หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


สรุปข่าวสำคัญในรอบสัปดาห์

โดยคุณ : tan02 เมื่อวันที่ : 12/04/2011 20:19:56

1.แกนนำกบฏลิเบีย “ย้ำ” ไม่เจรจา-ยืน “กัดดาฟี” ต้องออกเท่านั้น
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 มีนาคม 2554 18:51 น.
มุสตาฟา อับเดล ญาลีล อดีตรัฐมนตรียุติธรรมลิเบีย ซึ่งปัจจุบันนั่งเก้าอี้ประธานสภาแห่งชาติฝ่ายกบฎ
       

       เอเอฟพี - แกนนำกบฏลิเบียออกตัววันนี้ (8) ปฏิเสธการเจรจาใดๆ กับ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี หลังจากอาสาสมัครคนกลางเดินทางไปถึงสภาแห่งชาติของฝ่ายกบฏ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ กัดดาฟี ออกไปจากลิเบีย โดยจะไม่ตามไล่ล่าตัวมาดำเนินคดี
       
       แม้ว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า มีการถกกันถึงประเด็นการให้สิทธิคุ้มครองกับ กัดดาฟี บุรุษผู้ปกครองลิเบียด้วยอำนาจเผด็จการมานานหลายสิบปีหรือไม่ แต่แกนนำสภาแห่งชาติฝ่ายต่อต้าน กล่าวกับเอเอฟพีว่า กลุ่มกบฏจะไม่ตามไล่ล่าเพื่อดำเนินคดีอาชญากรรมต่อ กัดดาฟี หากเขายอมลาออก และไปจากลิเบีย
       
       เมื่อถามถึงการเจรจากับตัวแทนของ กัดดา มุสตาฟา อับเดล ญาลีล อดีตรัฐมนตรียุติธรรม ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานสภาแห่งชาติของฝ่ายกบฏ ตอบว่า ผู้นำลิเบียคนนี้ไม่เคยส่งใครมาเจรจาด้วยตัวเอง แต่มีกลุ่มนักกฎหมายในกรุงตริโปลี อาสาเป็นคนกลางไกล่เกลี่ย
       
       “กัดดาฟีไม่ได้ส่งใครมาเลย แต่มีคนเสนอตัวเป็นคนกลาง เพื่อยุติการหลั่งเลือดชโลมดิน และยับยั้งสิ่งที่ชาวเมืองมิสราตากำลังตกเป็นเป้าหมาย” จาลิล ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพีผ่านทางโทรศัพท์
       
       กลุ่มกบฏลิเบียหันมาจับอาวุธเข้าห้ำหั่น เพื่อโค่นล้มกัดดาฟี และสามารถได้ยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตะวันออก รวมทั้งแหล่งน้ำมันสำคัญ ทว่า การรุกคืบของฝ่ายต่อต้านต้องหยุดลง ณ เมืองราส ลานูฟ หลังจากถูกฝ่ายกองกำลังติดอาวุธของกัดดาฟีตีโต้กลับเมืองบิน จาวัด เมื่อวันอาทิตย์ (6)
       
       ทั้งนี้ พยานให้การว่า มีการโจมตีทางอากาศ 2 ครั้ง แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บล้มตาย ในเมืองราส ลานูฟ เมื่อวานนี้ (7) ด้านนักข่าวเอเอฟพีเอง ก็รายงานว่า มีกลุ่มกบฏปักหลักอยู่ในเมืองแห่งนี้จำนวนไม่มาก
       
       “กลุ่มคนที่เสนอตัวเป็นคนกลาง ได้แก่ ทนายนักเคลื่อนไหวจากกรุงตริโปลี” จาลิล กล่าวต่อไป โดยอ้างถึงรายงานว่ามีตัวแทนเข้าพบกับแกนนำกลุ่มกบฏ
       
       “เราก็ต้องการยุติการนองเลือด แต่กัดดาฟีต้องลาออก หลังจากนั้นเขาต้องไปจากลิเบีย และเราจะไม่ไล่ล่าเขาในฐานะอาชญากร” แกนนำกลุ่มกบฏลิเบียผู้นี้ กล่าว
       
