หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ข้อมูลการซ่อมปรับปรุงเครื่องควบคุมการยิงของรถถัง(ได้มาจากเพือนนักข่าวสายทหาร)

โดยคุณ : ug129 เมื่อวันที่ : 29/04/2011 15:57:55

กว่าจะได้ภูมิใจ......ในฝีมือคนไทย

“……… เราขอขอบคุณในความช่วยเหลือของอเมริกา แต่เรายังตั้งใจไว้ว่า วันหนึ่งข้างหน้าเราจะทำกันเองได้ โดยไม่พึ่งความช่วยเหลือนี้ ……… “  ……..We are greateful for American aid, but we intend, one day, to do without it………..

ส่วนหนึ่งของ พระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช  ขอบคุณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ณ สภาคองเกรส เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2503  

FIRST ROUND HIT เป้าหมาย ต้องถูกทำลายด้วยกระสุนนัดแรกที่ยิงออกจากรถถัง ที่เรียกกันติดปากว่า “.....ยิงแม่น......” และด้วยความตั้งมั่นอันแน่วแน่ในภารกิจของเหล่าทหารสรรพาวุธทหารบกทุกนาย “ซึ่งมีหน้าที่ดำรงไว้ซึ่งอำนาจการยิง และความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่ให้แก่หน่วยกำลังรบของกองทัพบก.........” ดังนั้น อาวุธ และยุทโธปกรณ์ต่างๆของกองทัพบก ที่อยู่ในความรับผิดชอบสายสรรพาวุธจะต้องมีความพร้อมที่จะใช้ในงานอยู่ตลอดเวลา การดำรงความพร้อมของยุทโธปกรณ์ของกองทัพบกนั้น มีความยากง่ายสลับซับซ้อนอยู่ในตัวของยุทโธปกรณ์แต่ละชนิดแต่ละแบบแตกต่างกัน 

“รถถัง” คือ ยุทโธปกรณ์ชนิดหนึ่งที่มีอำนาจและศักยภาพในการทำลายเป้าหมายอย่าง รวดเร็ว รุนแรง เด็ดขาด มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการรบและการป้องกันประเทศ การยิงปืนใหญ่รถถังทุกครั้งจะต้องทำได้ด้วยความรวดเร็ว และแม่นยำในการทำลายเป้าหมาย ตั้งแต่กระสุนนัดแรกที่ใช้ในการยิง เพราะเมื่อรถถังยิงปืนใหญ่ครั้งใดนั้นเท่ากับเป็นการเปิดเผยตนเอง ให้กับศัตรูทราบตำแหน่งที่ตั้งซึ่งจะถูกตอบโต้กลับอย่างฉับพลันเช่นกัน

FIRE CONTROL SYSTEM ระบบเครื่องควบคุมการยิง เป็นอุปกรณ์กลไกที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้การยิงเป้าหมายของรถถังได้อย่างแม่นยำ ช่วยในการยิงของพลยิงให้สามารถเล็งเห็นเป้าหมายได้ชัดเจนทั้งเวลากลางวันและกลางคืน สามารถปรับค่าการชดเชยมุมของปืนใหญ่รถถังในทุกๆระยะทางของเป้าหมาย และทุกชนิดของกระสุนที่ใช้ในการยิง ไม่ว่าจะเป็นกระสุนเจาะเกราะ กระสุนระเบิด และกระสุนชนิดอื่นๆที่กองทัพมีใช้อยู่ รวมทั้ง สามารถปรับชดเชยความเร็วและทิศทางลม รวมถึงการเอียงตัวของรถถัง ทำให้รถถังยิงได้แม่นยำแม้ในขณะที่รถถังเคลื่อนที่

