1.แกนนำกบฏลิเบีย “ย้ำ” ไม่เจรจา-ยืน “กัดดาฟี” ต้องออกเท่านั้น |
![]() |
|
|
||||
เอเอฟพี - แกนนำกบฏลิเบียออกตัววันนี้ (8) ปฏิเสธการเจรจาใดๆ กับ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี หลังจากอาสาสมัครคนกลางเดินทางไปถึงสภาแห่งชาติของฝ่ายกบฏ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ กัดดาฟี ออกไปจากลิเบีย โดยจะไม่ตามไล่ล่าตัวมาดำเนินคดี แม้ว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า มีการถกกันถึงประเด็นการให้สิทธิคุ้มครองกับ กัดดาฟี บุรุษผู้ปกครองลิเบียด้วยอำนาจเผด็จการมานานหลายสิบปีหรือไม่ แต่แกนนำสภาแห่งชาติฝ่ายต่อต้าน กล่าวกับเอเอฟพีว่า กลุ่มกบฏจะไม่ตามไล่ล่าเพื่อดำเนินคดีอาชญากรรมต่อ กัดดาฟี หากเขายอมลาออก และไปจากลิเบีย เมื่อถามถึงการเจรจากับตัวแทนของ กัดดา มุสตาฟา อับเดล ญาลีล อดีตรัฐมนตรียุติธรรม ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานสภาแห่งชาติของฝ่ายกบฏ ตอบว่า ผู้นำลิเบียคนนี้ไม่เคยส่งใครมาเจรจาด้วยตัวเอง แต่มีกลุ่มนักกฎหมายในกรุงตริโปลี อาสาเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย “กัดดาฟีไม่ได้ส่งใครมาเลย แต่มีคนเสนอตัวเป็นคนกลาง เพื่อยุติการหลั่งเลือดชโลมดิน และยับยั้งสิ่งที่ชาวเมืองมิสราตากำลังตกเป็นเป้าหมาย” จาลิล ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีผ่านทางโทรศัพท์ กลุ่มกบฏลิเบียหันมาจับอาวุธเข้าห้ำหั่น เพื่อโค่นล้มกัดดาฟี และสามารถได้ยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตะวันออก รวมทั้งแหล่งน้ำมันสำคัญ ทว่า การรุกคืบของฝ่ายต่อต้านต้องหยุดลง ณ เมืองราส ลานูฟ หลังจากถูกฝ่ายกองกำลังติดอาวุธของกัดดาฟีตีโต้กลับเมืองบิน จาวัด เมื่อวันอาทิตย์ (6) ทั้งนี้ พยานให้การว่า มีการโจมตีทางอากาศ 2 ครั้ง แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตาย ในเมืองราส ลานูฟ เมื่อวานนี้ (7) ด้านนักข่าวเอเอฟพีเอง ก็รายงานว่า มีกลุ่มกบฏปักหลักอยู่ในเมืองแห่งนี้จำนวนไม่มาก “กลุ่มคนที่เสนอตัวเป็นคนกลาง ได้แก่ ทนายนักเคลื่อนไหวจากกรุงตริโปลี” จาลิล กล่าวต่อไป โดยอ้างถึงรายงานว่ามีตัวแทนเข้าพบกับแกนนำกลุ่มกบฏ “เราก็ต้องการยุติการนองเลือด แต่กัดดาฟีต้องลาออก หลังจากนั้นเขาต้องไปจากลิเบีย และเราจะไม่ไล่ล่าเขาในฐานะอาชญากร” แกนนำกลุ่มกบฏลิเบียผู้นี้ กล่าว ก่อนหน้านี้ ตัวแทนกลุ่มกบฏเคยให้ข้อมูลกับเอเอฟพี ว่า มีการเข้าพบของตัวแทนกัดดาฟี แต่ยืนยันว่า ไม่มีการเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น “ผมคิดว่า มีความพยายามจากคนของกัดดาฟีที่จะเจรจากับสภาแห่งชาติชั่วคราวของเรา แต่เราปฏิเสธเรื่องนั้นไปแล้ว” มุสตาฟา เกเรียนี ฝ่ายประสานงานสื่อมวลชนในศูนย์บัญชาการของฝ่ายต่อต้าน ซึ่งตั้งอยู่ในศาลแห่งหนึ่งในเมืองเบนกาซี “เราจะไม่เจรจากับเขา เขารู้ว่าสนามบินในตริโปลีอยู่ตรงไหน ที่เขาต้องทำ คือ ออกไปจากลิเบีย และหยุดการนองเลือด” ตัวแทนฝ่ายกบฏอีกคนหนึ่งบอกกับเอเอฟพี โดยไม่ประสงค์ออกนามว่า คนกลางเดินทางไปถึงสภาแห่งชาติของกลุ่มกบฏ เมื่อวานนี้ แต่จะไม่มีการ “เจรจา” อะไรจนกว่า กัดดาฟีจะออกไปจากลิเบีย เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สภาแห่งชาติจากการอ้างของฝ่ายกบฏ ได้ประกาศว่าสภาแห่งนี้เป็นตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวของลิเบียทั้งประเทศ |
