มันกลับมาเหมือนเดิมแน่นอน (ไม่เป็นไร พวกเรายังมีอนาคต!!!)
เรื่อง ที่เก้า ขณะที่กำลังได้รับความช่วยเหลือ หลังจากที่ติดอยู่บนหลังคาบ้านมากว่า 42ชั่วโมง คุณลุงก็ได้กล่าวว่า “ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรครับ เคยมีประสบการณ์สึนามิที่ชิลีมาแล้ว ต่อจากนี้ไปพวกเรามาช่วยฟื้นฟูบ้านเมืองกันนะ” แกกล่าวด้วยรอยยิ้ม (สิ่งสำคัญสำหรับพวกเราคือ ต่อจากนี้ไปเราจะทำอะไรต่างหาก)
เรื่อง สุดท้าย ก่อนหน้านี้เมืองมันสว่างเกินไป เกินที่จะมองเห็นดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน แต่จริงๆแล้วดาวสวยเช่นนี้เอง ชาวเซนไดทุกคนลองแหงนมองขึ้นไปข้างบนดูซิ (ตรงนี้ไม่มั่นใจว่าแปลว่า ชาวเซนไดทุกคนมองขึ้นไปบนฟ้า รึเปล่า)
Credit : Adisak Chua
from Bo Panisa facebook http://www.facebook.com/notes/bo-panisa/pray-for-japan/10150111275814075
ที่มา www.mthai.com
ไม่สำคัญ ว่าคุณจะเป็นชนชาติใด แต่สำคัญว่าคุณได้แบ่งปัน "น้ำใจ" ไปให้แก่เพื่อนร่วมโลกที่เค้าเดือดร้อนแล้วรึยัง ไม่สายครับ ที่เราจะร่วมมือร่วมใจรังสรรค์โลกใบนี้ให้น่าอยู่ อยู่ที่ว่าตัวคุณจะ "เปิดใจ" ได้เมื่อไหร่
น้ำใจจะทำให้โลกใบนี้น่าอยู่ขึ้น คนเราไม่มีใครที่ไม่เคยทำผิด แต่หากยึดติดแต่อดีต เราจะไม่มีวันมองเห็นอนาคตได้ เพื่อนๆครับจะให้พรุ่งนี้ของโลกใบนี้เป็นเช่นไร อยู่กับทุกๆคนครับ
ดูเหมือนชาว ญี่ปุ่นจะมีระเบียบวินัยกันมากเลยนะครับ
มองย้อนกลับมาดูที่บ้านเรา
เวลาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ผมมักจะนึกถึงการฉวยโอกาส
ขึ้นราคาสิ่งของ การปล้นสดมภ์
อยากเห็นคนไทยมีระเบียบวินัยอย่างนี้บ้างครับ
ช่วงนี้ได้ยอนเรื่องราวแบบนี้บ่อย และก็ซึ้งทุกครั้ง แต่มักจะมีความคิดเห็น ตำหนิคนไทยตามมาเสมอๆ
ผม เป็นคนนึงที่มีความเชื่อว่า ยังไง คนไทย ก็ใจดี ตอนที่เราเจอสึนามิ พวกเราก็ช่วยคนต่างชาติ มากมายและได้รับการขอบคุณจากผู้รอดชีวิต
พวกเราบริจาคของน้ำท่วมเมื่อปีก่อน เรามาช่วยกันแม้จะไม่รู้จักกัน มาช่วยกันแพ๊กของ ช่วยกันเรี่ยรายเงิน
แม้กระทั่งครั้งนี้ที่ญี่ปุ่นเจอ พวกเราก็ยังบริจาคไปช่วยมากมาย
ผมคิดว่าบางทีเราลืมที่จะ ยกย่อง ยินดีกับคนไทย ชาติเดียวกัน เราเอาแต่เปรียบเทียบ ดูถูกดูแคลน เถิดทูนต่างชาติแบบเกินพอดีเถอะครับ
ผมศรัทธาในความเป็นคนไทยเสมอ แต่ขอยกเว้นพวกที่นั่งในสภา เท่านั้น
