ท่านจขกท.ถามลงรายละเอียดขนาดนี้ผมคงตอบได้ไม่หมดแต่ลองอ่านตามนี้ดูนะครับ

หน้าที่ของกำลังพลสำรอง

                    กำลังพลสำรอง มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของชาติจึงจำเป็นต้องเตรียมกำลังพลสำรองให้มีความพร้อมตั้งแต่ยามปกติ ดังนั้น กำลังพลสำรองต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ ที่ทางราชการกำหนด จึงควรทราบหน้าที่ ของตนเองและต้องปฏิบัติดังนี้
                         1. ในยามปกติต้องเข้ารับการเรียกพลเพื่อฝึกวิชาทหารอย่างต่อเนื่งตามที่กองทัพบกกำหนด เพื่อทบทวน และ เพิ่มพูนความรู้ความสามารถ ให้มีความพร้อมรบ เช่นเดียวกับกำลังพลประจำการ
                         2. ในยามสงคราม ต้องเข้าปฏิบัติการรบร่วมกับกำลังพลประจำการได้ทันท่วงที และมีประสิทธิภาพ กำลังพล สำรองผู้ใดเมื่อได้รับคำสั่งเรียกพล หรือหมายเรียกพลจากทางราชการ ขอให้ไป   รายงานตัวตามวันเวลา และสถานที่กำหนดไว้ ในเอกสารนั้น การหลีกเลี่ยงขัดขืน จะมีความผิดตามกฎหมาย

                                                                 กำลังพลสำรองระบบ 1 : 1 : 1 : 3 เป็นอย่างไร

                    เป็นที่สงสัยกับคนทั่วไปว่า กำลังพลสำรองระบบ 1 :1:1:3 เป็นอย่างไร  การแบ่งประเภทกำลังพลสำรองตามระบบ 1 : 1 : 1 : 3 จะแบ่งเป็น
                    (1) ตัวแรก เรียกว่า กำลังพลสำรองขั้นต้น (บัญชี 1) ระยะเวลา 1 ปี เป็นกำลังพลสำรองที่เข้าสู่ระบบเป็นปีแรก ซึ่งจะได้รับ การบรรจุลงในตำแหน่งต่างๆ ที่เหมาะสมตามบัญชีบรรจุกำลังของหน่วย และ ได้รับการฝึกให้มีความรู้  ความสามารถ ตามตำแหน่ง หน้าที่ รวมทั้งได้รับการฝึกเป็นหน่วยทางยุทธวิธีในระดับกองร้อยและระดับกองพันร่วมกับหน่วยต้นสังกัด
                    (1) ตัวที่ 2 เรียกว่า กำลังพลสำรองพร้อมรบ (บัญชี 2 ) ระยะเวลา 1 ปี เป็นกำลังพลสำรองที่เข้าสู่ระบบเป็นปีที่ 2 เมื่อมีการระดมพล  กำลังส่วนนี้จะถูกนำไปบรรจุให้ครบตามอัตราเต็มของหน่วยร่วมกับกำลังประจำการ   และกำลังพลประจำการเสริม เพื่อให้หน่วยมีความพร้อมที่จะเข้าปฏิบัติภารกิจในยามสงคราม
                    (1) ตัวที่ 3 เรียกว่า กำลังพลสำรองเตรียมพร้อม (บัญชี 3 ) ระยะเวลา 1 ปี  เป็นกำลังพลสำรองพร้อมรบอยู่ในระบบครบ 2 ปี แล้ว กำลังพลส่วนนี้จะบรรจุเป็นตัวอะไหล่ของกำลังพลสำรองพร้อมรบ และเป็นกำลังทดแทน
                    (3) ตัวสุดท้าย เรียกว่ากำลังพลสำรองทั่วไป (บัญชี 4 ) ระยะเวลา 3 ปี เป็นกำลังพลสำรองเข้าสู่ระบบเป็นปีที่ 4, 5 และ 6 หรือกำลังพลสำรองเตรียมพร้อมที่อยู่ในระบบครบ 3 ปีแล้ว กำลังพลส่วนนี้อยู่ในส่วนกำลังพลสำรองทดแทน และ หน่วยทางบัญชีตามแผนระดมสรรพกำลัง เมื่อมีการระดมพล

