พึ่งได้ดูสารคดี weapon race มาเขาบอกว่ารถถังที่ใช้ระบบ auto loading มันทำจะให้พื้นที่ภายในแคบขึ้นมาก ทางฝั่ง nato เลยยอมออกแบบเลือกให้ความสะดวกแก่กำลังพลในรถมากกว่า เพราะถ้าภายในรถถังแคบจะทำให้กำลังพลในรถถังมีความอ่อนเพลียได้ง่ายกว่าและประสิทธิภาพในการรบจะลดลงมากกว่าครับ นอกจากนี้การออกแบบช่วงล่างให้มีความนุ่มนวลก็ก็มีความสำคัญประสิทธิภาพต่อกำลังพลในรถด้วยครับ
สรุป
รถถังกลุ่มวอชอว์ - เน้นอำนาจการยิง เกราะ เรทการยิง
กลุ่ม nato -เน้น ความคล่องตัว ความเร็วในการรุก ระบบเครือข่าย
แต่ก็ยังเสียดายอยู่นะ....ดูแล้ว oplot มันแข็งแรงดี...ต่างคนต่างใจยังไงแล้วผมก็ยังชอบ oplot
แต่ผมชอบ เลโอพาร์ด ๒ เอ ๕ มากกว่า
จากประสบการณ์ของกองทัพที่เคยใช้ type-69 มา ทางกองทัพยังคงไว้ใจระบบ NATO มากกว่าครับ
ซึ่งสเปกที่ใกล้เคียงและเหมาะสมที่สุดตอนนี้คงไม้พ้น K1A1 ซึ่งตอนนี้ขึ้นอยู่ที่การบินไปเจรจากับเกาหลีใต้ของ ผบ.ทบ.ครับ
เชียร์ K1A1 ขาดใจครับ
เอแต่ผมว่า รถถังของทางรัสเซียน่าจะคล่องตัวกว่าน่ะครับ แล้วเกราะน่าจะบางกว่า(มาก)พวก NATO
เพราะที่เคยอ่านผ่านๆตา T-72ของรัสเซีย โดนปืนใหญ่ของแอแบร่มเข้า กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเลย ส่วนรถถังนาโต้รู้สึกจะถึก กว่ามากด้วยครับ
สรุปเกราะใครบางกว่ากันครับ บางคนบอกหนากว่าบางคนบอกบางกว่า แต่จ้างผม5ล้านพร้อมซื้อ RPG 29 ให้หน่อยสิ จอดทุกคัน
ในสงครามอ่าว ที่ T-72 แพ้ต่อ m1 เพราะ
1.เกราะอเมริกันไม่ได้หนา แต่เป็นเกราะแบบเซรามิกซึ่งทนกระสุนเจาะเกราะได้มากกว่าเกราะหนาๆเสียอีก(เทคโนโลยีนี้มีแค่รถถังอังกฤษและเอมริกัน)
2.เกราะ t-72 หนาก็จริง แต่เจอกระสุน sabot หัวยูเรเนี่ยมซึ่งทะลุทะลวงได้มากกว่ากระสุนธรรมดา(อเมริกันมีใช้อยู่เจ้าเดียวในโลก)
สรุปคือใครเทคโนโลยีสูงกว่าก็ชนะไปครับ อยากให้หยุดเข้าใจผิดๆเรื่องใครกระหนาเกราะบางกันได้แล้ว ตอนนี้ถึงมีเกราะหนาขนาดไหน ไอ้เจ้าพวก anti tank missile ก็เจาะเข้าได้หมดครับ อยากให้ไปสนใจเรื่องระบบป้องกันตัวเองแบบ active ซะมากกว่า ซึ่งถ้ามีตัวนี้ถึงจะไม่มีเกราะเลยตัวรถก็สามารถอยู่รอดได้ในระยะเวลาหนึ่ง
นอกจากนี้อยากให้มองถึงเรื่อง ระบบรายงานและวางแผนการรบแบบ realtime ด้วยครับ
ขืนมองแต่ของถูกเน้นปริมาณระวังจะเป็นแบบอิรักนะครับ
ระบบของรัสเซียเช่น shtoraที่เป็นpassive หรือ drozd ที่เป็นactive ก็ยังไม่เคยวัดกันตรงๆกับ จรวดtow หรือ 120 จากm-1
