คือถ้าถามผมว่าทำไมต้องลดขนาดกองทัพเพราะ
1.300000นายมันมากเกินไป
2.เกินความจำเป็น
3.ตัดงบส่วนนี้เอาไปซื้อ เครื่องบินรบ รถถัง เรือดำน้ำ อะไรที่นึกได้ ได้ตั้งเยาะเเยะ ข้อนี้สำคัญ
4.ลองคิดดูถ้าลดขนาดเหลือ200000นาย เงินที่เหลือต่อเดือนจะมากมายขนาดไหน
สรุป ผมมมองว่าขนาดกองทัพขนาดนี้ ไม่มีความจำเป็นเลย มันสมัยไหนเเล้ว ไม่ใช่พม่ากับไทยสมัยก่อนน่ะที่ใช้ดาบฟันกัน ใครมีคนเยาะกว่าคนนั้นก็มีโอกาสชนะ
ขออภัยหากกล่าว ล่วงเกิน สถาบันทางการทหาร ว่าเรามี ขนาดใหญ่เกินตัว การบริหาร งาน จึงเป็นไปได้ช้า
ขอคุณมากครับท่าน xmode นั่นคือในส่วนของทางทหารอากศใช่ไหมครับ อันนี้เห็นใจและเข้าใจท่านครับ คือในส่วนที่จำเป็นก็อยากให้คงไว้ก่อนแต่ส่วนเกินก็อยากให้ค่อยๆปรับลดไปเรื่อยๆ(ย้ำว่าส่วนเกินครับ)
ผมว่ามีเยอะๆๆก็ดีนะ ถ้าอนาคต ต้องเจอกันภัยคุกครามขนาดใหญ่ เช่น เกิด การแย่งชิงอำนาจ ของชาติ มหาอำนาจ เพื่อแย่งชิงแหล่งทรัพยากร ในบ้านเรา อีกทั้งเกิดการจ้างงาน ให้พลเรือน และ ปลูกฝั่งความรักชาติในวงการทหาร และ ยามสงครามเราก็จะมีบุคลากรที่มีคุณภาพ ยามมีภัยธรรมชาติ ก็มีกำลังมากพอที่จะช่วยเหลือ พลเรือน และอีกมากมาย อันที่จริงผมอยากให้ ชายคนไทยทุกคนเป็นทหาร เลยครับ เป็น กำลัง สำรองก็ได้ครับ ไม่ใช่ว่าผมจะเอาไปรบกับใคร แต่ผมอยากให้ชายไทยทุกคนมา ฝึกระเบียบ วินัย ความรักชาติ ความสามัครคี ปลูกจิตสำนึกความเป็นพวกเดียวกัน ความเป็นสุภาพบุรุษ และหน้าที่พลเมืองดี คับผม สังคมคงจะดีขึ้นน่าดู จะได้ไม่มี เสื้อเหลือง กับ เสื้อแดง ครับ ความเห็นส่วนตัว
ตอบคุณhoyflute:ข้อนั้นผมก็ได้คิดมาก่อนเเล้วว่าถ้าลดจะเกิดการต่อต้าน ทหารที่โดนปลดไม่พอใจ เเนวคิิดผมน่ะอาจจะดุเเปลกๆต้องขออภัย ก็ลดการรับสมัครทหารใหม่ ให้ทหารเก่าทยอยเกิดเเก่เจ็บตายไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ครบ1เเสนเอง555+อาจจะช้าหน่อยเเต่ได้ผลดีในอนาคต ผมก็เข้าใจ ก่อนที่ผมจะมาโพสผมก้คิด ว่า ครอบครัวเขาจะเป็นไง เเต่มันก็มีวิธีของมันอยุ่เพียงเเต่ว่าเรายังหาไม่เจอเเละยังไม่เริ่มก็เท่านั้นเอง (ความคิดปัญญาอ่อนมากๆ)
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตอบคุณSU35Thai:มีเยอะก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถป้องกันได้เสมอไป ไม่งั้น เราคงไม่เสีย พื้นที่มากมายให้ ฝรั่งเศล เพราะ เรามีกำลังมากว่าเเต่ไม่มีเทคโนโลยี ที่สามารถต่อกรได้ ตัวอย่างเยาะเเยะ ประเภทมีกำลังทหารมากกว่าเเพ้กองทัพที่มีทหารน้อยกว่าเเต่มีเทคโนโลยีหนือกว่า
(ต้องขออภัยในบ้างคำพูด)
เเก้ไข
ตอบคุณSU35Thai:มีเยอะก็ไม่ใช่ว่าจะ สามารถป้องกันได้เสมอไป ไม่งั้น เราคงไม่เสีย พื้นที่มากมายให้ ฝรั่งเศล เพราะ เรามีกำลังมากว่าเเต่ไม่มีเทคโนโลยี ที่สามารถต่อกรได้ ตัวอย่างเยาะเเยะ ประเภทมีกำลังทหารมากกว่าเเพ้กองทัพที่มีทหารน้อยกว่าเพราะเขามีเทคโนโลยีหนือกว่า
ผมว่าถ้าลดเหลือ200000นายแล้วอีก100000ก็ตกงานซิครับแล้วลูกเมียเขาจะหาอะไรกินถ้าลดมันก็มีส่วนดีและส่วนเสียด้วยแต่ส่วนเสียนิซิครับมันจะกระทบไปยังครอบครัวของเหล่าทหารเกล้า
ขอแก้น่ะครับ300000เหลือ200000
ไปแล้วสมองผมพิมพ์ถูกแล้วจะแก้อีกขออภัยครับ
