อยากให้เปรียบเทียบด้าน สาธารณูปโภค การคมนาคม การสื่อสาร วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี เศรษฐกิจ และการทหาร
1. เมืองหลวง : เมืองหลวง
2. ส่วนภูมิภาค : ส่วนภูมิภาค
3. ภาพรวมทั้งประเทศ
ขอบคุณครับ
เคยไปมาเลเซียเหมือนกัน ความเจริญก้าวหน้า ผมว่าเมืองหลวงเค้าดีกว่าเรา แต่ต่างจังหวัดผมว่าไม่ต่างจากเรา || ไม่แน่นะครับอีก 10 ปีข้างหน้าอาจจะมีลูกหลานมาตั้งกระทู้ถาม ลาวเจริญกว่าไทยกี่ปี ? เขมรเจริญกว่าไทยกี่ปี ? เวียดนามเจริญกว่าไทยกี่ปี ? ถึงเวลานั้นผมคงไม่ตอบ อายลูกหลาน
## เห็นท่านบนๆพูดเรื่องขุดคลอง เลยมีคำถามขึ้นในใจ 1.ใครจะสั่งขุด 2.ใครจะกล้าอนุมัติ
เอาตรงๆเลยครับผมว่าเราเหนือกว่าเขาทุกอย่าง ยกเว้นการเมืองกับวิสัยทัศย์ผู้นำ(ขอนิดนึงนะครับadmin)แต่ไอ้สองอย่างนี่หละครับตัวถ่วงให้เราตามหลังเค้าเฮ้อ
ตอนนี้เราเสียประเทศอื่นอย่างเดียวคือ การเมืองๆ จริงๆแหละทำให้คนไทยแตกความสามัคคี
ตอนนี้เราเสียประเทศอื่นอย่างเดียวคือ การเมืองๆ จริงๆแหละทำให้คนไทยแตกความสามัคคี
ระดับการพัฒนาใกล้เคียงกันทุกๆด้านครับ เมืองหลวงของเขามีประชากรราวๆ 5.5 ล้านคน ในขณะที่ กรุงเทพมีราว 12 ล้านครับ
ส่วนในระดับภูมิภาคนั้น เรามีเมืองขนาดใหญ่ที่มีอัตราการเติบโตของเขตเมืองแบบก้าวกระโดดอยู่ 4-5 เมืองครับ คือ ชลบุรี-พัทยา เชียงใหม่ หาดใหญ่-สงขลา ขอนแก่น โคราช เมืองเหล่านี้คงมีประชากรไม่น้อยกว่า 1.5-2 ล้านคนในไม่เกิน 20 ปี ส่วนมาเลเซียนั้นเมืองหลวงของรัฐแต่ละแห่งก็มีประชากรหลายแสนครับ คิดว่า 20 ปีข้างหน้าก็มีขนาดใกล้เคยงกับเมืองใหญ่ๆของเราเช่นกัน
สาธารณูปโภคพื้นฐานของเรากับเขาก็ไม่หนีกันมากหลอกครับ ยกเว้นฝั่งมาเลย์เซียตะวันตกที่เจริญช้ากว่ามากอยู่
ความสามารถทางอุตสาหกรรมไม่หนีกันครับ แต่เสกลการผลิตเรามีขนาดใหญ่กว่า บางอย่างใหญ่กว่ามาก เช่นอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ที่เป็นรองเขาก็คือ อุตสาหกรรมน้ำมันครับ เนื่องประชากรเรามีจำนวนมากกว่ามาก ดังนั้นแค่ขายในบ้านเราก็ยิ้มแล้วครับ ดังนั้นในระยะยาวถ้าเราไม่สะดุดขาตัวเองเรื่องการเมืองแล้วล่ะก็จะเริ่มเห็นความแตกต่างกันมากขึ้นครับ
ในอดีตกาลนักการเมืองของเราเคยมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และรักประเทศชาติมากกว่าสมัยนี้เยอะมาก
สมัยนี้เรามีแต่นักการเมืองที่รักประเทศชาติจนน้ำลายไหล ยอมทุ่มเงินซื้อเสียง
ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เข้าสภา เพื่ออะไรกัน คงไม่ใช่เพื่อชาติและประชาชนแน่ๆ
(ผมไม่ได้ว่าร้ายใครเป็นการเฉพาะนะคร๊าบ ถ้าท่านเห็นว่านักการเมืองไทยดีเลิศประเสริฐศรีก้อลบคห.ผมได้เลยครับ)
ที่เห็นเขารวยกว่าเราเมื่อดูเฉลี่ยต่อหัวต่อคนต่อปี เป็นเพราะเขามีน้ำมันใช้โดยไม่ต้องนำเข้าแถมส่งออกได้นิดหน่อย แต่วันข้างหน้าถ้า.....ถ้าเรากับเขมรตกลงเรื่องผลประโยชน์ในบ่อน้ำมันที่อยู่ในพื้นที่ทับซ้อนเมื่อไร เราอาจจะไม่ต้องนำเข้าน้ำมันก้ได้ครับ เพราะปริมาณสำรองในพื้นที่เจ้าปัญหานั้นมีมากกว่าที่มาเลย์มีครับ นี่ยังไม่นับที่ฝั่งอัยดามันที่เริ่มทำการสำรวจ ถ้าเรานำน้ำมันเหล่านั้นขึ้นมาใช้ได้เมื่อไหร่ ประเทศไทยประหยัดเงินได้ปีละกว่าล้านล้านบาท
โครงการที่ดูแล้วในอนาคตเราจะไปไกลกว่าเขาเพราะเนื่องจากข้อได้เปรียบในที่ตั้งประเทศและขนาดประชากรก็เช่น อุตสาหกรรมอากาศยาน เพราะเป็นศูนย์กลางการเดินทางทางอากาศ และมีโครงการจะทำให้ดอนเมืองเป็นศูนย์ซ่อมอากาศยานที่ใหญ่และทันสมัยที่สุดในภูมิภาค นอกจากนี้บริษัทญี่ปุ่น 2 แห่งสนใจจะตั้งศูนย์ผลิตอากาศยานในประเทศไทย เพราะสามารถปรับโรงงานที่ผลิตชิ้นส่วนยานยบนต์ไปสู่การผลิตชิ้นส่วนเครื่องบินได้ เพราะโรงงานของเราคุ้มค่ากว่าเนื่องจากมีเสกลใหญ่กว่ามาก ทำให้ต้นทุนของผู้ผลิตต่ำกว่าที่จะทำในมาเลย์
อุตสาหกรรมถลุงเหล็กขนาด 30 ล้านตันของ ssi ถ้าไม่โดนล้มก็ลุ้นมันส์ครับ เพราะเราจะครองตลาดเหล็กดิบทั้งหมดในอาเซียนเลย เฉพาะประเทศเราแห่งเดียวก็ใช้ 12-13 ล้านตันต่อปีแล้ว แต่ตอนนี้กลุ่ม TATA จากอินเดียเข้าวินไปก่อนที่ 5 ล้านตัน ใครครองตลาดเหล็กดิบบ้านเรา ผู้นั้นครองตลาดอาเซียนครับ เพราะความต้องการเหล็กดิบบ้านเรามีถึงเกือบ 40% ของการบริโภคในอาเซียน
มีเหล็กดิบซึ่งเป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำ ที่เหลือก็ง่าย เพราะเคยมีแนวคิดที่จะทำอุตสาหกรรมต่อเรือขนาดใหญ่ เป็นนิคมขนาดใหญ่สำหรับการต่อเรือโดยเฉพาะ แต่นั่นต้องมีการตัดครองกระ ครองเจ้าปัญหา 100 ปีตัดไม่เสร็จนี่ล่ะครับ เนื่องจากอยู่ใกล้แหล่งแร่เหล็กมากกว่าจีนและเกาหลีและญี่ปุ่น ถ้าเราเริ่มได้เราจะได้เปรียบทั้งสามประเทศมากครับ แถมถ้าได้บ่อน้ำมันเจ้าปัญหามาด้วย อะฮะ ต้นทุนการผลิตต่ำติดดินเลย แต่ตอนนี้เป็นหมันเพราะชิงอำนาจกันอยู่
โครงการถนน R-9 R-3 R-12 ซึ่งเป็น cross country road นั้นจะทำให้เราเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางบกในเอเชียด้วยเลย
