KOSOVO WAR สงครามโคโซโว
เริ่มขึ้นในช่วงต้นปี 1998 เป็นสงครามระหว่าง สหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวีย FR Yugoslavia ภายใต้การนำของ สโลโบดาน มิโลเซวิค ผู้นำเชื้อสายเซิร์ปซึ่งหัวรุนแรง กับ กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติโคโซโว และกองกำลังชนกลุ่มน้อยติดอาวุธอาเบเนีย
สหพันธ์สาธารณรัฐยูโกสลาเวีย ประกอบไปด้วย ประกอบด้วย รัฐเซอร์เบีย รัฐโครเอเชีย รัฐสโลวีเนีย รัฐมาซิโดเนีย รัฐบอสเนียและรัฐเฮอร์เซโกวีนา เขตปกครองตนเอง Vojvodina และเขตปกครองตนเองโคโซโว
รัฐเซอร์เบียส่วนใหญ่มีเชื้อสายเป็นชาวเซิร์บเชื้อสายเดียวกับสลาฟ ที่เป็นคริสต์นิกายเดียวกับรัสเซีย ส่วนอาเบเนียส่วนใหญ่เป็นมุสลิม
ในเขตปกครองตนเองโคโซโว ซึ่งมีเชื้อสายมุสลิมชาวอาเบเนียอยู่มาก เมื่อระบบคอมมิวนิสต์ในรัสเซียล่มสลาย ในปี 1995 โครเอเชีย สโลวีเนีย มาซิโดเนีย และบอสเนียฯ สามารถแยกประเทศได้ทำให้สำเร็จ ทำให้กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในเขตปกครองตนเองโคโซโว ต้องการแยกประเทศเพื่อไปรวมกับแอลเบเนียบ้าง
ในปี 1989 มิโลเซวิค ประกาศเคอร์ฟิวในเขตการปกครองตนเองโคโซโว เนื่องมาจากการต่อต้านอย่างหนักทำให้มีชาวเชิร์ปเสียชีวิต 24 คน และมิโลเซวิคออกกฎเพื่อป้องกันชาวเชิร์ปที่อยู่ในโคโซโว จนกลายเป็นการฆ่าล้างชาวอาเบเนียและขับไล่ชาวอาเบเนีย อย่างโหดร้ายทารุณ
ในวันที่ 24 มีนาคม 1999 NATO เข้าร่วมในปฎิบัติการเพื่อมนุษยชาติ (-_-) เครื่องบินรบกว่า 1000 ลำ จากฐานปฎิบัติการในอิตาลี และจากเรือบรรทุกเครื่องบิน ถล่มด้วยโทมาฮอคและและการทิ้งระเบิดจากเครื่องบิน ใน 10 สัปดาห์นับจากที่เข้าร่วมสงคราม มีกว่า 38,000 ภารกิจทางทหาร
ชาวเชิร์ปภายใต้การนำของ มิโลเซวิค ได้ขยายการล้างเผ่าพันธ์มากขึ้นนับตั้งแต่ต้นสัปดาห์ของสงคราม มีชาวอาเบเนียกว่า 850,000 คนอพยพหนีตายไปยังเพื่อนบ้าน
ในเดือนพฤษภาคม นาโต้ได้โจมตีขบวนผู้อพยพชาวอาเบเนีย ซึ่งเชื่อว่าเป็นขบวนของกลุ่มทหารชาวเชิร์ป มีผู้เสียชีวิตกว่า 50 คน ไม่กี่วันต่อมา นาโต้ออกมาแสดงรับผิดชอบความผิดพลาด และกลุ่มชาวเชิร์ปออกมากล่าวหาว่านาโต้จงใจยิงใส่กลุ่มผู้อพยพ และในเดือนเดียวกัน นาโต้ทิ้งระเบิดผิดพลาดใส่ สถานฑูตจีนในกรุงเบลเกรด (=o=) แล้วอ้างว่าถูกโจมตีจากเชิร์ปมาจากจุดนั้น