พอเข้าใจครับว่าอยากลดงบประมาณ เพื่อเสริมสร้างส่วนอื่น อันนี้ราชการพลเรือนก็ทำครับ โดยการปิดอัตราเก่า และลดการบรรจุข้าราชการใหม่ แต่ผลกลับไม่ค่อยดีเท่าไรคือพอกำลังคนลดงานก็งอกคือคนหนึ่งต้องทำสองหน้าที่ครับ ผลคือโครงสร้างไม่เปลี่ยนแต่คนลดงานทำไม่ทัน วิธีแก้คือเพิ่มลูกจ้างโครงการ กลายเป็น ลดราชการ เพิ่มลูกจ้าง แถมจ้างรายปี คนที่เก่งก็ออกไปที่ใหม่ให้เงินดีกว่า คนมาใหม่ก็ทำงานไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องจ้างบริษัทที่ปรึกษาทำ คราวนี้รายจ่ายยิ่งงอกครับ แต่อยู่คนละหมวดเท่านั้นเอง ถ้าจะให้ดีเพิ่มคุณภาพคนกับปรับปรุงระบบดีกว่าครับ ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถ้างานไปได้ระบบจะลดกำลัง(ลุกจ้าง)โดยตัวของมันเอง (แต่ถ้าเพิ่มคุณภาพเงินเดือนก็ต้องเพิ่มอยู่ดีไม่งั้นก็ไปเอกชนหมด)
แต่ผมมีคำถามนิดนึงไม่ได้จับผิดไรนะครับ คืออะไรทำให้คุณboomloveweb2 คิดว่า กำลังคน 300,000 มากไปครับ ถ้าดูจากระบบในตอนนี้ผมว่าน้อยไปด้วยซ้ำ ถ้าเทียบแนวชายแดนและปัญหา ผมว่ากองทัพน่าจะพยายามกำหนดให้เหมาะสมแล้ว
คิดซ่ะว่าเป็นการสร้างงานให้ประชาชนละกันนะครับ ถึงไม่รบกันหรืองบซื้ออาวุธน้อย แต่ประชาชน มีงานทำ มีแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิฐก็ดีไปอีกแบบ ที่ควรลดคือนายพล มากกว่าครับ
ลดขนาดกองทัพดีแล้วครับ เพราะเราก็มีหน่วยงาน ตชด. ที่รักษาชายแดน รวมถึงตำรวจเจ็ดหมื่นนาย และหน่วยงานอื่นๆ
ส่วนสถานการณ์ด้านแรงงานไทยขาดแคลนอย่างแรงงานอย่างหนักโดยเฉพาะแรงงานฝีมือ คิดว่าทหารที่ลาออกโดยสมัครใจก็ต้องเสริมทักษะวิชาชีพให้ครับ
ตอบ คุณnok43:ก็เป็นอย่างท่านว่าล่ะครับ ผมก้เป็นบุคคล คนหนึ่งที่อยากเห็นเทคโนโลยีของกองทัพก้าวหน้ากว่าที่เป็นอยู่เพราะ เทคโนโลยีพวก นี้จำเป็นต้องใช้เงิน
เเละ ถ้าเป็นอย่างท่านว่า ผมก็ขอขอบคุณในคำตอบดีๆ เเต่ผมก็ยังเเอบคิดอยุ่ว่า ทหาร300000นาย จะทำงานให้ประชาชนเต็มจำนวน300000เหมือนกับที่ประชาชนเสียภาษีเต็มจำนวนรึ ป่าว เเละฟังจากท่านพุด ผมก็ได้ทราบเเล้วว่า ทหาร300000นายได้ทำงานครบทุก300000นาย เเค่นี้ผมก็ดีใจเเล้ว เเต่ผมก็ยังยืนหยัดอยู่ว่า บางครั้งการตัดต่ำเเหน่งบางส่วน งานบางอย่างที่ดูเล็กๆน้อยๆไม่จำเป็น เพื่อเอาเงินส่วนนั้นมาซื้ออาวุธที่จำเป็น เเละทหารจะได้ใช้ได้อย่างทั่วถึง100เปอร์เซนต์ คัดคุณภาพดีกว่าที่จะคัดปริมาณ
ตอบคุณLatales :ผมได้ตอบ ท่านสมาชิก hoyflute ไปเล้วคับรบกวนคุณLatales เลื่อนขึ้นไปอ่านที่ผมได้ตอบท่านสมาชิกhoyfluteด้วยครับ ขอบคุณมากคับ
ผมเห็นด้วยกับคุณ sam นะครับ นายพลกองทัพไทยมีมากเกินไป พวกผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพทั้งหลายน่าจะให้เออรี่ออกเหมือนครูให้หมด เหลือไว้แต่ตำแหน่งที่มีหน้าที่ทำงานจริงๆ แล้วย้อนกลับไปดูว่าการรับนักเรียนนายร้อยจำนวนเหมาะกับงานที่จะรองรับหรือเปล่าถ้าจำนวนมากไปไม่สมดุลกับงานก็ปรับลดซะรวมถึงนายสิบและทหารเกณฑ์ด้วย
ผมขอยกตัวอย่าง อิสราเอล นะครับจำนวนน้อยกว่าชาติพันธมิตรอาหรับมากแต่มีเทคโนโลยีที่สูงกว่ายังสามารถชนะชาติอาหรับได้
เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา ทางกองทัพไทย และก็สำนักงาน กพ. ก็สนองนโยบายของรัฐบาลในการลดขนาดกองทัพ เพิ่มเทคโนโลยี ให้มากขึ้น ซึ่งก็สำเร็จลุล่วงได้ระดับดีทีเดียว
ยี่สิบปีที่ผ่านมา องค์การแบตเตอรี่ ของกองทัพก็โดนยุบ ; องค์กรฟอกหนัง ก็โดนยุบ ; ตอนนี้ล่าสุด หน่วยวิจัยของสามเหล่าทัพ ก็ไปขึ้นตรงกับ
องค์กรมหาชน ที่วิจัยด้านเทคโนโลยี ทางทหาร เพื่อเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาร่วมวิจัยด้วย
อันนี้คือวิวัฒนาการ ของการเพิ่มประสิทธิภาพกองทัพอะครับ ส่วนจะลดคน หรือไม่ สมัยนี้ไม่ใช่ประเด็นใหญ่ครับ คือต้องทำให้คน
ในองค์กร มีความรู้ ประสิทธิภาพมากขึ้นหลายเท่า คนสำคัญสุึดครับในองค์กรสมัยนี้ จนเรียกว่า Human resource เป็น human capital แทน....
