บ.ขับไล่ น้ำหนักวิ่งขึ้น แรงขับเครื่องยนต์ อัตราแรงขับต่อน้ำหนัก
SU-30 MKI 40,565 27,557/2 1.14
MIG-29 (9-13) 24,692 18,300/2 1.13
MIG-29 SMT 25,573 18,300/2 1.10
JAS 39 14,991 18,097/1 0.94
ดูเหมือน Jas 39 จะด้อยที่สุด
SU-30 เรดาห์เขาดีกว่า(มาก)ครับ แต่ Jas-39 ทดแทนในส่วนนี้ด้วย อีรี่อายครับ
ตามความเห็นของผมเอง จะวัดกันจริง ๆ ต้องวัดด้วยจรวด ใครยิงไกลกว่า เร็วกว่า รวมถึงกลยุทธที่วิเคราะห์จากเรดาห์ด้วยครับ พื้น น้ำ อากาศ
ขอบคุณครับ
เครื่องบินที่มีขนาดใหญ่และน้ำหนักเยอะกว่าก็ต้องการ แรงขับที่สูงกว่าสิครับ กริฟเพนของเราเครื่องเล็ก แต่แรงขับก็สมดุลกับตัวแล้วครับ ถ้า เอาซูมาติดแรงขับต่ำๆคุณคิดว่ามันจะวิ่งขึ้นเหรอครับ
ศึกษาหาข้อมูลมาให้เยอะกว่านี้จะได้รู้ว่า
ยาส39ไม่ด้อยกว่าเลยโดยเฉพาะmig29
พูดแต่ข้อเสียเปรียบ ข้อได้เปรียบไม่เห้นพูดเลย ถ้าเจอกันตัวต่อตัวแล้วละก็สู้กริฟเฟนไม่ได้หรอกครับ เพราะเราคล้องตัวกว่าเย้อะ แถมระบบเรด้าก็ดีกว่า ของเราเจอวูก่อนซูจะเจอเราด้วยซ้ำไปอะ
อยากรู้ว่าดีจริงไม่จริงต้องมา Dog fight ด้วยปืนกลอากาศสิครับ ถึงจะรู้ว่าของใครเจ๋งกว่า ไม่ว่าจะนักบิน หรือ เครื่องบิน อิอิ
ถ้าเอาประสิทธิภาพ ผมหมายถึงตัวเครื่องบินนะครับ JAS-39 ถือว่า ด้อยกว่า SU น่ะครับ
วัดกันแบบนั้ไม่ได้หรอกครับ อยู่ที่กลยุทธและวิธีการ มีของดี แต่ใช้ไม่คุ้นกับสิ่งที่มี มันก็เท่านั้นครับ
สรุป jas39 ดีกว่า อย่าไปดู ที่แรงขับ เลยครับ ถ้าจะวัดกันที่แรงขับ เราก็แค่เอา jas39 ไปติดjetเพิ่มซักลำละ 4 เครื่อง - -
อันนี้พวกเราคงจะตัดสินกันไม่ได้หรอกครับ ทางกองทัพเขาเลิอกมา ก็ต้องมีดีบ้างเเหละ
ถ้าให้ตัวผมจัดอันดับนะ จากระยะไกลหัวต่อหัวไม่มีตัวช่วย
SU-30 MKI
JAS-39 Gripen
Mig-29 SMT
Mig-29
เจ๋งไม่เจ๋งไม่ได้อยู่ที่เเรงขับมันอยู่ที่เรดาห์กลยุทธความชำนานของนักบินเเละอาวุธที่ติดอยู่บนเครื่อง
ตามความคิดของผมนะครับ ทั้งSu-30 และ Jas-39 ออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องบินครองความได้เปรียบทางอากาศกับเครื่องบินสกัดกั้นทางอากาศ ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าออกแบบมาให้มีความสามารถมาสู้กันได้อย่างสูสี ถ้าหากเปรียบเทียบจากสมรรถนะแล้วเครื่องบินครองความได้เปรียบทางอากาศส่วนมากต้องมีสมรรถสูงเช่นแรงขับและน้ำหนักบรรทุก เพื่อทำหน้าที่ครองอากาศ ส่วนเครื่องบินสกัดกั้นทางอากาศก็ต้องออกแบบให้ คล่องตัว ไต่ระดับได้เร็ว บินขึ้นลง-ส่งและส่งกำลังบำรุงได้รวดเร็ว ทำให้มีขนาดเล็ก แรงขับน้อยกว่า บรรทุกได้น้อยกว่า แต่บินขึ้นลงได้รวดเร็วโหลดอาวุธได้ง่ายกว่า สรุปก็คือสมรรถนะของเครื่องอยู่ที่หน้าที่ที่มันทำ ซึ่งหน้าที่ของSu-30 และ Jas-39 มันออกแบบมาเพื่อสู้กันอยู่แล้วครับ