ที่ผ่านมากองทัพบกและกรมสรรพาวุธทหารบกประสบปัญหามาโดยตลอด เกี่ยวกับระบบเครื่องควบคุมการยิงของรถถัง กล่าวคือเมื่อกองทัพบกได้จัดซื้อรถถังที่ติดตั้งเครื่องควบคุมการยิง หรือซื้อเครื่องควบคุมการยิงมาติดตั้งเพิ่มเข้ากับรถถังที่มีอยู่เดิมนั้น เมื่อใช้งานได้ระยะเวลาหนึ่งเครื่องควบคุมการยิงชำรุดบกพร่องไม่สามารถใช้งานได้เจ้าหน้าที่กรมสรรพาวุธทหารบกทำการซ่อมแก้ด้วยตนเองตามขีดความสามารถที่มีอยู่ แต่เมื่อชำรุดจนเกินขีดความสามารถที่จะซ่อมแก้ด้วยตนเองได้ กรมสรรพาวุธทหารบกติดต่อขอข้อมูลในการซ่อมบำรุง การจัดซื้อชิ้นส่วนอะไหล่เพื่อใช้ในการซ่อมบำรุงจาก บริษัทผู้ผลิตต่างประเทศ,บริษัทตัวแทนจำหน่าย คำตอบที่ได้รับ คือ เครื่องควบคุมการยิงที่ติดตั้งอยู่กับรถถังของไทย เลิกผลิตมานานแล้ว ไม่มีชิ้นส่วนอะไหล่จำหน่าย บริษัทผู้ผลิตก็ไม่สามารถซ่อมให้ได้  (ค้นหาข้อมูลจาก Internet พบว่าบริษัทที่ผลิตเครื่องควบคุมการยิงยังคงโฆษณาขายเครื่องควบคุมการยิงรุ่นที่กองทัพบกใช้อยู่ แต่คำตอบที่ได้รับทำไมบอกว่ารุ่นที่กองทัพบกใช้งานเลิกผลิตแล้ว)  การที่บริษัทผู้ผลิตเสนอให้จัดซื้อเครื่องควบคุมการยิงแบบใหม่มาติดตั้งทดแทน ราคาชุดละประมาณ 15-20 ล้านบาท ขึ้นกับ Option มากน้อยแค่ไหน กองทัพบกมีรถถังประจำการที่ติดตั้งเครื่องควบคุมการยิงรวมแล้วประมาณ 300 กว่าคัน คิดเป็นเงินน่าจะไม่ต่ำกว่า 4,000-5,000 ล้านบาท ถ้าต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด ซึ่งปัญหาใหญ่คือ ซื้อมาแล้วจะสามารถใช้งานได้กับรถถังทุกชนิดหรือไม่ และใช้วงเงินงบประมาณสูงมาก หากเสียอีกจะทำอย่างไร? 

จากข้อมูลที่ได้รับจากบริษัทต่างๆ วิธีการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนั้น และปัญหาที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตสรุปไปในแนวทางเดียวกันคือ ซื้อแล้วเสีย ซ่อมไม่ได้ ซื้อของใหม่ จ่ายเงินแพง สิ้นเปลืองงบประมาณของชาติ ไม่รู้จักจบสิ้น เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทย หรือไม่ท่านทั้งหลายคงทราบดี

ย้อนหลังไปในปี พ.ศ. 2539 พลเอก สิริชัย ธัญญสิริ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก ด้วยวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของท่านที่จะแก้ปัญหาการพึ่งพาจากต่างชาติ และการใช้งบประมาณของประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุด ประกอบกับ พลเอก ธีระวัฒน์ บุณยะประดับ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ขณะนั้นดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการกองส่งกำลัง กรมสรรพาวุธทหารบก เมื่อทราบว่าบริษัทผู้ผลิตไม่ยอม ซ่อมเครื่องควบคุมการยิง มุ่งหวังแต่จะขายของใหม่เพียงอย่างเดียว และการที่ไม่อยากที่จะต้องตกอยู่ในสภาวะที่ถูกต่างชาติเอาเปรียบอยู่ตลอดเวลา (เหมือนคนไทยไม่มีทางเลือก) จึงได้ริเริ่มโครงการที่จะแก้ไขปัญหาของรถถังที่กองทัพบกกำลังประสบอยู่ในขณะนั้น รวมถึงการแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต โดยได้เชิญหน่วยงานต่างๆ, สถาบันการศึกษา, ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความสามารถจากภาคเอกชน, รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญจากเหล่าทัพอื่นๆของประเทศ ให้เข้ามาศึกษาหาวิธีซ่อมเครื่องควบคุมการยิงของรถถัง  โดยกำหนดเป้าหมายที่จะต้องก้าวไปให้ถึงคือ