ซึ่งเกิดเหตุการณ์ช๊อควงการราชการ ในช่วง พศ. 2535-2545 คือประเด็นอยู่ที่ กพ. ไม่ค่อยประกาศรับสมัคร ข้าราชการจบใหม่ระดับหัวกะทิมาทำงาน
หนุ่มสาวที่จบใหม่ช่วงนั้นก็ไปสมัครเอกชนกันหมด เพราะเงินเดือนดี รายได้คงที่ หลังจากนั้นมา ในวงการราชการ ก็มีคน
early retired กันเยอะพอควร คนแก่ออก รวมไปถึง สมองไหลไปอยู่เอกชนซะเยอะ
คนหนุ่มสาว ที่จบใหม่ ก็ไม่รับ ก็เกิด ช่องว่างระหว่างคนรู้เยอะคือ พวกอายุ 45-60 ปี ก็ออกหมด คนมีความรู้ประสบการณ์ ให้ขึ้นมาเป็นระดับหัวแถวในองค์กร ก็ขาดคนสิครับ เพราะไม่ได้รับสมัครข้าราชการมา สิบปี จะรับก็น้อยมาก
จนเกิดภาวะขาดคนเก่งๆอย่างหนัก พอจะมาจ้างคนเก่งทำงานในระบบราชการปัจจุบัน ก็เงินเดือนน้อย คนก็ไม่มาน่ะสิครับ
จนตอนหลัง ทาง กพ.เขาไม่ค่อยเน้นเรื่อง early retirement เพราะเจอความเสียหายหลายประการ มาเพิ่มประสิทธิภาพด้านคนซะมากกว่าครับผม
นี่คือที่มาว่าทำไมยุคหลังไม่ค่อยเน้น ลดคนเท่าไร.....
ขอแก้ไขจากคุณ sam เป็นคุณ spooky นะครับ อิอิ(พอดีอยู่ใกล้กันเลยหลง)
ผมควรเปลี่ยนชื่อกระทู้เป็น (เรามาช่วยกันคิดว่าทำยังไงกองทัพถึงจะมีเงินซื้ออาวุธมากขึ้น) ดีไหมล่ะเนี่ย
ช้าก่อนท่าน ผมไม่ได้ว่า 300,000 คนทำงานคุ้มนะครับ ผมว่า 300,000 สามารถทำงานที่มอบหมายได้สำเร็จครับ 300,000 คนนี่ทำงานจริง อาจจะแค่ 200,000 คนก็ได้ แต่ถ้าลด คนเหลือ 200,000 คนทำงานได้จริง จะอยู่ที่ประมาณ 150,000 คน ปัญหาอยู่ที่ระบบครับ ไม่ใช่จำนวน วิธีลดคนผู้ใหญ่เขาก็ทำแต่ทำแล้วในทางปฏิบัติมันไปไม่ค่อยได้ครับ พวกทำงานไม่เป็นอยู่ในระบบเยาะมาก แต่คุณจะเอาเขาออกยังไง ถ้าบอกตัด 100,000 ออก คนที่ออกคือคนที่มีที่ไปทำงานได้ แล้วก็เหลือพวกไม่มีที่ไปกับพวกกินอุดมการณ์ อีก200,000 คน คราวนี้งานที่มอบให้ ก็จะไม่สำเร็จครับ เพราะคนทำไม่พอ
การตัดตำแหน่งเล็กน้อย ก้อาจทำได้ครับ แต่ถ้าไม่มีการจัดระบบหรืออบรมก่อน มันก็เหนื่อยเหมือนกันครับ สมมุติผมมองว่าพลนำสารไม่มีความจำเป็นเพราะใช้เน็ตหมดแล้ว แต่ถ้าเจ้านายบอก ส่งเอกสารด่วน 100 ชุด ภายใน 24 ชม ให้ถึงมือ ถ้างั้นผมก็ต้องส่งเองเพราะตำแหน่งนี้โดนยุบไปแล้ว ส่งไปรษณีย์ ก็ไม่ทัน 24 ชม แฟก ก็ลายเซ้นไม่ได้อีกแถมไม่ใช่ตัวจริงด้วย ให้พวกช่วยกันส่ง งานหลักก็ไม่เสร็จ งานพิเศษก็ไม่ชำนาญ งานราชการมันต่างจากเอกชนครับ งานนโยบายมันเยาะ บางครั้งการมีคนเกินก็ดีกว่าขาด เพราะในยามฉุกเฉินแรงงานส่วนเกินพวกนี้สามารถช่วยให้งานเสร็จตามกำหนดได้ครับ
ผมคิดว่า ประมาณนี้ดีแล้วครับ ไม่มากไม่น้อย เราต้องดูเวียดนามด้วยครับ ทหารเค้า 8แสน นายครับ ของเราแค่นี้+ยุธโทปกรณ์ทันสมัย สู้ได้ครับ
ตอบคุณnok43:ถ้าเป็นอย่างท่านว่าผมก็คงไม่โต้เถียง เพราะได้เข้าใจเเล้ว ว่าส่วนที่เกิน ก็มีประโยชน์ในเวลาฉุกเฉิน อีก1ข้อที่ผมอยากถามท่านคือ ผมรู้สึกเหมือนได้ทหารมาตอบเองกับตัวไม่ทราบว่าท่านnok43เป็นทหารรึป่าว ทำไมรู้ข้อมูลได้ละเอียดเชียว
อยากจะลดส่วนไหนสมองหรือว่ากล้ามเนื้อ?