||||
|
||||
|
||||
|
T_T ขอโทษครับข่าวเก่านี่หน่า เอาใหม่ครับ
1.กบฎยืนกราน “กัดดาฟี” ต้องไปสถานเดียว-ลูกชายผู้นำตอกกลับ “น่าขำ” |
![]() |
|
ข่าวจาก http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000045689
2.รถถังเพียบ! ทหารเขมรซ้อมรบ จ.พระวิหาร
สื่อเขมรเผย ผบ.สส. เขมร พร้อมนายทหารระดับสูงหลายราย ซ้อมยิงปืนใหญ่ประจำยานเกราะ และลำเลียงพลที่ฐานตะแบงเมียนเจย จ.พระวิหาร
หนังสือพิมพ์เกาะสันติภาพของกัมพูชา รายงานว่า กองยานเกราะเขมรประจำสมรภูมิแนวหน้าทิศที่ 1 ปราสาทพระวิหาร เมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา ทำการซ้อมยิงปืนใหญ่ติดรถยานเกราะ 1 และรถลำเลียงพล 2 โดยมีประธานในพิธี คือ พล.อ.ปล ซาเรือน 3 ผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกัมพูชา (ผบ.สส.) โดยมีนายทหารเข้าร่วมได้แก่ พล.อ.กุน กีม รองผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกัมพูชา และเป็นรองประธานสมรภูมิพรมแดนเขมร-สยาม พล.อ.เจีย ดารา 5 รองผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกัมพูชา และเป็นคณะผู้บัญชาการหน่วยสมรภูมิแนวหน้าภูมิภาคที่ 4 พล.อ. ฮีง บุนเฮียง รองผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกัมพูชา เป็นผู้บัญชาการฐานบัญชาการกององครักษ์ 7 และเป็นรองประธานคณะบัญชาการสมรภูมิภูมิภาคที่ 4
นอกจากนี้ ยังมีนายทหารระดับสูง พร้อมทั้งพลทหารเป็นจำนวนมาก ที่ประจำการสมรภูมิแนวหน้า และมีการเข้าร่วมจากเจ้าหน้าที่เขตแดนเขตพระวิหารอีกด้วย การซ้อมยิงนี้ดำเนินการ ที่สถานที่ยิงกระสุนจริงซึ่งอยู่ที่บริเวณ ในที่ตั้งเชิงเขาตแบงเมียนเจ็บ 8 อยู่ในหมู่บ้านดาน 9 ตำบลทเม็ย10 อำเภอกูแลน 11 อยู่ห่างจากปราสาทพระวิหาร ประมาณ100 ก.ม.ในการซ้อมยิงกระสุนจริงบนรถยานเกราะ นั้น มียานเกราะเข้าร่วม 4 คัน และรถลำเลียงพลอีก28คัน
พล.อ.ฮีง บุนเฮียง เป็นผู้เตรียมการและเป็นผู้นำในการซ้อมยิงครั้งนี้ ได้อธิบายว่า การซ้อมยิงครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกแต่เป็นการซ้อมยิงตามระยะ เราจะทบทวนอีก และทำการฝึกซ้อม หรืออาจเรียกว่า ทดสอบปืนใหญ่สำหรับอาวุธที่ติดตั้งบนยานเกราะ ที่จำเป็นต้องมีการเตรียมพร้อมในที่ตั้งและยิงได้แม่นยำ พร้อมรับอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้
พล.อ.ปล ซาเรือน ได้กล่าวชื่นชม นายทหารและพลที่ทหารทั้งหมดที่ได้ร่วมฝึกยิงและประสบผลสำเร็จ นอกจากนี้ยังได้กล่าวอีกว่า การยิงปืนประจำยานเกราะ และรถลำเลียงพลในครั้งนี้ ก็เป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งที่เราได้อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวนำไปเผยแพร่ เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางทหารของกัมพูชาในปัจจุบัน ที่มีความสามารถในการป้องกันดินแดนจากการรุกรานของศัตรู
3.ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ถล่มรายได้ลบสถิติไทย-เทศ
4.ญี่ปุ่นทบทวนยกระดับโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ เป็นระดับ 7