-          ซ่อมระบบเครื่องคุมการยิงให้สามารถใช้งานได้ ตามมาตรฐานเดิม

-          เจ้าหน้าที่ของกรมสรรพาวุธทหารบกต้องมีความรู้สามารถซ่อมเองได้ในอนาคต

-          จัดเตรียมชิ้นส่วนอะไหล่สำรองไว้ใช้ในการส่งกำลังบำรุง

-          วิจัยและพัฒนาระบบเครื่องควบคุมการยิงทันสมัยยิ่งขึ้นบนพื้นฐานของระบบเดิม

ปี พ.ศ. 2540 บริษัท เค.ซี.พี. แอสโซซิเอท จำกัด ได้ขออนุญาตเข้ามาศึกษาระบบการทำงานของเครื่องควบคุมการยิงและได้ร่วมกับ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) วิจัยและทดลองซ่อมระบบเครื่องควบคุมการยิงของรถถัง โดยมีแรงผลักดันที่ต้องการพิสูจน์ให้รู้กันว่า “คนไทยมีความรู้ความสามารถไม่เป็นรองใคร เก่งพอที่จะยืนหยัดช่วยเหลือตัวเองได้” จนกระทั่งปี 2545 บริษัทฯประสบความสำเร็จในการซ่อมเครื่องควบคุมการยิงให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิม จากสภาวะเศรษฐกิจและความคุ้มค่าในการใช้งบประมาณของชาติ กองทัพบกจึงได้อนุมัติโครงการซ่อมปรับปรุงเครื่องควบคุมการยิงของรถถัง ในปี พ.ศ. 2552 กองทัพบกได้จัดสรรงบประมาณให้กรมสรรพาวุธทหารบก ดำเนินการซ่อมเครื่องควบคุมการยิงของรถถัง เอ็ม 48 เอ 5 และ รถถัง(เบา) 32  โดย ศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์สรรพาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก ได้เชิญชวนบริษัทต่างๆที่มีความสนใจทำการทดลองซ่อมต้นแบบเพื่อทำการคัดเลือก บริษัท เค.ซี.พี. แอสโซซิเอท จำกัด เป็นบริษัทของคนไทยเพียงบริษัทเดียวที่เข้าดำเนินการคัดเลือกคุณสมบัติเบื้องต้น โดยการซ่อมรถถังต้นแบบแข่งขันกับบริษัทที่ร่วมค้ากับบริษัทผู้ผลิตเครื่องควบคุมการยิงจากต่างประเทศ ซึ่งสามารถผ่านการทดสอบทั้งทางด้านมาตรฐานทางเทคนิคและการยิงทดสอบการทำงานของเครื่องควบคุมการยิงด้วยกระสุนจริงจากคณะกรรมการคัดเลือก รวมทั้งเสนอราคาต่ำสุด

.........วันที่ความภูมิใจของคนไทยก็มาถึง เป็นวันที่ทำการยิงทดสอบเพื่อตรวจรับงานซ่อมเครื่องควบคุมการยิงของรถถังที่ซ่อมเสร็จ และทำการยิงทดสอบที่สนามทดสอบทั้งรถถังแบบ เอ็ม 48 เอ 5 และรถถัง (เบา) 32 มีการยิงทดสอบทั้งเวลากลางวันและกลางคืน ในสภาพภูมิประเทศจริง กระสุนปืนใหญ่รถถังทุกนัดยิงถูกเป้าหมายด้วยความแม่นยำอย่างที่ต้องการ  รวมทั้งผ่านการทดสอบทดลองตามมาตรฐานทางวิศวกรรม มาตรฐานทางเทคนิคของกองทัพบก ทำให้นายทหารของหน่วยใช้รถถังมีความพึงพอใจและมั่นใจในขีดความสามารถของเครื่องควบคุมการยิง   ที่ทำการซ่อมจาก......ฝีมือคนไทย..... นึกถึงเงินงบประมาณที่ใช้ไปไม่ถึง 30% ของราคาถ้าซื้อของใหม่ เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นเล็กๆในก้าวแรกๆที่มีรอยยิ้มแห่งความภูมิใจของคนไทย