ลดขนาดกองทัพผมมองว่าเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่ว่าต้องค่อยๆเป็นค่อยไป โดยความเห็นส่วนตัวก้เริ่มจาก
1 ปลดตำแหน่งนายพล(กองเกินความจำเป็น)ทั้งหลาย(มีเยอะมาก ประเทศเล้กนิดเดียว แต่นายพลเยอะชิบ แถมตำแหน่งนายพลในกรุกินเงินเดือนกลับมากมาย ส่วนมากแล้วชอบออกรอบรีบปลดๆไปส่ะให้หมดๆเปลืองเบี้ยประชาชน)
2 รับทหารแต่ล่ะปีให้ลดน้อยๆลง และทหารเก่าๆก้ให้โอกาศเกษียนเร็วขึ้น (อย่าใช้งานเขาจนต้องแก่ตายเลย)
ผมว่า หากเราลดขนาดกองทัพลงได้จะส่งผลดีมากมาย(ดูสิชาติยุโรปปรับลดเอาๆ) ซึ่งเราจะได้มีเงินเหลือเพิ่มขึ้นอีกหน่อยในงบประมาณที่เท่าเดิมจะได้จัดหา อุปกรณ์ดีๆให้ทหารผู้น้อยได้ใช้ รวมถึงจัดสวัสดิการให้ทหารชั้นประทวนจนถึงสัญญาบัตรต่ำกว่านายพัน เพื่อบำรุงขวัญทหารที่มีภาระเยอะแต่เงินเดือนต่ำ รวมถึงอยากให้ดุแลทหารพรานให้ดีกว่านี้สักหน่อย
แต่ว่าคงเป้นไปไม่ได้มั้งครับ เพราะเห็นดันแล้วดันอีกดื้อแล้วดื้ออีก จะจัดตั้ง พล.ม.3 กับ พล.ร.7 ไม่รู้จะตั้งมาให้เยอะทำไม แค่นี้ก้แถบจะมีแต่กองพลเปล่าๆแล้วกำลังพลยังไม่เต็มหน่วยเลย
สงสัยประเทศเราคงส่งออกน้ำมันกับทองคำกระมัง เงินเลยเหลือมาตั้งนู้นตั้งนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ไปๆมาๆบอร์ดเริ่มเละ
แถวบ้านคนเสื้อแดงเยอะ ทหารโดนด่าออกทางวุทยุชุมชนทุกวี่ทุกวันคือขอให้ได้ด่าทหารเป็นพอ ฟังมาก็แบบนี้(ตอนนี้ว.ชุมชนโดนปิดไปแล้ว)
ผมก็เห็นด้วยกับ จขกท เรื่องการปรับลดกำลังพลลงครับ
ส่วนการปรับตามความเห็นของคุณ ลมหมุนวน นั้นเป็นทางออกที่ดีทางหนึ่งเลยในความคิดผม
เพราะตอนนี้ งบประมาณลงไปเท่าไร 80 % จ่ายเป็นเงินเดือน เหลือแค่ 20 % ไหนจะซื้ออาวุธใหม่ไหนจะค่าบำรุงรักษาของเก่าอีก
ทุกวันนี้ เค้าก็มีขั้นตอนในการปรับลดอัตรากำลังพลอยู่แล้ว อาทิเช่น งดแต่งตั้งตำแหน่งประจำ ตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิ ทำให้การขยับขึ้นของหลายๆ ตำแหน่งเพื่อยศที่สูงขึ้นถูกดองเค็มไป แต่เงินเดือนสามารถไปกินข้ามแท่งได้ หมัดเด็ดก็คือ โครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด แต่ติดตรงที่งบประมาณการจ่ายค่าตอบแทนที่ควรจะได้รับมันมีน้อยก็เลยมีการจำกัดจำนวนคนที่ต้องการเออรี่ให้สอดคล้องกับปีงบประมาณ เอาตัวอย่างการปรับลดอัตรากำลังพลของที่ทำงานผม หน่วยเล็กๆ อัตราเต็ม 120 คน บรรจุจริง 36 คน สัญญาบัตร บรรจุจริง 4 คน ประทวน 27 ลูกจ้าง 5 ทำงานเกี่ยวกับซ่อมบำรุงอุปกรณ์หลัก ชุดส่งกำลัง ระบบไฮดรอลิกค์ เครื่องบยนต์ ไฟฟ้าเครื่องวัด สื่อสารสรรพาวุธอิเล็กทรอนิกส์ ให้กับเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอากาศทั้งหมด ผมเห็นน้องนั่งรื้อชุดส่งกำลัง ยืนรื้อเครื่องยนต์ ทุกวันนี้ปริมาณงานมากกว่าคน จนระดับนายพันต้องลงมาช่วยจ่าอากาศทำงาน ถึงตรงนี้ มีคนเชื่อผมบ้างรึป่าวล่ะ?
หากจะปรับลดกันจริง คงต้องรื้อโครงสร้างอัตากำลังใหม่ละครับ
คือกลับไปดูไปวิเคราะห์กันอีกทีว่า แต่ละงานแต่ละหน่วยงาน ปริมาณงานที่มีต้องใช้กำลังคนในแต่ละหน้าที่จำนวนเท่าไหร่โดยต้องได้คุณภาพงานในเวลาที่กำหนด คือไม่เสียงานนะครับ ทำอย่างนี้กับทุกหน่วยงานจะดีกว่า รับรองว่าจะมีทั้งที่สมควรต้องลดหรือต้องเพิ่ม (ไม่ใช่ลดอย่างเดียว)
การลดกำลังพลโดยโยนสัดส่วนเป็นเปอร์เซ็นต์ให้แต่ละหน่วยงานไปปฏิบัติ มันไม่ค่อยถูกต้องหรอกครับ แต่ควรต้องดูเป็นหน่วยๆ ไป แล้วก็ต้องสร้างคนเผื่อไว้สำหรับอนาคตด้วย หากปริมาณงานมันเพิ่มขึ้นกระทันหันหรือย่างรวดเร็ว ไม่เตรียมคนที่มีทักษะไว้บ้างมันก็จะเกิดปัญหาขาดแคลนบุคลากรอีก
อย่างตอนนี้ผมก็อยากทราบเหมือนกันครับว่า จริงๆ แล้วเอาเฉพาะของ ทบ. เนี่ย แบ่งกำลังกันไปดูแลสามจังหวัดใต้ ไปดูแลชายแดนด้านตะวันตกทั้งเรื่องผลกระทบจากการปรามชนกลุ่มน้อยของพม่าและการต่อสู้กับการขนส่งยาเสพติด ไปป้องกันพื้นที่ด้านติดกับเขมร หากทั้งสามด้านนี้มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นพร้อมหรือในเวลาใกล้เคียงกัน กับลังพลรบที่เราเตรียมเราฝึกไว้อยู่จะเพียงพอต่อการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ ยิ่งถ้ายืดเยื้อแบบสามจังหวัดใต้ ต้องมีการผลัดเปลี่ยนกำลังพลเป็นตามวงรอบหรือทดแทนที่สูญเสีย จะเอากำลังจากที่ไหน (ไม่นับรวมกำลังรบของ นย. ตชด. ตำรวจพลร่ม นะครับ เอาแต่ที่สังกัด ทบ.) หรือว่าเราสามารถฝึกกำลังพลอย่างทหารพรานเข้ามาทดแทนเพิ่มเติมได้เร็วกว่าทหารประจำการ อันนี้สงสัยจริงๆ ครับ...