เมื่อตอนมหาสงครามเอเซียบูรพา(สงครามโลกครั้งที่สองด้านเอเซียตะวันออกเฉียงไต้)เมื่อญี่ปุ่นเริ่มบุกยึดได้มลายู สิงคโปร์ ได้ต้อนเชลยศึกฝรั่งจำนวนมากเดินทางผ่านประเทศไทยเพื่อสร้างทางรถไฟไปพม่า อินเดีย เชลยศึกที่เป็นฝรั่งน่าสงสารมากหมดหวังอ่อนเพลียและหิวโหย เมื่อเดินทางผ่านประเทศไทยคนไทยก็หยิบยื่นของกินที่พอมีอยู่ให้กับเหล่าเชลยได้กินพอประทังชีวิต ต่อมาเมื่อปลายปี พ.ศ.2488 ญี่ปุ่นยอมแพ้พวกฝรั่งก็ต้อนเชลยศึกชาวญี่ปุ่นเดินทางผ่านประเทศไทยลงทางไต้คนไทยก็หยิบยื่นแบ่งปันอาหารที่พอมีให้กับเชลยศึกชาวญี่ปุ่นทั้งฯที่ขณะนั้นอยู่ในช่วงที่ขาดแคลนทุกสิ่งทุกอย่างขนาดหนัก คนญี่ปุ่นมีระเบียบวินัยและรักชาติมากที่สุดในโลกมากกว่าชนชาติอื่นฯตามที่พวกเราชื่นชมกันก็จริงครับ แต่ผมยังเชื่อว่าคนที่มีน้ำใจมากที่สุดในโลกก็ยังเป็นคนไทยอยู่ดี(ไม่นับคนเชื้อสายอื่นที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย)ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีวินัยสักเท่าไร กฏระเบียบต่างฯก็ไม่ค่อยจะเคารพ ความขยันก็มีค่อนข้างน้อย แต่ความมีน้ำใจเป็นที่หนึ่งในโลกครับ ฮ่าฮ่าอย่างน้อยก็ยังมีดีบ้างหละ
เป็นเรื่องของการศึกษาครับ
ต้องอาศัยเวลา ปลูกฝัง บ่มเพาะ จึงได้ผลที่เป็นอย่างที่เห็น
เมื่อเทียบกับบ้าน ต่างกันเยอะ
1 เหตุการ ที่ทำให้ผมคิดถึงหนัง 1 เรื่อง
The Fukushima 50 กับ K-19
ผู้ที่มีความรู้เรื่องนิวเคลียร์ สุดท้ายต้องยอมตายเพื่อมาตุภูมิ
แผ่นดินแม่ ใครๆก็รัก
ชอบประโยคสุดท้ายของคุณ konissara ครับ
"งด วิจารณ์การเมืองครับ"
และไม่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้นะครับ ว่าเกี่ยวกับการเมืองตรงไหน ประโยคที่พิมพ์บางประโยคบ่งบอกอยู่แล้วนะครับ
ก็บอกแล้วไงครับ ผมไม่ได้ฝักใฝ่ยุ่น แค่เห็นว่า เรื่องนี้ควรเอาไว้พูดทีหลังได้ไหมครับ แค่ตั้งกระทู้เกี่ยวกับเรื่องจีน-ยุ่นไม่ได้นิดเดียวช่วงนี้ คงไม่ถึงกับตายหรอกมั้งครับ ตอนนี้ ช่องข่าวไทย ก็ไม่เห็นเสนอข่าวเรื่องจีนกับยุ่นพิพาทกันเลยนะ เห็นมีแต่ข่าวเขาช่วยยุ่นกัน
ผมคนไทยยังไงก็ยังฝักไฝ่ไทย ตายเพื่อไทยครับ
อย่างน้อยทุกคนก็คือเพื่อนร่วมโลก มีอะไรก็ต้องพึ่งพากันไป ^^
คุณkonissara ครับ ที่ว่ามักจะเห็นความคิดเห็นตำหนิคนไทย
ผมว่าที่ผมพูดไปนั้นเป็นส่วนน้อยนะครับ(ที่ฉวยโอกาสอะไรแบบนี้)
แต่คนไทยส่วนใหญ่ก็ยังใจดีเหมือนเดิม :D (ถึงแม้อะไรอะไรมันจะเปลี่ยนไปก็ตาม)
ภาพที่ออกมาให้เห็นมันเปรียบเทียบกันได้ ของเราแย่งกันซื้อน้ำมันปาล์ม แต่พอเห็นที่ญุ่ปุ่น นั้น ขนาดเจอวิกฤติแบบนี้ ประชาชนยังมีวินัยขนาดนี้ครับ