“หมออยู่ในบ้าน” เกี่ยวอะไรกับรถถัง เป็นคำกล่าวของ พลโท เอกชัย วัชรประทีป เจ้ากรมสรรพาวุธทหารบก   ท่านเปรียบเปรยไว้ว่า หากสามารถซ่อมแก้ยุทโธปกรณ์ของกองทัพ ได้โดยบริษัทของคนไทยในประเทศเราเอง เมื่อมีความจำเป็นเร่งด่วนเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติเกิดขึ้นเมื่อใด ก็จะสามารถเรียกหาผู้มาช่วยเหลือสนับสนุนได้ทันท่วงทีไม่ต้องร้องขอจากต่างชาติ ซึ่งอาจจะไม่ทันเวลาและทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับ พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราที่ตรัสไว้ข้างต้น                                                  

  ลิตเติ้ลแบร์

ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปถึงไหนกันแล้วใครรู้ข้อมูลบอกด้วยครับเห็นว่าจะยกเลิกโครงการนี้แล้วจะซื้อเครื่องควบคุมการยิงใหม่ ผมว่าถ้าทำอย่างนั้นซื้อรถถังใหม่ทั้งคันจะมีประโยชน์กว่าไหมเป็นห่วงเงินชาติ









ความคิดเห็นที่ 1


รบกวนใส่ที่มาด้วยครับ

โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 22/04/2011 05:43:39


ความคิดเห็นที่ 2


ข้อมูลการซ่อมปรับปรุงเครื่องควบคุมการยิงของรถถัง  (ได้มาจากเพือนนักข่าวสายทหาร)

โดยคุณ hoyflute เมื่อวันที่ 22/04/2011 06:09:05


ความคิดเห็นที่ 3


ไม่ใส่ที่มาแบบนี้  ระวังจะมีปัญหาตามมาทีหลังนะครับ และคนที่ซวยก็คือเว็บ

 

ปล.มีทหารสายกรมสรรพาวุธ เป็นใหญ่เป็นโต ในกองทัพ มันดีแบบนี้นี้เอง

โดยคุณ sat121 เมื่อวันที่ 22/04/2011 08:54:05


ความคิดเห็นที่ 4


เอาคลิปมาฝากด้วยเลยละกันครับ

 

โดยคุณ spooky เมื่อวันที่ 22/04/2011 09:03:10


ความคิดเห็นที่ 5


ขอโทษครับไม่มีอะไรในก่อใผ่จริงๆครับ ผมได้มาจากหนังสือนี้ครับแล้วก็มีเป็น PDF ขอไม่บอกชื่อสือนะครับ แต่มีหลักฐานก็คงพอนะครับ ผมว่ามันเป็นข้อมูลที่เปิดเผยได้ไม่น่าจะมีอะไรนี้ครับหรือว่าในนี้มีคนที่ไม่เห็นด้วยที่เราจะประหยัดงบของชาติ



โดยคุณ ug129 เมื่อวันที่ 22/04/2011 22:14:52


ความคิดเห็นที่ 6


ภาพไม่ขึ้น

โดยคุณ ug129 เมื่อวันที่ 22/04/2011 22:19:37


ความคิดเห็นที่ 7


ขอโทษครับไม่มีอะไรในก่อใผ่จริงๆครับ ผมได้มาจากหนังสือนี้ครับแล้วก็มีเป็น PDF ขอไม่บอกชื่อสือนะครับ แต่มีหลักฐานก็คงพอนะครับ ผมว่ามันเป็นข้อมูลที่เปิดเผยได้ไม่น่าจะมีอะไรนี้ครับหรือว่าในนี้มีคนที่ไม่เห็นด้วยที่เราจะประหยัดงบของชาติ