อย่าง ไรก็ตาม ปัจจุบันนี้ นิยามสำคัญที่สุดของรถถัง(หรือยุทธยานยนต์อื่นๆ หรือ เรือรบเองก็ตาม) คือ See first ,Shoot first,Hit first คือ เห็นก่อน ยิงก่อน โดนก่อนการเลือกoplotของทบ.ถือว่าในแง่มุมนี้ เหมาะสมอยู่
ที่ ที-72 อิรัก โดนเอ็ม-1 ยำซะแหลกคาทะเลทราย เพราะ ที-72ที่อิรักมีเป็นรุ่นดาวน์เกรด , ข่าวกรองของไอ้กันเป็นเลิศ(ทั้งยูเอวี ซึ่งสมัยนั้นยังเรียกRPV ดาวเทียม ระบบอี-8เจสตาร์)ทำให้เอ็ม-1วางกำลังได้ดีกว่า ได้เปรีบกว่า(see first/shoot first) , ระบบคอมพิวเตอร์คำนวณขีปนวิถีของเอ็ม-1เข้าขั้นเทพ(hit first)
กรณี ศึกษาที่สำคัญอีกกรณีคือ รถถังตระกูลที-72/80 ถูกทำลายมากมายในการรบกับกบฎเชเชน เพราะระบบออโต้รีโหลด ที่ใช้ระบบรีวอลเวอร์ หรือระบบแบบลูกโม่ ซึ่งลูกโม่อยู่ในห้องลูกเรือ ถ้าจรวดอย่างRPG-7 เจาะได้ สิ่งที่ทำลายรถถังไม่ใช่RPG-7 แต่คือกระสุนของรถถังเอง
oplot พัฒนาจาก ที-80 แต่ย้ายกระสุนไปอยู่ที่ป้อม(เห็นว่างั้น บางแหล่งก็บอกว่ายังอยู่ที่เดิม) ระบบออโต้รีโหลดใหม่น่าจะคล้ายกับต้นแบบแบล็คอีเกิ้งเอ้ยอีเกิ้ลของรัสกี้
เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน
อาปโลต-เอ็ม มีกล้องรอบตัว สามารถsee first ได้
อาปโลต-เอ็ม มีระบบออโต้โลด สามารถ shoot first ได้
อาปโลต-เอ็ม มีระบบคอมพิวเตอร์คำนวณขีปนวิถีแบบดิจิตอลรุ่นใหม่ hit first ได้
ส่วนข่าวลือที่ต้องหยุดแล้วยิงเพราะปืนมันถีบแรง อันนั้นคือของที-72
สรุป ไม่ได้เชียร์อาปโลต แต่ ก็ถือว่าเหมาะสมในหลายๆแง่ ขอวงเล็บไว้ว่า เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน
อยู่ที่การใช้งานครับ ซื้อ m1 k1 มา ได้ขุดออกจากหลมกันลิ้นห้อยแน่ภูมิภาคนี้ก็ มีแต่ไทยกับสิงคโปรเท่านั่นแหละ นาโต้ เยอะๆ
มันดีคนละแบบ นะครับ ของเราซื้อมา ไฮด์เกรดอยู่แล้ว อีก อย่างรถถังเพื่อนบ้านเรา แลกกัน นัดต่อนัดยังได้เลย
นมัสการครับ หลวงพี่ Icy มีข้อมูลหลายอย่างที่ผมตามหาและสงสัยอยู่พอดีขอบพระคุณมากครับ
ถ้าพูดถึง T80 มันก็มีปัญหาเฉพาะตัวของมัน ถ้าใครยังจำสงครามโคโซโวได้ T80 โดนยิงด้วย Hj7a/b/c รุ่นผลิตโดยปากี ทำลาย พลประจำรถมักจะเสียชีวิตทั้งหมด และหลายๆครั้งที่ป้อมปืน หลุดออกเลย
แต่คิดว่ายูเครนคงแก้ไขจุดนี้แล้ว
ประเด็นรถถังยุคเก่า กับยุคใหม่ นั้นแตกต่างกันหลายอย่าง รถถังยุคใหม่ มันต้องเจอก่อน ยิงก่อน ทำลายก่อน และทนต่อการยิงโต้ตอบได้