R-9 หรือ EWEC นั้นวิ่งจากท่าเรือดานังไปสู่ท่าเรือมะละแหม่ง ซึ่งญี่ปุ่นลงทุนมันทั้งสองท่าเรือ ระยะทาง 1400 กม ซึ่งกว่าครึ่งของระยะทางจะผ่านประเทศเรา จะร่นระยะทางจะทะเลจีนไปสู่ทะเลอินเดยได้กว่า 4000 กม ทุ่นเวลาได้กว่า 10 วัน เส้นทางนี้กำลังก่อสร้างอยู่ครับ
R-3 หรือ NSEC วิ่งจากจีนตอนใต้เขตด้านในออกท่าเรือมะละแหม่ง แต่ภายหลังมาเลย์ขอแจมด้วยจึงขยายเส้นทางไปถึงมาเลย์ด้วยครับ และจะไปตัดกับ R-9 กับเส้นที่วิ่งจาก ท่าเรือน้ำลึกทะวายไปกัมปงโสม เส้นนี้จะทำให้จีนตอนในทั้งหมดสามารถออกทะเลได้ในเวลาสั้นๆ และประหยัดระยะทางกว่า 4000 กม เลยทีเดียว
R-12 วิ่งจาก กรุงเทพหรือท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุทไปยังจีนโดยผ่านลาวและฮานอย เป็นเส้นย่อยในการค้าระหว่าง 4 ประเทศ
เส้นจากท่าเรือน้ำลึกทะวายไปยังท่าเรือน้ำลึกกัมโปงโสม จะวิ่งจากทะวายผ่านกรุงเทพ ผ่านเกาะกงไปสู่กัมโปงโสม เส้นนี้จะทำให้เราไม่ค้องพึ่งช่องแคบมะละกาอีกต่อไป ใครจะปิดก็ช่างมันไม่เดือดร้อน ท่าเรือทะวายเราเป็นฝ่ายลงทุน 100% กว่า 400000 ล้านบาทครับ ถนน 8-12 เลนพร้อมทางรถไฟ แหมงี้รถถังจากหน่วยในกทม.วิ่งไปทวายแป๊บเดียวเองนะ ไม่กี่ชั่วโมง หรือจะไปพนมเปญก็อย่างมากครึ่งวัน ว่าเข้านั่น....
เฉพาะเส้นทางพวกนี้ก็ทำให้เมืองที่อยู่ผ่านทางครึกครื้นขึ้นมากเลยครับ เช่น เชียงใหม่ ขอนแก่น กาญจนบุรี หัวหิน แม่สอด สะวันนะเขต โคราช ระยอง พัทยา หุหุหุ หาซื้อที่ไว้ได้เลยครับ เช่นผมตอนนี้ก็มาซื้อบ้านที่เชียงใหม่แล้ว เพราะกทม.มีบ้านแม่อยู่แล้ว เล็งพัทยากับขอยแก่นไว้ด้วย55555 รอตังค์ครับ
เพิ่มเติมนิดนึง เรามีอุตสาหกรรมถลุงอลูมิเนียมและอุตสาหกรรมผลิตเส้นใยคาร์บอนแล้วครับ โดยเฉพาะการผลิตเส้นใยนี่ติดอันดับในเอเชียเลย ดังนั้นต้นน้ำสำหรับการผลิตเครื่องบินมีพร้อมครับ แต่เห็นว่าทาง TAI เราไปตกลงดีลกับทางญี่ปุ่นว่า TAI จะไม่ผลิตเครื่องบินแข่ง จะรับจ๊อบงานซ่อมไปแทน เป็นเงื่อนไขในการลงทุนผลิตเครื่องบินที่ไทยของญี่ปุนครับ TAI ผลิตได้เครื่องบินทหาร แต่เห็นว่า TAI บอกว่างานซ่อมอย่างเดียวถ้าลุยเต็มสูบ เราก็รับเป็นแสนล้านต่อปีแล้วโดยญี่ปุ่นจะไม่มาแย่งส่วนนี้
ข้อมูลที่ได้มานี่เห็นภาพคร่าวๆแล้วนะครับว่าในระยะยาวใครได้เปรียบกว่ากันมาก จริงๆมีโครงการอื่นอีกมาก เช่น ถ้ามีการตัดครองกระ จะมีโครงการใดตามมาอีกมาก แต่ตอนนี้ต้องรอครับว่าการแย่งอำนาจกันจะจบเมื่อไหร่ และใครชนะด้วย
