ส่วนตัวผมคิดว่า ประเทศไทยของเราพัฒนาเป็นค่อยเป็นค่อยไป (เจริญไปแบบช้าๆ) ประเทศไทยพัฒนาไปเป็นแบบ "ขั้นบันได" หลายๆ คน พูดว่าประเทศไทยด้อยพัฒนา ก้าวถอยหลัง ถอยหลังลงคลองบ้าง แต่ผมว่าไม่น่าจะใช่ เพราะเท่าที่ผ่านมาในบ้านเมืองของเรามีการเปลี่ยนแปลงไปหลายๆ อย่าง เช่น มีสนามบินสุวรรณภูมิมาแทนที่สนามบินดอนเมือง มีรถไฟฟ้าใต้ดินและบนดิน (และมีโครงการก่อสร้างอีกหลายสาย) เศรษฐกิจของประเทศก็ขยายตัว (GDP เพิ่มขึ้น) เป็นต้น แล้วไม่ทราบว่าท่านอื่นมีความเห็นอย่างไรกันบ้างครับ ขอบคุณครับ
ไม่ค่อยอยากออกความเห็นเท่าไหร่ ออกแนวการเมือง - -
สำหรับผมมันช้าไป ประเทศไทยไม่ได้ถอยหลังครับ แต่หยุดเดิน รอเพื่อนบ้าน ต้องดูหลายๆปัจจัยรวมกัน บลาๆ
ผมจำได้ว่าสมัยผมเด็กๆ เราแข่งกับเกาหลีใต้
ผมจำได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ เราแข่งกับมาเลเซีย (รวมถึงจุดมุ่งหมายว่าเราจะต้องเป็นเสือแห่งภูมิภาคเอเชีย)
และไม่กี่ปีมานี้ เรากลับลดลงมาแข่งกับเวียดนาม
ผมไม่ได้พูดถึงเรื่องการเมืองนะ ผมพูดถึงว่าทำไมเราเหมือนถูกอ่อนข้อลงเรื่อยๆ
ปล ผมว่ากระทู้นี้ออกแนวการเมืองไปหน่อยนะ
ขอตอบแบบไม่อ้อมเลยนะครับ ช่วง 4-5 ปีทุกอย่างแทบจะหยุดการพัฒนาครับ เพราะอยู่ในช่วงของการชิงอำนาจกัน เอาเป็นว่าจบเรื่องการชิงอำนาจกันเมื่อไหร่ก็จะเริ่มเดินกันต่อครับ
โครงสร้างทางอุตสาหกรรมของเราตอนนี้จริงๆแล้วต้องมีการปรับเปลี่ยนพื้นฐานโครงสร้างทางอุตสาหกรรมกันได้นานแล้วครับ เพราะเริ่มจะตันกับรูปแบบอุตสาหกรรมที่ทำอยู่ในทุกวันนี้(ควรปรับโครงสร้างทางอุตสาหกรรมเมื่อ10กว่าปีก่อนแล้วครับ) งานนี้จำต้องใช้นักเศรษฐศาสตร์สายเคนเชี่ยนมาแก้ให้ครับ แต่ผู้กุมบังเหียนในการพัฒนาเศรษฐกิจของเราในตอนนี้ ส่วนมากจะนิยมสายคลาสสิกครับ ก้เลยต้องคลานเป็นเด่ากันนานหน่อย
ผมคิดว่าประเทศไทยเราอยู่ในแนวหน้าด้านการพัฒนาแต่ต้องดูที่ตัวชี้วัดนะครับว่าเอาอะไรเป็นตัวชี้วัด
เช่นถ้าเอาดรรชนีชี้วัดเป็น(HDP)ที่มีประเทศภูฏานเป็นอันดับต้นๆไทยเราก็พัฒนาได้เร็วไม่แพ้เพื่อนบ้านและอาจจะดีกว่าประเทศทางตะวันตกด้วยซ้ำ
การชี้วัดมีหลายปัจจัย เช่นการเมือง เศรฐกิจ การอ่านแบบรู้หนังสือ สุขภาพของประชาชน ความหวังในการมีชีวิต
การเมืองอันดับหนึ่งคือสวิตเซอร์แลน์
เศรฐกิจหนึ่งคือ อเมริกา จีน ญี่ปุ่น
การอ่านที่หนึ่งคือสเปน
สุภาพของประชาชนที่หนึ่งคือญี่ปุ่น