ข้อมูลจาก http://www.rta.mi.th/51320u/sapagumlung_3.htm

ถ้าตอบตามที่คิดก็คือ ประเทศต้องอยู่ในภาวะสงครามครับ คือมีการประกาศสงคราม หรืออาจะไม่ก็ได้ ในกรณีช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ก่อนที่ญี่ปุ่นจะยกพลขึ้นบกไทย ก็ได้มีการจัดตั้งยุวชนทหารขึ้นก่อนเพื่อเตรียมรับมือกับสงคราม และยุวชนทหารก็ได้สร้างเกียรติประวัติอันน่าภูมิใจที่นักเรียนฝึกวิชาทหาร ก็สามารถออกรบสู้กับทหารประจำการของกองทัพญี่ปุ่นได้

ตัวอย่างสถานการณ์ชายแดนไทยเขมรขณะนี้ยังไม่ถือว่าประเทศเราเข้าสู่สงคราม แต่ถือว่าเป็นการปะทะกันตามชายแดน แต่หากมีการประกาศสงครามน่าจะมีการเรียกแน่ๆ แต่ก็คงเรียกให้รายงานตัวเพื่อเตรียมพร้อม ไม่ใช่การส่งไปรบแนวหน้าทันทีทันใด ในเรื่องอาวุธนั้นคงไม่พ้นเอชเค33 เอ็ม16เอ1 หรือเอ2ครับ ส่วนเรื่องใครจะได้ตำแหน่งยศอะไรก็น่าจะแบ่งตามชั้นยศที่มีอยู่ก่อนแล้ว

อ่าวงั้นถ้าผมถูก เรียกตัว ก็ ต้องเป็นห้วหน้ากองพันสิครับ เพราะว่า ถูกบรรจุไว้อย่างนั้น

      ในยามสงคราม กองทัพจะจัดตั้ง กองพันกำลังทดแทน ขึ้น ใน มณฑลทหารบก และ กองร้อยกำลังทดแทน ในระดับจังหวัดทหารบก โดยหน่วยดังกล่าวอาจแปรสภาพจาก หน่วยฝึกวิชาทหารในพื้นที่นั้น ๆ ครับ โดยหน่วยดังกล่าวนี้จะทำหน้าที่เรียกกำลังสำรองในระดับชั้นยศต่าง ๆเข้ามาทำหน้าที่แทน ส่วนการจะเรียกท่านใดก่อนหลัง  ดูตาม แผน 1:1;1;3 ครับ รายละเอียดตามท่านข้างต้นว่าไว้ 

       ตามเหตุการณ์ปัจจุบัน ถ้าสมมุติว่าเหตุการณ์บานปลาย กลายเป็นสงครามใหญ่ ทางราชการประกาศภาวะสงครามแล้ว จังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ จะต้องจัดตั้งกองร้อยกำลังทดแทน ขึ้น โดยเรียกทหารกองหนุน ทุกชั้นยศที่ขาดแคลน ตั้งแต่พลฯ ทหาร นายทหารประทวนกองหนุน(พวกจบ รด.ปี 3) นายทหารสัญญาบัตรกองหนุน (พวกจบ รด.ปี 5) เข้ารับการฝึกเพื่อเตรียมตัวส่งกำลังทดแทนให้หน่วยในพิ้นที่ ที่ขอกำลังทดแทน มาครับ