โดยคุณ ug129 เมื่อวันที่ 22/04/2011 22:24:41


ความคิดเห็นที่ 8


sat121 พูดแบบนี้ไม่บอกที่มาที่ไประวังจะมีปัญหานะ แสดงว่าเป็นคนในนะเนี่ย ปีที่แล้วมีข่าวว่าจะยกเลิกก็ให้โฆษกกองทัพออกมาบอกว่าไม่ยกเลิก แต่มาปีนี้กำลังจะยกเลิกการซ่อมเป็นซื้อใหม่มาติดให้ปู่ stingray, M48A5, M60A1-A3 กันอยู่ไม่ใช่เหรอ ถ้ารู้จริงก็บอกด้วยนะว่าจะซื้อพร้อมรถหุ้มเกราะ 121 คันที่เพิ่งอนุมัตินี้ด้วยหรือเปล่า
โดยคุณ Landbased เมื่อวันที่ 22/04/2011 22:55:10


ความคิดเห็นที่ 9


โดยคุณ Landbased เมื่อวันที่ 22/04/2011 23:12:56


ความคิดเห็นที่ 10


ข่าวนี้ใช่ป่าว http://news.impaqmsn.com/articles.aspx?id=308690&ch=pl1 โฆษก ทบ.แจง เสธ.ทบ.ไม่ได้เปลี่ยนโครงการซ่อมระบบเครื่องยิงรถถังเป็นซื้อใหม่ กองทัพบก 8 มี.ค. - "พล.อ.พิรุณ" เต้นหลังมีใบปลิวโจมตีเปลี่ยนโครงการซ่อมระบบเครื่องควบคุมยิงรถถังเป็นจัดซื้อใหม่ สั่งโฆษกกองทัพบกแจง ระบุเพียงให้กรมสรรพาวุธไปศึกษาความเป็นไปได้เรื่องจัดซื้อใหม่ เพราะหากซ่อมอาจไม่คุ้มค่าและตามไม่ทันเทคโนโลยี พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีมีผู้นำใบปลิวมาวางไว้ในห้องสื่อมวลชนสายทหารภายในกองบัญชาการกองทัพบก ซึ่งมีเนื้อหาทำให้เข้าใจว่า พล.อ.พิรุณ แผ้วพลสง เสนาธิการทหารบก มีคำสั่งให้กรมสรรพาวุธทหารบกเปลี่ยนแปลงโครงการจ้างซ่อมเครื่องควบคุมการยิงรถถังเบา 32 (ปี 2552-2554) โครงการซ่อมระบบเครื่องควบคุมการยิงรถถังเอ็ม 48 เอ 5 (ปี 2552-2554) โครงการซ่อมระบบเครื่องควบคุมการยิงรถถังเอ็ม 60 เอ 1 (ปี 2553-2555) และโครงการซ่อมระบบเครื่องควบคุมการยิงรถถังเอ็ม 60 เอ 3 (ปี 2553-2555) ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับความเห็นชอบจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้เป็นการจัดซื้อใหม่ ซึ่งเสนาธิการทหารบกเห็นใบปลิวดังกล่าวแล้วเกิดความไม่สบายใจ พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า โครงการส่วนหนึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2552-2554 อีกส่วนหนึ่งดำเนินการปี 2553-2555 ซึ่งได้ดำเนินการมาก่อนที่ พล.อ.พิรุณ จะมารับตำแหน่งเสนาธิการทหารบก และโครงการเหล่านี้จะยังดำเนินการในระบบซ่อมเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเป็นการซื้อใหม่ตามข้อมูลในใบปลิว ทั้งนี้ การอ้างว่าให้เปลี่ยนเป็นการซื้อใหม่แล้วนำเข้าที่ประชุมวันที่ 10 มี.ค.นั้น เป็นคนละเรื่อง เพราะในการประชุมเมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยมี พล.อ.พิรุณ เป็นประธาน ผู้เข้าประชุมมีความเห็นสอดคล้องกันว่า เครื่องควบคุมการยิงที่มีใช้มาตั้งแต่ปี 2530 เทคโนโลยีต่าง ๆ พัฒนาไปเร็วมาก หากซ่อมในครั้งนี้ก็จะซ่อมอีกในอนาคต จึงไม่น่าจะคุ้มค่าและตามเทคโนโลยีไม่ทัน จึงให้กรมสรรพาวุธไปพิจารณาความเป็นไปได้หากจะจัดซื้อแทน และให้เสนอเข้าที่ประชุมในวันที่ 10 มี.ค.นี้ ส่วนสาเหตุที่มีใบปลิวดังกล่าวมาจากเสนาธิการทหารบกเป็นหนึ่งในแคนดิเดตที่อาจได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารบกคนต่อไปหรือไม่นั้น พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า แล้วแต่จะวิจารณ์กันไป แต่เสนาธิการทหารบก ยืนยันไม่มีเวลาคิดเรื่องดังกล่าว เพราะความรับผิดชอบเรื่องการดูแลประชาชนให้ปลอดภัยในช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมืองก็มากแล้ว เพียงเกรงว่าจะเข้าใจไม่ตรงกันหรือมีคำถามเกิดขึ้นว่า เหตุใดจึงสั่งให้เปลี่ยนแปลง "คนที่จะเลือกผู้บังคับบัญชาในระดับรองลงมาคือ ผู้บัญชาการทหารบกอยู่แล้ว ท่านมั่นใจ เชื่อใจในขีดความสามารถ ศักยภาพ ความซื่อสัตย์ คุณสมบัติของใคร ท่านก็หยิบมา ท่านต้องไว้วางใจอยู่แล้ว" โฆษกกองทัพบก กล่าว.- สำนักข่าวไทย
โดยคุณ arrai เมื่อวันที่ 22/04/2011 23:21:44