เรากำลังพูดถึงสมรรถนะ ของเครื่องบินล้วนๆนะครับ ถามว่าผมชอบjas 39 มั้ยก็ตอบว่าชอบมากๆเรยครับ แต่ผมมองแล้วยังงัยก็สู้SUไม่ได้นะ ขึ้นมา1-1 ไม่มีตัวช่วยSUเห็นก่อน ก็ยิงหมัดยาวไส่เราก่อน เครื่องSUก้แรงท่อคู่ด้วย พอมีประเดนนี้ขึ้นมา บ้างก้ว่าเรามี อีรีอาย บ้างก็นักบินเราเก่ง บ้างก้ว่ากลยุทธ คืออันนั้นก้ไช่ เหมือนกับ ซีวิค กะ เฟอร์รารี่ อะมาแดรกแข่งกัน ยังงัยๆเฟอร์รารี่ ก็สมรรถนะดีก่าอยู่ดีอะ ต่อไห้ชุมัคเกอร์มาขับ ซีวิค ผมว่าก็สุ้คนธรรมดา ขับเฟอร์รารี่ไม่ได้หรอก คือต้องเข้าจัยนะว่าเรากำลังพูดถึงตัวเครื่องบินล้วนๆน่ะ แต่ถามว่าเราซื้อJAS มาเหมาะสมมั้ย ผมว่าเหมาะสมดีครับ ผมไม่ได้มีอคติอะไรจริงๆนะ
เดี๋ยวนี้เค้ารบกันด้วยระบบ Network กันแล้ว
ไม่มีใครเค้าดวลกันตัวต่อตัวแล้ว มันการันตีผลแพ้ชนะไม่ได้
ต่อให้เป็น MiG-21 ก็เหอะ ถ้ามัน BVR ได้ก็น่ากลัวทั้งนั้น
เปรียบเทียบสมรรถนะกัน เป็นแค่ทฤษฏี
รบกันจริง มันขื้นอยู่กับยุทธวิธีเป็นหลัก นักบินรบถึงต้องบินฝึกกันทุกวันไงครับ
ผมว่าเอาเครื่องยนต์วางให้แจส 39อีกสักเครื่องทุกอย่างน่าจะจบ และสู้ได้ทุกรูปแบบ ทางสวีเดนคงต้องไปปรับรุ่นใหม่ ให้ตรงความตัองการของ
ระบบต่างนะครับ ให้มันแรงพอกันครับ
ขอบคุณครับ
จะคล้ายยูโรไฟร์เตอร์ประมาณนั้นเหมือนเลยครับ
อย่าลืมกฏการปะทะด้วยนะครับ
เห็นก่อน ก็ต้องพิสูจน์ให้ได้ด้วยว่า เป็นมิตรหรือศัตรู ใช่เป้าหมายที่เราต้องการทำลายหรือเปล่า
โอกาสหมากัดกันยังมีอยู่ ไม่ใช่โบราณยกเลิกไปเลย
ล่าสุดตอนสงครามอ่าว เอฟสิบห้าเมกันยังต้องเข้าไปพิสูจน์ทราบเป้าหมายมิหยี่สิบเก้าอิรัคด้วยสายตานักบินอยู่เลยครับ ยกเว้นว่าเอแวคมันพิสูจน์ทราบให้เสร็จแล้วสั่งให้ยิงลูกเดียว (จริงๆ อาจจะหลายลูกก็ได้) แล้วหันหัวกลับเลย สอยพวกเดียวกันหรือไม่นักบินเครื่องเอฟไม่ต้องไปสนใจอยู่แล้วครับ เอแวครับไปเต็มๆ หากมีการผิดพลาด สอยพวกเดียวกัน อย่างกรณีเอฟสิบห้าเมกันสอยแบล็คฮอร์คพวกเดียวกันก็มีมาแล้ว
เฟรนลี่ไฟร์เกิดขึ้นบ่อยครั้งทั้งสงครามบนบกและในอากาศ ด้วยว่าต่อให้มีระบบไอเอฟเอฟที่ดีเพียงไร การพิสูจน์เป้าหมายที่ดีที่สุดคือตาของนักบินหรือไม่ก็พวดยูเอวีต่างๆ นี่แหละครับ
เอาซูสามสิบหรือมิกญี่สิบเก้ามาดวลแบบคาวบอยดกันกับกริเป้น ถ้าไม่คำนึงถึงกฏการปะทะและการพิสูจน์ฝ่ายแล้ว ขึ้นอยู่กับใครเห็นใครก่อนและใครล๊อคเป้าได้ก่อน ระยะยิงของลูกยาวแต่ละฝ่ายคงไม่ต่างกันมาก สมมุติว่าต่างฝ่ายต่างกดปุ่มยิงพร้อมกันแล้วหันหัวกลับ ไม่แคล้วต้องเครื่องหักด้วยกันทั้งคู่มั้งครับ
ว่าแต่ชีวิตจริงมันจะเป็นอย่างนั้นหรือ ผมก็ไม่ทราบจริงๆ ครับว่า นักบินไฟเตอร์แต่ละประเทศมีขั้นตอนปฏิบัติอย่างไรจนถึงขั้นกดปุ่มยิงจรวดหรือปืน ตัดสินใจเองได้เลยหรือว่าทุกขั้นตอนถูกควบคุมโดยผู้บังคับบัญชาที่สถานภาคพื้นหรือในเอแวค...