คุณ nutlove ครับกำลังสำรองที่จบ รด.แล้ว และถูกเรียกฝึกตามวงรอบ จนครบตามหลักสูตรแล้ว ยศสูงสุด คือว่าที่ พ.ต. ตำแหน่ง ตามอัตรา ก็แค่ ผบ.ร้อย (ผู้บังคับกองร้อย)นะครับ แล้วหัวหน้ากองพันนี่มันตำแหน่งอะไรครับ มีแต่ผู้บังคับกองพัน ซึ่งอัตราก็ต้องพันโท ผ่านหลักสูตร เสนาธิการทหารบกก่อนนะครับ แล้วก็ถ้าเป็นทหารราบ(เฉพาะทหารบกเหล่าราบ) จะเป็น ผบ.ร้อยได้ ก็ต้องผ่านหลักสูตรจู่โจมประกอบด้วย  ไม่งั้นก็ต้องไปอยู่ส่วนอื่นเช่น ฝ่ายอำนวยการของกองพัน ที่เรียก ฝ.ต่างๆ ของกงอพัน ซึ่งก็คงไม่ใช่ ฝ.3 ซึ่งรับผิดชอบด้านยุทธการที่ส่วนใหญ่จะต้องมาจาก โรงเรียนนายร้อย แม้แต่นายทหารที่มาจากชั้นประทวนก็ยังไม่มีโอกาสเลยครับ

ก็ต้องถามกลับละครับว่าแบล็คกราวของคุณ nutlove เป็นมายังไงครับ ผมถึงจะตอบได้ว่า คุณ nutlove จะถูกบรรจุแบบไหน

ส่วนการที่คำถาม ผมขอตอบว่ากำลังสำรองจะถูกเรียกพลก็ต่อ เมื่อมีการประกาศภาวะสงคราม และรัฐบาลได้มีมติว่าต้องการใช้กำลังสำรอง ที่สำคัญผู้ที่จะระดมพลได้ในประเทศไทยคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ ต้องมีการลงพระปรมาภิไธย ประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงจะระดมพลได้ ย้ำนะครับใช้คำว่าระดม ไม่ใช่เรียกพล เรียกพลใช่เมื่อเรียกพลเพื่อฝึก เพื่อตรวจสอบ นั่นละครับ จึงจะเป็นการบรรจุกำลังสำรองตามบัญชีกำลังพลที่มีอยู่ อย่างที่คุณ tan02 ตอบไก่อนแล้ว ซึ่งก็ไม่รวมนักศึกษาวิชาทหารนะครับ เพราะยังไม่จบ ไม่มีการบรรจุในบัญชีกำลังพล ซึ่งทาง จทบ. และ มทบ. ทั่วประเทศจะรับหน้าที่บรรจุไว้อยู่แล้วในบัญชีนั้นๆเพื่อความพร้อมครับ และก็ต้องไปฝึกร่วมกันก่อนตามระยะเวลาที่เหมาะสม ส่วนอาวุธ ก็อย่างที่คุณ tan02 บอก และรวมไปถึง ปลย.88 ,คาร์บิ้น ก็อาจจะถูกบรรจุให้หน่วยที่จัดขึ้นใหม่ถ้าไม่พอครับ เพราะกองทัพสามารถเปิดสายการผลิตกระสุนขนาดที่ใช้ด้วยได้ เห็นไหมครับว่ากองทัพ นะมีแผนไว้ให้พวกคุณเสมอ

นอกจากนี้ กองทัพบก ได้จัดตั้งกองพลขึ้นมา 1 กองพล ซึ่งมีทุกอย่างพร้อมเพื่อรับการระดมพล คือมีโครงสร้างไว้หมด และมีหน้าที่ในยามปกติคือเรียกพลเพื่อฝึกและเตรียมความพร้อม ให้กับกำลังพลของกองพล ที่เป็นกำลังสำรอง และเมื่อเรียกพลกองพลนี้น่าจะเป็นกองพลที่มีกำลังสำรองแรกที่เข้ารบก่อนกำลังพลที่ถูกเรียกมาจากส่วนอื่น

ผมก็ขอถามเพื่อนๆ บ้างนะครับว่า กองพลนี้ คือกองพลอะไร ที่ตั้งอยู่จังหวัดอะไรครับ

เฉลยครับ กองพลทหาราบที่ 11 (พล ร.11) ตั้งอยู่จังหวัดฉะเชิงเทราครับ

ขอโทษครับวันหลังจะทิ้งวันนานอีกนิดค่อยมาตอบแล้วกันครับ

ถามเองตอบเอง เลยวุ้ย...แล้วงี้  รางวัลจะให้ ใครหละ..555