ทำเลเป็นต่อก็งี้แหล่ะครับ ถ้าเรือนาวาลำนี้แล่นเต็มใบเมื่อไร ญี่ปุ่นก็ยี่ปุ่นเถอะ ชิดซ้าย แต่เอ๋มันทะเลาะกันจบยังหวา หรือจะอมตะนิรันกาล
ขอโทษครับรีบพิมพ์ไปหน่อย ต้องเปลี่ยนคำว่า ครองกระ ไปเป็นคลองกระ พิมพ์ผิดไปหลายตัวขอโทษด้วยครับ
ส่วนที่เราเจริญสุดยอดสุดโต่ง
เห็นจะมีแต่การเกษตรนี่ละครับ เรื่องเทคโนโลยีชีวภาพ อาหาร ไทยเราอันดับหนึ่งไม่มีใครเทียบ อร่อยไปหมด ส่งออกกระจาย
ส่วนไวรัสสายพันธุ์ไหน เมืองไทยเพียบอยากจะผลิตอาวุธชีวภาพ หรือเคมีก็ทำได้ถ้าคิดจะทำ ...คนต่อยอดมีเยอะกว่าวิศกร อากาศยาน
ชอบ คห.คุณ neosiamese ครับ
ไม่เกี่ยวกับทหาร เรื่องที่เราด้อยกว่าในชาติอาเซียน ก้น่า จะเรื่องการศึกษา ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา การศึกษาวิจัย เมืองไทยให้น้อยมาก การปลูกฝั่งค่านิยมต่างๆ ถ้าพํมนาได้1ใน4ของสิงค์โปร์ ญี่ปุ่นเราเจริญกว่านี้อีก แต่ส่วนดีเราติด1ใน10 นักเรียนในห้องเรียนเรียบร้อยที่สุดในโลก สุดท้ายเรื่องวิสัยทัศน์ของผู้นำประเทศ
ผมเคยไปเที่ยวที่มาเลเซียมาสองครั้งครับ ความรู้สึกของผมในการที่ได้ไปในที่ต่างๆรู้สึกว่าเขาเจริญกว่าเราแต่ไม่มากครับ
1. ระบบการคมนาคมของเขาเชื่อมต่อกันได้เป็นระบบ เช่น ผมไปลงเรือที่ ปอร์ตกลัน ต้องนั่งรถไฟเข้าไปที่กัวลาลัมเปอร์เค้าจะมีรถไฟที่ติดแอร์ทั้งคัน รถไฟสะอาดและใหม่กว่าบ้านเราครับ ซึ่งรถไฟจะจอดตามสถานีรายทางที่เหมือนป้ายรถเมล์บ้านเรา รถไฟจะไปจอดสิ้นสุดที่สถานี KL Center ซึ่งเป็นศูนย์รวมของสถานีรถไฟใต้ดินและรถไฟฟ้าซึ่งดูทันสมัยกว่าบ้านเรา รถไม่ค่อยติด เมืองค่อนข้างสะอาด มีบ้างในแหล่งย่านคนจีนอาจจะสกปรกนิดนึง
2. เค้าลงทุนสร้างเมืองศูนย์กลางทางราชการใหม่ กระทรวงทุกกระทรวงไปอยู่ที่นี่หมดมีบ้านพักข้าราชการเป็นแบบคอนโดหรูๆย่านสุขุมวิทสำหรับข้าราชการชั้นผู้น้อย สำหรับข้าราชการชั้นกลางถึงสูงจะมีบ้านเดี่ยวระดับโครงการดีๆ 4-5 ล้านในบ้างเรา ที่นี่เหมือนเมืองที่เนรมิตขึ้นใหม่ สะพานสร้างอย่างอลังการ มีมัสยิดที่สวยงาม และพระราชวังของสุลต่าน
3.ศูนย์กลางในกัวลาลัมเปอร์คือ KL TOWER ที่นี่เป็นศูนย์รวมทางด้านการค้าที่สำคัญ ผมรู้สึกอลังการมากเหมือนหรืออาจจะดีกว่า paragon บ้านเรา แต่เป็น paragon ที่มีร้านค้าเป็นสิบชั้น ห้างที่มาเลเซียที่เป็นห้างใหญ่ๆเกรดดีๆมีมากมาย