5.ครม. เตรียมต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 3 จังหวัดชายแดนใต้
ครม. เตรียมต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 3 จชต. (ไอเอ็นเอ็น)
นายกรัฐมนตรี เตรียมนั่งหัวโต๊ะประชุม ครม. โดย สมช. จะเสนอต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนเริ่มการประชุมคณะรัฐมนตรี ล่าสุด รัฐมนตรีต่างทยอยเดินทางเตรียมเข้ารวมประชุมกันบ้างแล้ว โดยในวันนี้มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุม ซึ่งมีวาระสำคัญที่ต้องติดตาม คือ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เตรียมเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้พิจารณาต่ออายุการประกาศใช้ พระราชกำหนดการบริหารราชการฉุกเฉิน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จะหมดอายุ ในวันที่ 29 เม.ย. นี้ เพิ่มอีก 3 เดือน โดยยกเว้น อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ทั้งนี้สาเหตุของการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ยังจำเป็นที่ต้องประกาศต่อไปอีก เพื่อดูแลความสงบในพื้นที่
ขณะเดียวกัน ภารกิจของนายกรัฐมนตรี ในช่วงบ่ายของวันนี้ นายวันนะ หม่อง ลวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า จะเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย
6.บึ้มรถไฟฟ้าใต้ดินเบลารุสตาย 11 เจ็บ 126
บึ้มรถไฟฟ้าใต้ดินเบลารุสตาย11เจ็บ126 (ไอเอ็นเอ็น)
เกิดเหตุระเบิดสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในเมืองหลวงของ เบลารุส ใกล้สำนักงานของประธานาธิบดีเบลารุส ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตล่าสุด 11 รายและบาดเจ็บราว126 ราย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดขึ้น ในสถานีรถไฟใต้ดินกรุงมินส์ค เมืองหลวงของประเทศ เบลารุส ซึ่งใกล้กับสำนักงานของประธานาธิบดี และบ้านพักของ นาย อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก้ ผู้นำของประเทศ
โดย สำนักข่าวต่างประเทศรายงานล่าสุดว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 รายและบาดเจ็บมากราว 126 คน ซึ่งผู้บาดเจ็บได้ถูกนำตัวออกจากสถานี และส่งโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งในตอนนี้ มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้สั่งระงับการจราจรใต้ดินทั่วเมืองเป็นการชั่วคราวตามหลังเหตุระเบิดซึ่งไม่เคยเกิดมาก่อนในเมืองนี้
ข่าวจาก http://hilight.kapook.com/view/57900
หมดแล้วครับแสดงความคิดเห็นกันแต่พองามนะครับ และท่านใดมีข่าวจะอัปเดท ก็โพสกันได้นะครับ^_^
ทางการญี่ปุ่นปรับการเตือนภัยนิวเคลียร์ โรงไฟฟ้าฟูกุชิม่า ขึ้นสู่ระดับ 7 แล้ว โดยมีความรุนแรงในระดับเดียวกับกรณีโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล
โดยที่ปริมาณรังสีรวมคือ 10% ของโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล หรือคิดเป็น 10,000 terabecquerels แต่ถ้ายังไม่หยุดอาจเเซงได้
โดยที่โรงไฟฟ้าโรงที่ 2 ปล่อยสารกัมมันตภาพรังสี สูงสุด เกินครึ่ง
ต้องแบบนี้สิครับ กระทู้ดีมีสาระ เอาไปเลย10กะโหลก
^
^
^
ไม่คนอวดผีนะพี่