ถ้าเปรียบ ซีวิค กะ เฟอร์รารี่
ผมขอเปรียบเทียบ พระนเรศวร กับ พม่า แล้วกัน
พระนเรศวรมีกำลังน้อยกว่า(สมรรถนะ) อาวุธน้อยกว่า(ระบบอาวุธแย่กว่า) ทำไมถึงชนะได้ ก็เพราะมีกลยุทธและฝีมือที่ดีไง
ทำไม อเมริกาแพ้สงครามเวียดนาม ทั้งที่อาวุธดีกว่า อะไร ๆ ก็ดีกว่า ก็เพราะว่าเวียดนามมีการปรับแผนกลยุทธมาเล่นแบบกองโจรไง
ดังนั้นถึงสู้กัน 1:1 เราต้องหากลยุทธที่จะไม่ให้เสียเปรียบเค้าได้
แล้วอีกอย่าง ถ้าเรามี SU-30 แล้วอีกฝ่ายก็มี SU-30 แล้วมาสู้กัน ใช้ว่าจะเสมอกันต่างคนต่างบินกับบ้าน ต่างคนต่างโดนสอยร่วง ซ่ะที่ไหน
แล้วโอกาสจะเจอกัน 1:1 ก็มีโอกาสน้อยด้วย เพราะเวลาบินจะเป็นเป็น คู่ กลยุทธก็จะสามารถยืดหยุ่นได้
ถ้าผมเป็นคนจ่ายตังค์........เพื่อให้ทหารไทยได้ใช้
นาทีนี้ผมเลือก JAS
ล้อฟรี กันเลยเชียว ถ้าตอนนั้นกองทัพเลือกน้อง ซู มาความเห้นก้คงจะเป้นอิกแบบนึงน่ะแหละ ซีวิคก็ซีวิค อูวท์...
เปรียบอะไรที่ ไม่น่าเปรียบกันได้ เพราะสิ่งที่เปรียบเทียบมาหลายปัจจัย ถ้าเปรียบเทียบแต่ละหัวข้อก็คงได้ เช่นระยะทำการบิน หรือระบบเรดาห์ ระบบอาวุธ อื่นๆ เปรียบเทียบซะ ห่างกันเกินไป ไม่เปรียบเทียบเป็น กระต่ายกับเต่า เลยละครับ
ผมก็มองเรื่องเนทเวอร์ค โดยเฉพาะถ้า DATA LINK สมบูรณ์ ทั้ง 3 มิติ
ไม่แน่ DTI-2 ก็จะทำงานก่อนที่ JAS-39 ได้บินขึ้นด้วยซ้ำ
โดยที่ SABB ก็ชี้เป้าให้ DTI-2 ทำงานไปก่อน ถ้า SU-30 เข้ามาและยัง ไม่ได้แปลงร่างปิดเรดาร์ เป็น สเตลส์ เสียก่อน
คิดเล่นๆ ครับ แสดงว่า ตอนนี้ DATALINK 3 DIMENSION ต้องสมบูรณ์จริงๆใช่ไหม อิอิ ล้อเล่น
รอดูการอัพเกรด ดาต้าลิงค์ กับ เรือ 2 ลำ ของกองทัพเรือด้วย....