ดังนั้นในการพัฒนาด้านการทนต่อการถูกยิง นอกจากเกระ ที่เปลี่ยนจากเกราะเหล็ก เป็น composite armour
ถ้าเป็น Type99a1/a2 เป็น aluminium composite armour ตัวใหม่ ที่ออกแบบเพื่อทนต่อกระสุน KE 120mm โดยตรง (aluminium composite armour ตัวเก่าที่ใช้กับ type99 รุ่นแรก ตาม Thread เขาเคลมว่า ทนต่อปืน105 mm KE ถึง 7 นัดได้ จริงเท็จยังไงไม่ทราบ) ความพิเศษของ aluminium composite armour ที่ถ้าใครมีความรู้ด้าน mat ก็คงพอทราบว่ามันเหนียว และแข็งมาก แต่มีปัญหาที่ราคาแพง
ระบบป้องกันที่ 2 คือระบบ APS ถ้าเอาการพัฒนาระบบ APS ของ Type99เป็นหลัก ผมขอสรุปเป็น 3ช่วง
1.APS ยุคแรก ใช้แสงเลเซอรยิงทำลายระบบนำวิธีจรวด และระบบ laser sensor ที่รถถัง หรือฮ.ข้าศึก
2.APS ยุคที่2 ติดตั้งในTyp99a2 ทำหน้าที่เหมือนระบบแรกแต่เพิ่มความแรงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และยังมีผลทำลายดวงตาของทหารราบ และพลขับฮ. รถถังข้าศึก
3.APS ยุคที่3 เป็นระบบผสมระหว่างระบบเลเซอร์ เหมือนข้างต้น กับระบบHard kill เพื่อมีจรวดเข้ามา มันจะยิง ระบบกระสุนKE ขนาดเล็ก เพื่อพุ่งชนและทำลายจรวด ซึ่งคล้ายๆ กับหัวรบแบบ KKV (kinetic kill vehicle)ที่ใช้ในระบบ ABM แบบ Ground-Based Midcourse Missile Interception แต่มีขนาดเล็กกว่ามาก
สรุป ผมคิดว่าโปแลน คงพัฒนาเจ้านี้มาดีพอตัว เพราะยังไง รุ่นพี่ก็เคยผิดพลาดมาแล้ว คิดว่า วิศวกรมีประสบการณ์มากขึ้น และคงแก้ไขข้อผิดพลาดแล้ว มันอาจไม่ดีเยี่ยม แต่เทียบกับเพื่อนบ้านก็สมเหตสมผล ส่วนประสิทธิภาพ คงรอตอนออกรบจริงแล้วจะรู้เอง
อีกอย่างสารคดีของฝรั่งตะวันตก อย่าไปเชื่อมาก นึกถึงตอนดูสารคดี M1 ตอนออกมาใหม่ ว่าอยู่ยงคงกระพัน เห้อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
อีกเรื่อง รถถังตะวันตก แทบไม่เคยเจอ รถถังข้าศึกที่อยู่ยุคเดียวกัน ซึ่งผมคิดว่าต่อไปคงจะได้เห็น อยากรู้ มันจะหมู เหมือนในอิรัคไหม
แถมคลิปทดสอบการยิง HJ8(หลายคนอาจเคยดูแล้ว) ไม่รู้รุ่นไหน แต่เท่าที่เห็นน่าจะใช้HJ8 ยิงเข้าใส่ Type99ตัวแรก ผลเป็นไง ดูเอง
http://www.youtube.com/watch?v=r7ocOSiumg4
เท่าที่ทราบนะครับ ประเทศเยอรมัน เป็นประเทศที่เชี่ยวชาญทางด้านรถถังมากเลยนะครับในช่วงสงครามโลกครั้งที่2เยอรมันผลิตรถถังออกมาหลายแบบ
Oplot-M Driver Station, Commander Station and Gunner Station