ความหวังในการมีชีวิต ที่อันดับท้ายๆๆสุดก้เป็นญี่ปุ่น
(HDP) ความสูขมวลรวมประชาชาติ
ลองถามตัวเองก่อน จำตอนประชุม apec ที่่กรุงเทพฯได้ไหม ? ตอนนั้น ประเทศไทยมีศักดิ์ศรีขนาดไหน เศรษฐกิจ การเมือง การทหาร พุ่งพรวด ทำไม ทำไม ทำไม ทำไม (น้อง ๆ ลองคิดดูด้วยเหตุและผล น่าจะรู้คำตอบดี ว่า ทำไม)
ผมว่าเราเดินช้าลง แต่เพื่อนบ้านเขาวิ่งกันนะครับ เรามานั่งประดิษฐ์ประดอยเอง แต่เพื่อนบ้านเขาซื้อมาใช้ ถึงแม้เราจะเดินช้า แต่ไม่หยุดเดิน คนที่วิ่งต้องมีวันเหนื่อยจนต้องเปลี่ยนมาเดินเหมือนเรา หรือต้องหยุดพัก หรือถ้าเหนื่อยมากถึงกับสลบนอนแผ่ก็ได้ หรือหนักๆก็สลบเข้า ไอซียู (ฉันเห็นเธอ) เป็นได้ทั้งนั้นอย่ากังวลเลย เราเดินไปดีกว่าเวลาล้มจะได้ไม่เจ็บมาก ขอบคุณครับ
มันก็เหมือนเส้น *กราฟ*
มีขึ้นๆลงๆ อยู่เสมอ เส้นกราฟก็แบ่งออกหลายเส้น บางเส้นก็ขึ้นบางเส้นก็ลง
อย่างที่หลายๆ ท่านในสมัยก่อนเคยบอกใว้ ว่าเรากำลังจะเป็น *เสือ*
สุดท้ายหล่นตุ๊บ กลายเป็น *แมว* ปัจจัยมีทั้งภายนอกและภายใน
แน่นอนว่าปัจจัยภายในเข้มข้นกว่า ที่ทำให้ก้าวไปอย่างเชื่องช้า
นี่ขนาดเราเดิน ช้าๆ ยังล้มลุกคลุกคลาน หัวทิ่มหัวตำ สรุปแล้วว่า..
ประเทศจะก้าวไปข้างหน้าหรือถอยหลังอย่างไร ขึ้นอยู่กับ วิสัยทัศน์ของ *ผู้นำประเทศ*
และจิตรสำนึกของประชาชน ที่ปลูกฝังกันมากับงบการศึกษาที่สูงลิ่ว
กระทู้นี้ช่างเหมาะกับเวลานี้เสียเหลือเกิน ...- -?
หลายสิ่งที่ทำให้ไทยไม่เจริญเป็นตูดไอพ่น
1.เทคโนโลยี ด้านต่างๆ ยังเตาะแตะอยู่ ยกเว้น ด้านชีวภาพ และ เกษตรกรรม เหนือกว่าเขาหน่อย ดูได้จาก งบประมาณการวิจัย นิืดเดียว
2.อย่างที่เขาบอก เอกชนไทยยังอยู่ในยุคคลาสสิค ลงทุนในประเทศสถานเดียว เป็นผมก็คิดแบบเดียวกัน เพราะเหตุใด ต้นทุนทางภาษาอังกฤษไม่เป็นสักคน
หาน้อยที่จะพูดฉอดๆได้ ลองเจอ คนเนปาลเดินดิน คนอินเดีย เดินดิน ผู้ชายล้วนๆ พูดได้ชัดถ้อยชัดคำ อย่างเราแค่ตลาดเกษตรล่วงหน้า ตลาดซื้อขายทองล่วงหน้า
คิดดูว่าเรากล้าจะลงทุนพวกนี้ไหม หรือรู้จักกันหรือเปล่า
3.เอาแค่มารยาทในการขับขี่รถยนต์เทียบกับประเทศทางญี่ปุ่น ยุโรป ออสเตรเลีย อเมริกาเหนือ เห็นกันชัดๆมีระเบียบ และธรรมเนียมปฏิบัติที่พูดได้ว่า
คุณไม่เคยเจอในเมืองไทยหรือประเทศในเอเชียแน่นอน สุดยอด ผมละอึ้ง เขาสั่งสอนกันไงหว่าให้จอดรถให้คนข้ามถนนไปก่อนไม่ใช่ ตะบี้ตะบันจะชนแบบ
เราๆท่านๆที่ขับรถกัน พอทำดีเยอะหน่อยก็หาว่า ซื่อ และไม่ทันกิน เอาเข้าไป โดนบีบแตรไล่หลังอีก