อยากลองให้เทียบดูระหว่างสองประเทศ ที่ประสบภัยธรรมชาติเหมือนกัน
อเมริกา
พายุแคนธารีน่า
ประชาชนก่อการจราจล ปล้นสะดม ฉวยโอกาส ขาดวินัย
ญี่ปุ่น
แผ่นดินไหว + ซีนามิ
ประชาชนเข้าแถวเพื่อรอซื้อสินค้า ไม่ตุนสินค้าเอาแค่พอใช้เหลือให้ผู้ที่เดือดร้อนเหมือนกัน ไม่ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า มีวินัย
ประเทศไทย เวลาประสบภัยทางธรรมชาติ แต่ละครั้งที่เห็นข่าว รู้กันอยู่ว่าเป็นอย่างไร
โคราชน้ำท่วมใหญ่ รุ่นน้องที่ทำงานเจอกับตัว เอาของจากบ้านมาไว้บนถนน แล้วกลับไปขนของอีกรอบ พอกลับมาของหายเกือบหมด ร้านค้าขึ้นราคาสินค้า
น้ำมันปาล์ม น้ำตาลขาดตลาดชาวบ้านต้องการใช้ ตุนซะนี่ นี่แหละคุณธรรม และจริยธรรมจากระบบการศึกษาในบ้านเรา
ขอต่ออีกนิด พูดเรื่องนี้แล้วคับข้องใจ
เราบอกเรารักบ้านเรา พร้อมจะเสียสละเพื่อแผ่นดินของเรา ยุให้รบกับเขมร เปรียบกำลังรบกับเพื่อนบ้าน
นอกเหนือจากหน้าที่การงานแล้ว เราต้องมีสิ่งที่เรียกว่า จิตสาธารณะ ด้วย
สมาชิกในบอร์ดนี้ที่อยู่ในกรุงเทพ
วันที่มีการทำความสะอาดที่ราชประสงค์ ใครไปบ้าง ขอให้ยกมือขึ้น
ผมคนนึงล่ะที่ไปมา เหนื่อยครับ ร้อนครับ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ เพื่อนใหม่ ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง รุ่นเดียวกัน ไม่สนใจเรื่องการเมือง หรือเทคโนโลยีทหารด้วยซ้ำไป
ขอเถอะคำว่า ไม่มีเวลา ทุกคนมีเวลาเท่ากัน วันละ 24 ช.ม. แต่คุณให้ความกับเรื่องอะไรมากกว่า
ผมยอมรับว่า ญี่ปุ่น เค้าเหนือกว่าเราในเรื่อง การศึกษา วินัย จิตสาธารณะ
แต่ข้อเสียคือ รักแต่พวกเดียวกัน จ้องแต่จะซัดกับเพื่อนบ้าน
เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา
จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่
เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู
ส่วนที่ชั่ว อย่างไปรู้ ของเขาเลย
จะหาคน มีดี โดยส่วนเดียว
อย่ามัวเที่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย
เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเปล่าเอย
ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริง
ท่านพุทธทาสภิกขุ
เขามีส่วน เลวบ้าง ช่างหัวเขา
จงเลือกเอา ส่วนที่ดี เขามีอยู่
เป็นประโยชน์ โลกบ้าง ยังน่าดู
ส่วนที่ชั่ว อย่างไปรู้ ของเขาเลย
จะหาคน มีดี โดยส่วนเดียว
อย่ามัวเที่ยว ค้นหา สหายเอ๋ย
เหมือนเที่ยวหา หนวดเต่า ตายเปล่าเอย
ฝึกให้เคย มองแต่ดี มีคุณจริง
ท่านพุทธทาสภิกขุ
^
ชอบมากครับธรรมมะบทนี้ ท่ามีLikeกดให้แล้วครับ