ความคิดเห็นที่ 11


ไม่ใช่ไม่เห็นด้วยนะครับ  แต่การนำข้อมูลต่างๆมาเผยแพร่นั้น ต้องมีที่มาที่ไปอย่างชัดเจนด้วยครับ ถือเป็นการให้เกียรติของเจ้าของบทความหรือหนังสือเล่นนั้นๆครับ จะได้ไม่มีปัญหาตามมาทีหลังครับ ถึงแม้จะเป็นข้อมูลที่เผยแพร่ไปทางเว็ปไซด์ต่างๆแล้วครับ(ยกเว้นภาพหรือข้อมูลเหล่านั้นถูกโพสลงในเว็ปเพจส่วนตัวของผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้อง แต่ทางกองทัพยังไม่มีการแถลงหรือเผยแพร่อย่างเป็นทางการ ก็ไม่สมควรนำมาเผยแพร่ต่อครับ)

โดยคุณ nok เมื่อวันที่ 23/04/2011 00:40:40


ความคิดเห็นที่ 12


ถ้าตีพิมพ์ลงในวารสารแบบนี้ก็คงเผยแพร่ได้หละ
โดยคุณ arrai เมื่อวันที่ 23/04/2011 03:10:05


ความคิดเห็นที่ 13


ลืมไปมัวแต่มาเถียงเรื่องที่มาที่ไป ขอชื่นชมคนไทยที่ทำได้ ยอดเยี่ยม เป็นกำลังใจให้
โดยคุณ arrai เมื่อวันที่ 23/04/2011 03:11:12


ความคิดเห็นที่ 14


ข่าว นานละนิครับ

โดยคุณ BLOODTHAI เมื่อวันที่ 23/04/2011 18:22:54


ความคิดเห็นที่ 15


คนไทยเราเก่งอยู่แล้ว ถ้าซ่อมได้ก็ดีไม่ต้องไปพึ่งพาต่างประเทศประหยัดงบประมาณด้วย แต่ถ้าจะซื้อใหม่ก็ถามคนใช้บ้าง

ว่าคนใช้เขาอยากได้อะไร ถ้าซื้อมาแล้วคนใช้ใช้ไม่เป็นหรือคนใช้ไม่ต้องการ แล้วจะมีประโยชน์อะไรสิ้นเปลืองงบประมาณเปล่าๆ

แต่เห็นข่าวว่าคนไทยซ่อมได้ก็น่าสนับสนุนคนไทยด้วยกันเองน่ะ คนไทยน่าจะภูมิใจคนไทยด้วยกัน

โดยคุณ AE_SNIPER เมื่อวันที่ 25/04/2011 03:42:23


ความคิดเห็นที่ 16


คนไทยทำได้อยู่แล้ว
โดยคุณ ม้าแก่ เมื่อวันที่ 29/04/2011 04:57:57