เป็นราชการพลเรือนครับ ส่วนหนึ่งเป็นปัญหาที่เจอโดยตรงจากการลดอัตรา กับที่ได้ฟังมาอีกที ซึ่งผมว่าจำนวนอัตรากำลังปัจจุบันคือผลจากระบบครับ ผมไม่โทษว่ารัฐบาลไหนทำมันก็เหมือนกันหมด เอกชนก็มักมองว่าราชการเช้าชามเย็นชาม ไม่ทำไรเลย บอกตามตรงคนประเภทนั้นก็มีครับ แต่คนที่ทำงานหนักก็มีเหมือนกันทำชนิดที่เอกชนยังสู้ไม่ได้แถมเงินเดือนน้อยกว่าด้วย แต่พอโดนด่าก้มักโดนเหมารวม พวกเช้าชามเย็นชาม ก็ไม่รู้สึกไรเพราะเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่คนที่ทำงานหนักบางครั้งก็หมดกำลังใจเหมือนกันครับ สุดท้ายเลือกตั้งครั้งนี้ก็ขอให้ได้คนดีเข้ามาเยาะๆจะพรรคไหนก็ได้ครับ ถ้าคนดีเข้ามาก็จะช่วยแก้ปัญหาได้ไม่มาก็น้อย
ถ้าท่านมีโอกาศได้ทำงานรับราชการทหารท่านจะได้รู้ว่า ทำไม่ทหารมีน้อยจัง ไม่มีใครมาแบ่งงานเลย ทำงานไม่ได้พัก
จริงๆสัดสว่นบุคคลากรมันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการปฎิบัติงานด้วยนะครับไม่ใช่จะมาตั้งกันมมั่วๆนึกอยากเอาเท่าไหร่ก็ได้
ลองคิดดูว่ามีความจำเป็นอะไรที่กองทัพจะต้องมาแบกรับค่าใช้จ่ายเพิ่มถ้ามันไม่จำเป็นจริงๆทุกวันนี้ก็รัดกันจนไส้กิ่่วแล้ว
หากมีการลดกำลังพลแล้วทำให้ความสามารถในการปฎิบัติงานลดลงกก็ไม่มีใครเค้าทำหรอกครับสรุปง่ายเลย ว่าไม่ใช่ไม่อยากหรอกครับแต่มันจำเป็นต้องคงไว้ ไม่งั้นหากเกิดเหตุฉุกเฉินแล้วจะมาเกณท์ชาวบ้านกันตอนนั้นจะเอาอย่างนั้นเหรอครับ
เออ เพื่อนผมมันเป็นเซลเพิ่งจะถอยรถมาใหม่่อีกคันแต่มันก็ยังเก็บคันเก่่าไว้ผมก็เคยถามมันว่าทำไมไม่ขายจะได้เอาเงินไปทำอย่างอื่นมาจอดทิ้งไว้เฉยๆทำไม มันก็บอกว่ามันทำงานต้องใช้รถประจำเกิดคันนึงเสียจะได้มีรถสำรองใช้ทันทีไม่งั้นงานเสียหมดแถมยังให้ลูกน้องยืมใช้บ้าง อ้อแถมอีกหน่อย มันก็เหมือนกับการพกถุงยางละครับ(อิๆ)มีเอาไว้แล้วไม่ได้ใช้ดีกว่าถึงเวลาจะใช้แล้วไม่มีฮ่าๆ
เห็นกระทู้นี้เงียบลงไป ก็เลยเข้ามาสุมเชื้อไฟซะหน่อย เหอๆๆ
ตอบท่าน ลมหมุนวน ขอเจาะจงลงมาเป็นหน่วยงานที่ผมรับราชการอยู่ปัจจุบันนี้ครับ ผมไม่สามารถตอบแทนกองทัพอากาศได้ว่ามีทิศทางการจัดสรรหรือเกลี่ยกำลังพลเพื่อให้สอดคล้องกับการลดกำลังพลตามนโยบายกระทรวงกลาโหมได้ และผมก็ไม่เข้าใจว่า ท่าน boomloveweb2 ต้องการให้มีการลดกำลังพลกองทัพใด ในส่วนใด เพราะในกระทรวงกลาโหม นอกจากจะมีจะมีเหล่าทัพต่างๆ อันประกอบด้วย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และ ยังมี กองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งมีหน่วยงานภายในที่ปฏิบัติภารกิจคล้ายกับเหล่าทัพ อีกด้วย
ตอบท่านพี่เสือใหญ่ แนวคิดพี่ที่กล่าวว่าต้องรื้อโครงสร้างใหม่พี่กล่าวถูกต้องแล้วครับ ทางกองทัพโดยเฉพาะกองทัพอากาศ และ กองบัญชาการกองทัพไทย(เดิมคือ กองบัญชาการทหารสูงสุด) มีการปรับโครงสร้างและใช้อัตราโครงสร้างใหม่กันตั้งแต่ปี ๕๒ ล่าสุดเห็นทาง กองอำนวยความรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.)ก็ปรับโครงสร้างใหม่ถ้าจำไม่ผิด เพื่อลดสายการบังคับบัญชาให้สั้นลงและตำแหน่งที่ไม่สำคัญก็ถูกตัดออก ส่วนการปรับโครงสร้างของกองทัพอากาศไม่มีผลกระทบต่ออัตราเต็มในหน่วยงานที่ผมรับราชการอยู่ แต่มีผลการในบรรจุกำลังพลเพิ่ม คือ ไปที่ต้นน้ำกำลังพลส่วนใหญ่มาจากโรงเรียนจ่าอากาศ ซึ่งมีการผลิตต่อปีน้อยลงกว่าจะสำเร็จการศึกษาและขออัตราบรรจุแปลผกผันกับจำนวนข้าราชการที่เข้าโครงการเกษียณอายุกับข้าราชการที่ครบวาระเกษียณอายุต่อปี สั้นๆ เกษียณออกไปเยอะกว่าบรรจุเข้ามา ก็ต้องรอกันปีต่อปี และการจะสามารถปฏิบัติงานทดแทนกันได้ ก็ต้องอาศัยประสบการณ์การทำงานซึ่งก็ต้องอาศัยระยะเวลาที่ไม่แน่นอน บางคนเป็นงานเร็ว บางคนเป็นงานช้า ก็จะส่งผมโดยรวมในการปฏิบัติงานของหน่วย มันเป็นผลกระทบระยะยาวหรือสั้น ก็ต้องรอการประเมินกันสักระยะ