       ก่อนหน้านี้ ตัวแทนกลุ่มกบฏเคยให้ข้อมูลกับเอเอฟพี ว่า มีการเข้าพบของตัวแทนกัดดาฟี แต่ยืนยันว่า ไม่มีการเจรจาใดๆ ทั้งสิ้น
       
       “ผมคิดว่า มีความพยายามจากคนของกัดดาฟีที่จะเจรจากับสภาแห่งชาติชั่วคราวของเรา แต่เราปฏิเสธเรื่องนั้นไปแล้ว” มุสตาฟา เกเรียนี ฝ่ายประสานงานสื่อมวลชนในศูนย์บัญชาการของฝ่ายต่อต้าน ซึ่งตั้งอยู่ในศาลแห่งหนึ่งในเมืองเบนกาซี
       
       “เราจะไม่เจรจากับเขา เขารู้ว่าสนามบินในตริโปลีอยู่ตรงไหน ที่เขาต้องทำ คือ ออกไปจากลิเบีย และหยุดการนองเลือด”
       
       ตัวแทนฝ่ายกบฏอีกคนหนึ่งบอกกับเอเอฟพี โดยไม่ประสงค์ออกนามว่า คนกลางเดินทางไปถึงสภาแห่งชาติของกลุ่มกบฏ เมื่อวานนี้ แต่จะไม่มีการ “เจรจา” อะไรจนกว่า กัดดาฟีจะออกไปจากลิเบีย
       
       เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สภาแห่งชาติจากการอ้างของฝ่ายกบฏ ได้ประกาศว่าสภาแห่งนี้เป็นตัวแทนเพียงหนึ่งเดียวของลิเบียทั้งประเทศ

เครื่องบินรบของกัดดาฟีทิ้งระเบิดลงไม่ห่างจากกลุ่มกบฏ ในพื้นที่รอบนอกเมืองราส ลานูฟ วันนี้ (8)
       

นักรบฝ่ายต่อต้านถือธงชาติลิเบีย (ของฝ่ายกบฏ) เดินลาดตระเวนในเมืองเบรกา
       

ผู้อพยพออกจากลิเบียเข้าแถวรอรับอาหารเย็นในค่ายผู้ลี้ภัยแห่งหนึ่งใกล้กับพรมแดนตูนิเซีย

ข่าวจาก http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000030216





ความคิดเห็นที่ 1


T_T ขอโทษครับข่าวเก่านี่หน่า เอาใหม่ครับ

1.กบฎยืนกราน “กัดดาฟี” ต้องไปสถานเดียว-ลูกชายผู้นำตอกกลับ “น่าขำ”
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 เมษายน 2554 10:59 น.
ซาอิฟ อัล-อิสลาม บุตรชายของกัดดาฟี ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศร์ บีเอฟเอ็ม ทีวี ของฝรั่งเศส โดยระบุว่าข้อเรียกร้องของฝ่ายกบฎที่ให้บิดาลาออกสถานเดียวนั้นเป็นเรื่อง "น่าขำ"
       เอเอฟพี - กลุ่มกบฎลิเบียยืนกรานปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิงของสหภาพแอฟริกา(เอยู)ที่พันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี ยอมรับ พร้อมระบุว่า กัดดาฟี ต้องลงจากอำนาจสถานเดียว ด้านลูกชายผู้นำลิเบียก็ตอกกลับทันควันว่าเป็นเรื่อง “น่าขำ”
       
       คำปฎิเสธจากกลุ่มกบฎมีขึ้นพร้อมๆกับที่ นาโต ออกมาเตือนว่า สัญญาใดๆก็ตามจะต้อง “เชื่อถือได้และตรวจสอบได้” ขณะที่เครื่องบินรบนาโตก็ยังคงปฏิบัติการต่อต้านอาวุธหนักของทหารกัดดาฟีในเมืองอัจดาบิยาและมิสราตาอย่างต่อเนื่อง
       
       ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ก็ยืนยันข้อเรียกร้องจากประธานาธิบดี บารัค โอบามา ที่ให้กัดดาฟีสละตำแหน่งผู้นำลิเบีย และเดินทางออกนอกประเทศเพื่อให้เกิดสันติภาพขึ้น แต่ยังไม่ขอออกความเห็นเรื่องข้อตกลงหยุดยิงที่สหภาพแอฟริกาเสนอ จนกว่าจะได้รับรายงานโดยละเอียด
       
       ด้าน ซาอิฟ อัล-อิสลาม บุตรชายของ กัดดาฟี ยอมรับว่า ถึงเวลาที่ “คลื่นลูกใหม่” ต้องเข้ามาดูแลกิจการในลิเบียแล้ว แต่ยังแนวคิดที่จะให้บิดาของเขาสละอำนาจนั้นเป็นเรื่อง “น่าขำสิ้นดี”
       
       “ผู้นำทางแห่งลิเบีย(กัดดาฟี)ไม่ได้ต้องการควบคุมทุกอย่าง ท่านอายุมากแล้ว และเราก็อยากให้คนรุ่นใหม่ๆก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำ เพื่อดูแลกิจการภายในประเทศ” ซาอิฟ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ บีเอฟเอ็ม ทีวี ของฝรั่งเศส
       
       “เราต้องมีคลื่นลูกใหม่ นั่นคือสิ่งจำเป็นในอนาคต แต่การบอกให้ท่านผู้นำทางลงจากตำแหน่งนั้น ช่างน่าขำสิ้นดี”
       
       ด้าน มุสตาฟา อับเดลญาลีล หัวหน้าฝ่ายกบฎที่เมืองเบงกาซี กล่าวว่า เงื่อนไขที่สหภาพแอฟริกาเสนอมานั้นยังไม่เพียงพอ
       
       “ตั้งแต่วันแรก สิ่งที่พวกเราเรียกร้องก็คือให้ กัดดาฟี พ้นจากตำแหน่ง และโค่นล้มระบอบการปกครองทั้งหมดของเขา” เขากล่าว
       
       “กัดดาฟีและลูกชายต้องจากไปทันทีหากยังรักตัวกลัวตาย ส่วนข้อตกลงใดๆที่ไม่เป็นไปตามคำเรียกร้องของประชาชน, คำเรียกร้องที่ทุกคนปรารถนา, คำเรียกร้องที่สำคัญยิ่ง เราก็ไม่สามารถยอมรับได้”
       
       ด้าน ชัมซุดดิน อับดุลโมลาห์ โฆษกสภาแห่งชาติของกลุ่มกบฎยังไม่เชื่อว่า กัดดาฟี จะยอมปฏิบัติตามข้อตกลงสันติภาพของสหภาพแอฟริกาจริง
       
       “ก่อนหน้านี้ก็เคยมีข้อตกลงหยุดยิงมาแล้ว แต่อีก 15 นาทีให้หลัง กัดดาฟี ก็สั่งให้ทหารยิงประชาชนต่อ” เขากล่าว
       
       แอนเดอร์ส ฟ็อก ราสมุสเซ็น ผู้บัญชาการนาโต ยืนยันว่าจะส่งเครื่องบินรบเข้าไปโจมตีฐานที่มั่นของทหารลิเบียต่อไป ตราบใดที่พลเรือนยังตกอยู่ในอันตราย ส่วนรัฐบาลลิเบียก็ขู่ว่า การส่งความช่วยเหลือใดๆเข้าไปในเมืองมิสราตาจะถูกตอบโต้ด้วยอาวุธอย่างรุนแรงเช่นกัน
       
       ด้าน มุสซา คุสซา อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศลิเบียที่ลี้ภัยไปอังกฤษ ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีวานนี้(11)ว่า ท้ายที่สุดลิเบียอาจเกิดสงครามกลางเมืองไม่ต่างจากโซมาเลีย

       

 