4.ผมเคยนั่งรถไปแถบชานเมืองเค้าจะมีบ้านสไตล์ town house บ้านเราแต่มีขนาดใหญ่กว่า กว้างกว่าที่บ้านเรา นอกเมืองเค้ารถค่อนข้างน้อย ผมนั่งรถยนต์ขึ้นhigh way เห็นชุมชนแออัดบ้าง แต่น้อยกว่าบ้านเรา และดูเป็นระเบียบมากกว่า
5.ด้านการทหารในปัจจุบันมาเลเซียนำเราไปมาก ทุกเหล่าตอนนี้เราตามหลังเยอะมากแล้วทางด้านเทคโนโลยีทางทหาร ทุกครั้งที่ฝึกจำลองยุทธในทะเลส่วนใหญ่จะสมมติกำลังข้าศึกเป็นมาเลเซีย ซึ่งจะมีกำลังเหนือกว่าเสมอ มาเลเซียให้ความสำคัญต่อกำลังทางเรือมาก เพราะมีประเทศอยู่สองฝั่ง และมีปัญหาอ้างสิทธิ์เหนือหมู่เกาะแสปตลีย์อยู่
6.มาเลเซียมีปัญหาการคอรัปชั่นน้อยกว่าไทย นี่เป็นประเด็นหลักที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเขาไปได้ไกลกว่าเราทั้งทางด้านเศรษฐกิจ ทางด้านการทหารมาเลเซียมีกำลังพลน้อยกว่าเรา แต่มีเทคโนโลยีที่สูงกว่าเรามาก ที่เราจะมาคิดทะนงว่าเราเหนือกว่าผมว่าไม่จริง เราต่อกรกับเขมรในปัจจุบันได้ก็เพราะเทคโนโลยีที่เหนือกว่าและชัยภูมิที่ได้เปรียบ ความเสียหายที่เกิดขึ้นกัฝั่งไทยจึงมีน้อย เช่นเดียวกับกรณีพื้นที่พิพาทในทะเลที่เขมรก็ไม่กล้าแหยมเพราะเกรงเรือรบของเรา
7.ถึงแม้ว่ามาเลเซียจะเหนือกว่าเราทุกด้าน แต่ภัยคุกคามจากมาเลเซียนั้นอยู่ในระดับต่ำ เพราะมีการแบ่งผลประโยชน์ทางทะเลเรียบร้อยแล้ว
8.ส่วนตัวคิดว่าดุลอำนาจทางทหารในภูมิภาคอาเซียน กองทัพของเราอาจจะเสียความเป็นกองทัพชั้นนำในไม่ช้า เนื่องจากสถานภาพของยุทโธปกรณ์ในปัจจุบันที่อยู่ในภาวะที่หน้าเป็นห่วง และการพัฒนากำลังรบทั้ง พม่า เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง พอเรารู้สึกตัวอีกทีก็อาจจะสายไปแล้ว
ของเราติดตรงการเมืองนี้แหละครับ ปัญหาเยอะครับ คนเราแตกความสามัคคีกัน ที่เหลือเราเหนือกว่าแน่นอนครับ
ถ้าเราอยากรวยกว่าไม่ได้ยากเลยครับ ขุดคลองซิ เราจะได้ทั้ง เงิน อู่ต่อเรือขนาดใหญ่ ขนาดกลาง เพิ่มการว่าจ่างงาน ความรู้และพัฒนาในด้านอื่นๆอีกเยอะแยะ
การเมือง + ผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้อง + วิสัยทัศน์ผู้นำ + มักง่าย
เทียบกับสิงค์โปร์ก็ได้ครับ เรามีทรัพยากรมากกว่ามากมายมหาศาล แต่ล้าหลังกว่าเขาเยอะ
หากดูที่ตั้ง ทาง ภูมิศาสตร์ ผมยังยืนยันคำเดิมว่าเราเหมาะที่จะเป็น ศูนย์กลางของเอเซีย แต่ด้วยเหตุปัจจัยหลายๆอย่างทำให้เราไม่ก้าวหน้าเสียที และท่ายังคงเป็นแบบนี้อีก 100ปีเราก็อยู่ที่เดิม ทำใจครับทำใจ