ตอบท่าน Nok43 ความคิดเห็นของท่านผมเห็นด้วยครับ คนภายนอกกับคนภายในองค์กร มีมุมมองที่แตกต่างกันจริงๆ คงยากที่จะปรับความเข้าใจตรงกันครับ สรุปว่าก็ทำหน้าที่ของเราไปอย่าได้แคร์ ถ้าคิดว่าเราปฏิบัติราชการได้ถูกต้องตรงตามหน้าที่ๆ เรามี ก็ทำไปครับ ผมเป็นข้าราชการแต่ผมก็ไม่เคยไปดูถูกดูแคลนอาชีพสุจริตอื่นๆ แม้เค้าจะมองเราว่าด้อยหรือด้อยกว่าเราก็ตาม สู้ๆ ครับ
ถ้า จขกท. หมายถึง ต้องการจะลดกำลังพลของกองทัพบก ถ้าแลกการที่ชายไทยต้องผ่านการเกณฑ์ทหารทุกคนไม่มีข้อยกเว้น และเพิ่มระยะเวลาการประจำการเป็น ๓ ปี โดยปีสุดท้ายเป็นการปฏิบัติงานราชการสนามตลอดปี มีการเรียกตรวจพลพร้อมรบภายใน ๔๘ ชั่วโมง หลังจากการปลดประจำการเป็นทหารกองเกิน เมื่อมีสถานการณ์ส่อหรือล่อแหลมในการเกิดสงครามทั้งจากภายในและที่มาจากภายนอกประเทศ เหตุผลก็เพื่อชดเชยประสิทธิภาพของกำลังพลรบหลักที่ลดจำนวนลง เพื่อคงประสิทธิภาพในการรบของกองทัพ ผลกระทบก็ต้องตกอยู่กับเราทุกคนโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ คุณผู้ชายทั้งหลายท่านต้องการแลกด้วยไม๊...? เป็นแค่แนวคิดของผมเองนะครับไม่ได้ไปลอกนโยบายกองทัพมา เหอๆๆ
http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_countries_by_number_of_active_troops
ดูจาก list ประเทศ ที่ทหารประจำการอยู่จะเห็นได้ว่า เรามีทหารมากกว่า
ซาอุ ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย เยอรมัน อังกฤษ แคนนาดา(อันดับที่ 16)
แต่ที่ในแง่ประสิทธิภาพน่าจะยังเทียบคนอื่นไม่ได้
ความเห็นของผมซึ่งเป็นพลเรือนนะครับ ประเทศที่ใหญ่กว่า มีภัยคุกคามมากว่า
มีปฏิบัติทางการมหารสูงกว่า ยังมีจำนวนทหารน้อยกว่าเราได้ และยังสามารปฎิบัติภารกิจได้
เราควรศึกษาว่าคนอื่นทำกันอย่างไร ดีกว่านะครับ เห็นด้วยกับ จขกท ครับ
ดูจากรายชื่อที่ท่าน bsis120 ว่าแล้ว ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย อังกฤษเป็นเกาะ ซาอุ กับเยอรมัน มีฐานทัพ พี่กันอยู๋แคนาดาไม่ต้องพูดถึงครับประชากรเค้าน้อยกว่าเราแถมมีพี่กันติกก้นอยู่แล้วไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับพวกยุโรปเค้านะครับสภาพแวดล้อมปัจจัยต่างๆมันไม่เหมือนกันเลยเอาไปเทียบกันได้ไง ลักษณะความจำเป็นแตกต่างจากบ้านเราที่มีเพื่อนบ้านเพี้ยนๆอยู่ทั้งสองฝั่งใหนจะทางใต้อีก
จริงๆไม่ใชไม่เห็นด้วยนะครับเพราะถ้าลดได้มันก็ดีแต่ไม่ใช่จะลดเพราะอยากประหยัดเงินอย่างเดียว หลายประเทศที่เค้าไม่ใช้กำลังพลมากเพราะเค้ามีเทคโนโลยีที่สามารถลดการใช้คนได้คือการเพิ่มประสิทธิภาพต่อหน่วยให้สามารถครอบคลุมภาระกิจให้มากขึ้น
อย่างบ้านเราอีกหน่อยสามารถพัฒนาเป็นกองทัพดิจิตอลสมบูณน์แบบได้เมื่อไหร่ความจำเป็นในการมีกำลังพลจำนวนมากคงลดลงเอง
ผมเห็นด้วยกับคุณbsis120ครับเเต่ทำไมเราไม่เริ่มลดมันซ่ะตอนนี้เลยล่ะ ต่างประเทศเขายังทำได้ทำไมเราทำไม่ได้ล่ะ ก็เอาเงินส่วนที่ใช้เป็นเงินเดือนของทหารที่ปลดอออก มาซื้อคุณภาพเเละเทคโนโลยีให้มันดีขึ้นสิ เเถมเวลาออกรบถ้ามีอาวุธ ยุโธปกรณ์ดีๆ มันก็ลดอัตราการเสี่ยงที่จะเสียชีวิต ข้อนี้มันก็ได้ผลเต็มๆกับทหาร เชื่อผมเถาะ คิดซ่ะว่าเอาเงินส่วนที่ได้ไปซื้อความปลอดภัยให้ทหาร เเละก็เอาเงินไปซื้อเทคโนโลยีมาเเทนงานเล็กๆน้อยตัวเลือกมันมีอยุ่เเต่ เราไม่คิดจะเลือกก็เท่านั้น ทุกเรื่องทุกปัญหามีทางออกถ้าจะลดจริงๆผมว่าลดได้ยังไงก็ได้ เเต่ประเด็นคือทหารกลัวจะได้งานมาเพิ่ม