ข่าวจาก http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9540000045689

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 12/04/2011 00:50:21


ความคิดเห็นที่ 2


2.รถถังเพียบ! ทหารเขมรซ้อมรบ จ.พระวิหาร

สื่อเขมรเผย ผบ.สส. เขมร พร้อมนายทหารระดับสูงหลายราย ซ้อมยิงปืนใหญ่ประจำยานเกราะ และลำเลียงพลที่ฐานตะแบงเมียนเจย จ.พระวิหาร

            หนังสือพิมพ์เกาะสันติภาพของกัมพูชา รายงานว่า กองยานเกราะเขมรประจำสมรภูมิแนวหน้าทิศที่ 1 ปราสาทพระวิหาร เมื่อช่วงเช้าวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา ทำการซ้อมยิงปืนใหญ่ติดรถยานเกราะ 1 และรถลำเลียงพล 2 โดยมีประธานในพิธี คือ พล.อ.ปล ซาเรือน 3 ผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกัมพูชา (ผบ.สส.) โดยมีนายทหารเข้าร่วมได้แก่ พล.อ.กุน กีม รองผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกัมพูชา และเป็นรองประธานสมรภูมิพรมแดนเขมร-สยาม พล.อ.เจีย ดารา 5 รองผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกัมพูชา และเป็นคณะผู้บัญชาการหน่วยสมรภูมิแนวหน้าภูมิภาคที่ 4 พล.อ. ฮีง บุนเฮียง รองผู้บัญชาการกองทัพแห่งชาติกัมพูชา เป็นผู้บัญชาการฐานบัญชาการกององครักษ์ 7 และเป็นรองประธานคณะบัญชาการสมรภูมิภูมิภาคที่ 4

            นอกจากนี้ ยังมีนายทหารระดับสูง พร้อมทั้งพลทหารเป็นจำนวนมาก ที่ประจำการสมรภูมิแนวหน้า และมีการเข้าร่วมจากเจ้าหน้าที่เขตแดนเขตพระวิหารอีกด้วย การซ้อมยิงนี้ดำเนินการ ที่สถานที่ยิงกระสุนจริงซึ่งอยู่ที่บริเวณ ในที่ตั้งเชิงเขาตแบงเมียนเจ็บ 8 อยู่ในหมู่บ้านดาน 9 ตำบลทเม็ย10 อำเภอกูแลน 11 อยู่ห่างจากปราสาทพระวิหาร ประมาณ100 ก.ม.ในการซ้อมยิงกระสุนจริงบนรถยานเกราะ นั้น มียานเกราะเข้าร่วม 4 คัน และรถลำเลียงพลอีก28คัน

            พล.อ.ฮีง บุนเฮียง เป็นผู้เตรียมการและเป็นผู้นำในการซ้อมยิงครั้งนี้ ได้อธิบายว่า การซ้อมยิงครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกแต่เป็นการซ้อมยิงตามระยะ เราจะทบทวนอีก และทำการฝึกซ้อม หรืออาจเรียกว่า ทดสอบปืนใหญ่สำหรับอาวุธที่ติดตั้งบนยานเกราะ ที่จำเป็นต้องมีการเตรียมพร้อมในที่ตั้งและยิงได้แม่นยำ พร้อมรับอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้

            พล.อ.ปล ซาเรือน ได้กล่าวชื่นชม นายทหารและพลที่ทหารทั้งหมดที่ได้ร่วมฝึกยิงและประสบผลสำเร็จ นอกจากนี้ยังได้กล่าวอีกว่า การยิงปืนประจำยานเกราะ และรถลำเลียงพลในครั้งนี้ ก็เป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งที่เราได้อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวนำไปเผยแพร่ เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพทางทหารของกัมพูชาในปัจจุบัน ที่มีความสามารถในการป้องกันดินแดนจากการรุกรานของศัตรู

ข่าวจาก http://hilight.kapook.com/view/57902

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 12/04/2011 00:52:45


ความคิดเห็นที่ 3


3.ตำนานสมเด็จพระนเรศวร ถล่มรายได้ลบสถิติไทย-เทศ

ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3

ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3

ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3

ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3

ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3




ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3 ถล่มรายได้ลบสถิติไทย-เทศ (พร้อมมิตร โปรดักชั่น)