ในวันที่ 5 พฤษภาคม NATO สูญเสีย เฮลิคอปเตอร์ AH-64 Apache ระหว่างพรหมแดนเซิร์ปและอาเบเนีย นักบินสองคนเสียชีวิต
และมีการสูญเสีย F-117A โดยถูกยิงตกโดยทหารชาวเชิร์ป และหลังจากนั้น F-16 ตกอีกใกล้เมือง Sabac (พวกเซิร์ป )
สูญเสีย 32 UAVs จากหลายๆชาติ โดยนำซากออกสื่อทางโทรทัศน์ และ F-117 ลำที่สอง เสียหายหนักแต่สามารถนำเครื่องกลับฐานได้
ความเสียหายฝ่ายชาวเชิร์ป
NATO อ้างจากรายงานว่า ทหารชาวเซิร์ปเสียชิวิต 462 นาย และ บาดเจ็บจำนวน 299 นาย โดยการโจมตีทางอากาศ
และอ้างว่าได้ทำลาย เครื่องบินรบจำนวนกว่า 50 ลำ โดยมี Mig-29s 6 ลำที่ถูกยิงตกขณะทำการรบ และส่วนที่เหลือในฐานจอดบังเกอร์
NATO รายงานว่ามีรถถัง 93 คัน (M-84 / T-55 ) แต่ยูโกสลาเวีย ยอมรับว่าโดยทำลายเพียง 13 คัน APCs 132 และปืนใหญ่ 52 กระบอก
ส่วนกองกำลังปลดปล่อยแห่งชาติ มีผู้เสียชีวิตกว่า 1000 คน
FR Yugoslavia
|
|
|
|
|
Kosovo Liberation Army
จริงๆแล้ว จัดว่าเป็นสงครามที่หนักและเป็นที่สนใจช่วงๆหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์เหมือนกัน นาโต้ก็ประมาท คู่ต่อสู้มากไป ภารกิจบางภารกิจก็ใช้เวลามากว่าแผนการปฎิบัติ เพราะว่า ยูโกสโวเนีย ของเขาก็แรงได้ไม่ใช่ย่อย
ดีเลยครับท่านสำหรับข้อมูลที่น่าสนใจ
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดี ๆ นะครับ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยรู้ ไม่เคยได้ยินสงครามนี้มาก่อนเลย ขอบคุณมาก ๆ เลยครับ
ผมนั่งอ่านในวิกินะครับ http://en.wikipedia.org/wiki/Lockheed_F-117_Nighthawk เลยขอเอามาแปลเล่าต่อแบบสรุปก็แล้วกันว่าทำไมมันไม่ล่องหนแล้วโดนสอย ( ผมไม่ขอการันตีข้อเท็จจริงนะครับเพราะมันคือ วิกิ-ถึงจะมี ref อยู่ในนั้นก็ตามที)
" หน่วยของผู้พัน Dani ตรวจพบ F-117 จากการใช้คลื่นเรดาห์ที่มีช่วงความยาวคลื่น"ยาวแบบไม่ปกติ" (ยังไงหว่า-ฟังแล้วเสียว)ทำให้ F-117 ปรากฏอยู่บนจอเรดาห์อยู่ระยะเวลาหนึ่ง(อันนี้ทางฝั่ง NATO เขาอ้างมานะครับ) แต่ทางผู้พัน Dani ได้ให้สัมภาษณ์ว่าตรวจพบได้เพราะเจ้า F-117 กำลังเปิดช่องเก็บอาวุธ ส่งผลให้สัญญาณที่สะท้อนกลับจอเรดาห์มันเข้มขึ้น แล้วพระเอกของเรื่อง SA3 ก็ถูกยิงออกไปจำนวนนึง หนึ่งในนั้นระเบิดใกล้กับ F-117 ทำให้สูญเสียการควบคุม(ใช้ชนวนแบบ proximity fuze-รบกวนถามผู้รู้มาต่อยอดครับว่ามันทำงานอย่างไร) นักบินเลยอีเจ๊คตัวออกมาก่อนที่จะถูกช่วยเหลือโดยทีม CSR ของ USMC. "