กลัวจะต้องทำงานหนัก ผมตอบถูกไหม สัดสั่วนงบ80:20ผมบอกตรงๆทุเรสมาก ทำยังงี้นี้เหรอเรียกทหาร สัดส่วนเเบบเนี่ยเห็นความสบายของตนเป็นหลักชัดๆ ถ้า60:40นี้ก็เยาะมากเละ ประชาชนสมัยนี้เขาไม่ได้โง่น่ะว่าไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เเต่ก็ต้องยอมรับว่าทหารทำงานจริงดีจริงยังคงมีอยู่มาก ประเด็นของผมคือต้องการเอาพวก นั่งสบายกินเงินเดือนภาษีประชาชนไปวันๆ ออกไปจากหน้าที่ เวลาเราพูดในเว็บบอร์ดว่ากองทัพประเทศนั่นดีอย่างงุ้นดียังงี้ เเต่ทำไมเราไม่หันกลับมามองประเทศไทยเราด้วยล่ะ ว่าเราอยากทำให้กองทัพไทยเป็นเเบบที่เราชื่นชมหรือป่าว(ขอโทษในบางคำพูด)
ก่อนอื่นต้อง ถามว่า กำลังพล 300000 พอเพียง กับความต้องการแล้วรึเปล่าน่ะครับ ถ้าลองมองในหลายๆ ด้าน ประเทศเราไม่เหมือนกับหลายๆ ประเทศที่ปรับลดกำลังพลลง หรืออย่าง list ที่คุณ bsis120 กล่าวถึง
ยกตัวอย่างประเทศที่ลดกำลังพลลง ไ่มว่าจะ เคนาดา หรือว่าแม้แต่ อังกฤษเราลองมองว่า ประเทศเหล่านี้ ตั้แต่ยุคสงคราวโลกครั้งที่สอง ยังไม่เคย รบสงครามจริง รอบๆ พรมแดนของตัวเองเลยน่ะครับ หรือ แม่ว่าเคนาดา จะมีกองกำลัง ป้องกันตนเองที่น้อยมาก แต่ต้อง ยอมรับว่า มีพี่ใหญ่ อเมริกาคอยคุมเชิงให้ ตลอด เรียกว่าจะเป็นประเทศเดียวกันอยู่แล้ว
หรือลอง มองที่ประเทศซาอุ หรือ ญี่ปุ่น ประเทศเหล่านี้ มีประเทศที่ มีส่วนได้เสีย ในแหล่งทรัพยากร หรือว่า ผลประโยชน์คอยคุมเชิง ให้ เสมอ หรือญี่ปุ่นที่มีกำลังทหารไม่ได้เพราะ ติดสนธิสัญญาอยู่
หรือจะมองในประเทศ ที่เป็น EU ต้องยอมรับว่า ประเทศพวกนี้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว การ ติดต่อสื่อสารหรือ ด้านต่าง เค้าเรียกว่า เป็นประเทศ EU เลยดีกว่าครับ ไม่มีการกระทบกระทั่งกัน ทางพรมแดนกันเลย การคงกองกำลังมากๆ ไว้ก็ไ่ม่มีประโยชน์
หรือเหตุผลสำคัญที่ประเทศเหล่านี้ไม่มีการคงกองกำลังใหญ่ๆ ก็เพราะว่า รูปแบบของสงครามเป็น รูปแบบ การรบนอกบ้าน จะเห็นว่า ตั้งแต่ ยุคสงคราวโลกครั้งที่สองมา ประเทศเหล่านี้จะ ป้องกัน ตัวเองโดยการใช้ ยุทธวิธี การรบน้องบ้านแทบทั้งสิ้น อเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศษ กองกำลังส่วนใหญ่จะเป็นในรูป หน่วยปฏิบัติการพิเศษ เป็นส่วนใหญ่ ในรูปแบบ จำนวนน้อยแต่ ไปรบนอกบ้านเอา
ลองย้อนมาดู ประเทศไทยที่ ที่รอบๆ บ้านเรา มีซักประเทศไหม ที่เราจะเรียกว่ามิตรแท้ของประเทศเรา ที่จะคอยช่วยเราในยามคับขันเมื่อ กำลังพลเราไม่พอ หรือ ว่าแม้นแต่ เราโดนรุมกินโต๊ะจากประเทศเพื่อนบ้าน กองกำลัง 300000 นาย คิดว่าจะพอรึป่าวครับ ลองดูในปัจจุบััน ต้องส่งไปรักษาความสงบภาคใต้กี่หมื่นนาย หรือภาคเหนือต้องคอยตระเวณชายแดน รักษาความสงบไม่ให้ยาบ้าเล็ดลอด เข้ามาได้ ขนาดกำลังพลขนาดนี้ ยาบ้ายังเต็มบ้าน หรือว่าภาคตะวันออกที่นับวัน ภัยคุกคามยิ่งรุนแรงขึ้นตลอด ประเทศทางภาคใต้ของเราก็มีการสะสมกองกำลัง มากขึ้นเรื่อยๆ
ลองคิดดูว่าถ้ากำลังพลเรา เหลือแค่ 200000 นาย ทั้ง บก อากาศ เรือ ตีเป็นกำลังทางบก เหลือแค่ 100000 กว่านาย กับ ภัยคุกคามรอบบ้าน ว่าพอรึเปล่าครับ
ขออภัยที่พิมพ์ผิดเยอะมากครับ