          ภาพยนตร์เรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3 - ยุทธนาวี สร้างสถิติใหม่ในการทำรายได้สูงสุดทั่วประเทศในวันแรกที่เข้าฉาย 31 มีนาคม รวม 20.5 ล้านบาท ลบสถิติของภาพยนตร์ต่างประเทศที่มีรายได้สูงสุดจากวันแรกที่เข้าฉายในประเทศไทย เรื่อง "2012" ทำรายได้  20.1 ล้านบาท และภาพยนตร์ไทยคือ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 2 และภาค 1 ทำสถิติรายได้สูงสุด ไว้ที่  16.6 ล้านบาท และ 12.3 ล้านบาท ตามลำดับ

          สำหรับยอดรายได้ของ ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3 - ยุทธนาวี ในช่วง 4 วันแรกที่เข้าฉาย (31 มี.ค. - 3 เม.ย.) ทะลุกว่า 100 ล้านบาท จากทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ โดยเป็นส่วนของกรุงเทพฯ 79 ล้านบาท และต่างจังหวัดอีกกว่า 21 ล้านบาท และยังคงมีกระแสการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง  
 
ข่าวจาก http://movie.kapook.com/view25125.html
 

 

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 12/04/2011 01:04:05


ความคิดเห็นที่ 4


4.ญี่ปุ่นทบทวนยกระดับโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ เป็นระดับ 7




เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยโพสต์
 

           คณะกรรมาธิการความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ของรัฐบาลญี่ปุ่น กำลังทบทวนอาจยกระดับความรุนแรงของปัญหานิวเคลียร์ ที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ ขึ้นสู่ระดับ 7 เทียบเท่ากับ เหตุการณ์เชอร์โนบิล ในปี 1986

           คณะกรรมาธิการความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ของรัฐบาล คาดหมายว่า ระดับสารกัมมันตรังสีที่รั่วไหลจากเตาปฏิกรณ์ที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ฟุกุชิมะ ทางเหนือของญี่ปุ่น ณ เวลาหนึ่งได้แตะระดับสูงสุดกว่า 10,000 เทราเบคเคอเรลต่อชั่วโมง เป็นเวลาหลายชั่วโมง ซึ่งจัดอยู่ในเหตุการณ์ขั้นรุนแรงที่สุด ตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์

           โดยในรายงานข่าวระบุว่า จากการคำนวณดังกล่าว จุดชนวนให้ญี่ปุ่นพิจารณาปรับเพิ่มเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์สู่ระดับสูงสุด เทียบเท่าหายนะทางนิวเคลียร์ที่เชอร์โนบิล ทั้งตามมาตราระหว่างประเทศว่าด้วยเหตุการณ์ทางนิวเคลียร์เหตุการณ์ระดับ 7 นั้น คือสถานการณ์ที่มีการปล่อยสารกัมมันตรังสีไอโอดีน 131 มากกว่าหมื่นเทราเบคเคอเรลต่อชั่วโมง

           อย่างไรก็ตาม ทางโฆษกสำนักงานความปลอดภัยนิวเคลียร์และอุตสาหกรรมญี่ปุ่น ระบุในเวลาต่อมาว่า สถานการณ์ ที่โรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ ยังคงอยู่ในระดับ 5 และเขายังไม่ทราบถึงความเคลื่อนไหวของรัฐบาล ที่เตรียมยกระดับความรุนแรงครั้งนี้

ข่าวจาก http://hilight.kapook.com/view/57087
โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 12/04/2011 01:06:57


ความคิดเห็นที่ 5


5.ครม. เตรียมต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 3 จังหวัดชายแดนใต้




ครม. เตรียมต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 3 จชต.  (ไอเอ็นเอ็น) 

          นายกรัฐมนตรี เตรียมนั่งหัวโต๊ะประชุม ครม. โดย สมช. จะเสนอต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 


          บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล ก่อนเริ่มการประชุมคณะรัฐมนตรี ล่าสุด รัฐมนตรีต่างทยอยเดินทางเตรียมเข้ารวมประชุมกันบ้างแล้ว โดยในวันนี้มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุม ซึ่งมีวาระสำคัญที่ต้องติดตาม คือ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เตรียมเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ให้พิจารณาต่ออายุการประกาศใช้ พระราชกำหนดการบริหารราชการฉุกเฉิน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จะหมดอายุ ในวันที่ 29 เม.ย. นี้ เพิ่มอีก 3 เดือน โดยยกเว้น อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ทั้งนี้สาเหตุของการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็เนื่องจากเจ้าหน้าที่ ยังจำเป็นที่ต้องประกาศต่อไปอีก เพื่อดูแลความสงบในพื้นที่ 

          ขณะเดียวกัน ภารกิจของนายกรัฐมนตรี ในช่วงบ่ายของวันนี้ นายวันนะ หม่อง ลวิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า จะเข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย

ข่าวจาก http://hilight.kapook.com/view/57909

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 12/04/2011 01:10:12


ความคิดเห็นที่ 6


6.บึ้มรถไฟฟ้าใต้ดินเบลารุสตาย 11 เจ็บ 126















บึ้มรถไฟฟ้าใต้ดินเบลารุสตาย11เจ็บ126 (ไอเอ็นเอ็น) 

          เกิดเหตุระเบิดสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในเมืองหลวงของ เบลารุส ใกล้สำนักงานของประธานาธิบดีเบลารุส ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตล่าสุด 11 รายและบาดเจ็บราว126 ราย 

          สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุระเบิดขึ้น ในสถานีรถไฟใต้ดินกรุงมินส์ค เมืองหลวงของประเทศ เบลารุส ซึ่งใกล้กับสำนักงานของประธานาธิบดี และบ้านพักของ นาย อเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโก้ ผู้นำของประเทศ 

          โดย สำนักข่าวต่างประเทศรายงานล่าสุดว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 รายและบาดเจ็บมากราว 126 คน ซึ่งผู้บาดเจ็บได้ถูกนำตัวออกจากสถานี และส่งโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งในตอนนี้ มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ได้สั่งระงับการจราจรใต้ดินทั่วเมืองเป็นการชั่วคราวตามหลังเหตุระเบิดซึ่งไม่เคยเกิดมาก่อนในเมืองนี้

ข่าวจาก http://hilight.kapook.com/view/57900

หมดแล้วครับแสดงความคิดเห็นกันแต่พองามนะครับ และท่านใดมีข่าวจะอัปเดท ก็โพสกันได้นะครับ^_^

โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 12/04/2011 01:18:15


ความคิดเห็นที่ 7


ทางการญี่ปุ่นปรับการเตือนภัยนิวเคลียร์ โรงไฟฟ้าฟูกุชิม่า ขึ้นสู่ระดับ 7 แล้ว  โดยมีความรุนแรงในระดับเดียวกับกรณีโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล

โดยที่ปริมาณรังสีรวมคือ 10% ของโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล หรือคิดเป็น 10,000 terabecquerels แต่ถ้ายังไม่หยุดอาจเเซงได้

โดยที่โรงไฟฟ้าโรงที่ 2 ปล่อยสารกัมมันตภาพรังสี สูงสุด เกินครึ่ง

โดยคุณ pipat2000 เมื่อวันที่ 12/04/2011 06:04:51


ความคิดเห็นที่ 8


ต้องแบบนี้สิครับ กระทู้ดีมีสาระ  เอาไปเลย10กะโหลก

โดยคุณ Tarvo21 เมื่อวันที่ 12/04/2011 06:20:14


ความคิดเห็นที่ 9


^                                                                                                                                                                                                                                                                                          

^

^

ไม่คนอวดผีนะพี่

โดยคุณ Milano_thai เมื่อวันที่ 12/04/2011 09:19:57