200000พอครับ ถ้าเรามีเทคโนโลยีที่ทันสมัย กองทัพที่ทันสมัย เราจะใช้เทคโนโลยีเเทนคน เพื่อลดอัตราการเสี่ยงชีวิตของทหาร ตัวอย่างเช่นการใช้หุ่นยนต์กู้ระเบิด ทหารก็คนน่ะครับ มีลูกมีเมีย มีครอบครัวทางที่ดี หาเงิินไปซื้อความปลอดภัยเหมือนผมว่าเถอะ ทหารเยาะก็ไม่ใช่ว่าจะดีเเต่ถ้า ทหารเยาะเเล้วมันมียุธปกรณ์ที่เพียงพอ อาวุธที่ทั่วถึง ไม่ล่าสมัยผมก็ไม่มีทางคิดเรื่องลดขนาดกองทัพ เเต่ที่เป็นอยู่คือกองทัพถึงจะมีทหารถึง300000เเต่ก็ไม่ได้สมบูรณ์ไปด้วยอาวุธยุโธปกรณ์ที่ทันสมัย เเถมมีคนเยาะก็ยิ่งทำให้อะไรมันดูล่าช้าไปหมด หลักการของผมคือ ใช้เทคโนโลยีเเทนคน คน1คนกว่าจะเกิดมามันไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับผมชีวิตทุกชีวิตมีค่า ผมยังขอย่ำอีก1ทีคือถ้ากองทัพขนาด300000นายมีอาวุธพร้อม เทคโนโลยีพร้อม ประสิทธิภาพของทหารพร้อม ความเป็นทหารพร้อม ผมก็จะไม่คิดตั้งกระทู้เเบบนี้หรอก เเละผมก็จะขอยกตัวอย่างเช่นกันว่าทำไม เราเเพ้กองทัพ ญี่ปุ่น เเละ ฝรั่งเศล ที่มีคนน้อยกว่าหลายเท่า นั่นก็เพราะ เราขาดอาวุธที่ทันสมัย เราต้องยอมก้มหัว ให้ฝรั่งเศล เเบ่งดินเเดนเราไปเรื่อยๆทั้งที่มันเคยเป้นของเรา นี้เหละคือตัวอย่างที่ชัดเจนว่าถึงมีคนน้อยเเต่ถ้ามีเทคโนโลยีที่ทันสมัยก็สามารถเอาชนะกองทัพที่มีคนเยาะกว่าหลายเท่าได้
เเล้วไม่ต้องถามน่ะว่าผมจะรับผิดชอบกับทหารที่โดนปลดไหม เพราะ พวกนี้เขาควรรรู้ตัวของเขาอยู่เเล้วว่าทำไมเขาถึงโดนปลดออก จริงๆไม่จำเป็นต้อง100000ก้ได้เเต่เท่าที่เห็นในปัจจุบัน พวกที่ทำงานไม่จริงก็น่าจะประมาณนี้เละ ผมถึงได้ตั้งขึ้นว่า ปรับจาก300000นายเหลือ200000 เพราะผมยังเห็นทหารที่ทำงานจริงๆ เป็นส่วนใหญ่อยู่
เยาะหรือเยอะครับ
ขอเเก้เป็น เยอะ น่ะครับ ขอบคุณท่าน nok มากครับ
ตกงานกันเป็นแสน รัฐบาลงานงอกสิครับท่าน คิดกันง่ายๆ อย่างงี้ เลือกตั้งรอบหน้า อย่าคิดจะได้เป็นรัฐบาลอีกเลย 5 55+ กับการแค่ซื้ออาวุธถึงกับต้องปลดกำลังพล รัฐบาลต้องพิจารณาตัวแล้วครับ ว่าใครไร้ความสามารถ ว่าแต่รัฐบาลไหนจะกล้าทำล่ะเนี๊ยะ เอวัง
ที่มาของภาพประกอบ กำลังพล ทบ. และ wikipedia
300000 ผมว่าน่าจะเป็นอัตรามากกว่า บรรจุจริงอาจไม่ถึงด้วยซ้ำ (เพราะติดในเรื่องของงบประมาณ)
ส่วนตัวผมคิดว่าการปรับลดกำลังพลเป็นสิ่งที่ดี คือช่วยลดงบประมาณกองทัพ แต่ผลเสียมันก็มีอยู่
สมัยโซเวียตล่มสลายใหม่ๆ ก็มีการปรับลดกำลังพลครั้งมโหฬาร กพ.กว่า 40000 นาย ตกงาน
บางส่วนก็ไปเป็นอาชญากร มาเฟีย เป็นปัญหาสังคมอีก เพราะฉะนั้นถามว่า ปรับลดได้ไหม คำตอบคือได้
แต่ปลดแล้ว มีแผนรองรับกำลังพลเหล่านั้นหรือไม่
ปล.เลี้ยงทหารพันวัน ใช้งานวันเดียว
ตอบ ท่าน notopo ผมก็ไม่ได้มีแนวคิดต่อต้านการลดอัตราการบรรจุกำลังพล แต่ผมติดใจอยู่ตรงจะปลดเป็นแสนโดยไม่มีเยื้อใยนี่สิครับ กองทัพก็มีโครงการเกษียณอายุราชการและลดบรรจุอัตราการบรุจุกำลังพลอยู่แล้ว ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องออกคำสั่งปลดกำลังพลทีเดียวเป็นแสนคนโดยไม่มีแผนรองรับ
ส่วนการเปรียบเทียบอัตรากำลังพลของ wikipedia ผมก็ตัดประเทศที่มีการกล่าวถึงและเพิ่มประเทศมหาอำนาจกับประเทศที่มีความตรึงเครียดที่จะเกิดสงครามให้เห็น ให้ลองเปรียบเทียบอัตรากำลังพลประจำการ(Active)กับกำลังพลสำรอง(Reserve) ว่าเค้ามีการจัดสรรอัตรากันแบบไหน พยายามสื่อว่า ถ้าคุณไม่ต้องการมีกำลังรบหลักมาก คุณก็ต้องไปเพิ่มอัตรากำลังสำรองให้มากขึ้นด้วย เพื่อให้มีปริมาณและคุณภาพเพียงพอต่อศักยภาพของกองทัพ
ส่วนเรื่องจัดซื้ออาวุธสุดท้ายมันอยู่ที่ปลายปากกาผู้บริหารบ้านเมืองและกลุ่มคนที่ได้รับผลประโยชน์ร่วม อย่าที่มีสำนวนล้อเลียนว่า คนซื้อไม่ได้ใช้ คนใช้ไม่ได้ซื้อ ก็เท่านั้น จะแก้ไขก็ต้องแก้ไขกันทั้งหมด ต้องตอบคำถามให้ได้ว่า ทำไมเราถึงต้องมีกำลังพลเยอะจนต้องมีการลด ส่วนไหนเยอะเกินความจำเป็น ส่วนไหนที่ยังขาดแคลน ส่วนไหนที่ต้องการพัฒนา ไม่ใช่เอะอะก็จะปลดทีเป็นแสนโดยไร้เยื่อใย กว่าจะฝึกกันมาจนได้รับราชการ ก็เสียเหงื่อไปหลายปี๊บ มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