ผมคิดว่าเราล้าหลังกว่ามาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนามมาก ภายในไม่เกิน 20 ปี หากเรายังเป็นแบบอยู่ ลาว เขมร พม่า จะยกระดับขึ้นมาเทียบชั้นกับเราได้อย่างแน่นอน คนไทยชอบหลงตัวเองคิดว่าเป็นหนึ่งเดียวในโลก คนไทยทำอะไรไม่เคยใครแพ้ในโลก ชอบการโอ้อวด อวดรู้ อวดฉลาด อวดความมั่งมีร่ำรวย ขี้เกียจ ไร้ระเบียบวินัย ไม่เคารพกฎกติกา เราควรยอมรับความจริงว่าเราเป็นอย่างไร เราเคยไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ USA 1 ปี ผมแทบจะไม่เชื่อสายตายเลยว่าเค้าเจริญก้าวหน้ามากมายขนายนี้เชียวเหรอ ทำไม่มันถึงได้ต่างกับประเทศไทยถึงเพียงนี้ เรากับเขาก็มีสมอง มีมือ มีเท้า เหมือนกัน แต่แปลกจริงๆ ทำไมเราถึงได้ล้าหลังกว่าเขากว่า 100 ปี
คนไทยไม่พูดความจริง ไม่รับรู้ความจริง และ ไม่ดำเนินการบนพื้นฐานของความจริง สุดท้ายเลยไปได้ช้าเพราะระบบมันขัดกัน
ขอตอบแบบตรงๆว่าเราเดินช้าลงเพราะหลายปัจจัย
๑.ประเทศขาดเป้าหมายที่ชัดเจนในการพัฒนา(เพราะผู้นำ)บางยุคเราตั้งเป้าว่าเราจะกลายเป็น... จะแข่งกับ....แต่เดี๋ยวนี้...
๒.ที่จริงโดครงสร้างพื้นฐานเราลงทุนมากมากและพร้อมแล้วควรต่อยอดทางด้านเทคโนฯ เพื่อองค์ความรู้อื่นๆ
๓.การเมืองหยุดอยู่กับที่
๔.เอกชนพยายามชี้นำแล้วแต่ รัฐปรับตัวช้า ง่ายๆคือตามเอกชนไม่ทันและสนับสนุนช้าเกินไป
๕.ติดขัดด้วยกฎหมายที่มีอยู่ล้าหลังไม่เอื้อต่อการลงทุนทำให้แข่งขันกับชาติอื่นๆยาก
๖.อื่นๆอีกมากมาย
หมายเหตู กระทู้นี้กว้างเกินไปไม่อยากวกเข้าการเมืองด้วย
คนที่อายุตัวหน้าเลข 2 เลข 3 เบื่อรึยังละกับคำว่าประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนา
เรามองในแง่ของความเจริญทางเศรษฐกิจแต่เพียงด้านเดียว
แล้วดัชนีความสุขของคนในประเทศล่ะครับ
GDP = (G+I+C+(X-M)) ที่โตขึ้นเนื่องเพราะโครงการขนาดใหญของภาครับ ดังนั้นจึงไม่เป็นการกระจายรายได้ไปสู่ประชาชนระดับล่าง จึงทำให้ดัชนีความสุขของประชาชนลดลง
ผมขอยกตัวอย่าง เพื่อนบ้านเราแล้วกันนะครับ ประเทศลาว
หลังสงครามเวียดนามใหม่ๆ ประชาชนในประเทศมีความเป็นอยู่อย่างแร้นแค้นมาก
รัฐบาลวางแผนแม่บทในการพัฒนาประเทศด้วยคำพูดที่เข้าใจง่าย และเห็นภาพชัดเจนนั่นคือ "ประชาชนจะต้อง กินอิ่ม นอนหลับ" หลังจากผ่านไปอย่างช้าๆ รัฐบาลเค้าทำได้ครับ และนำไปสู่การพัฒนาที่ใช้คำพูดว่า "กินอร่อย นอนสบาย"
ต่างจากประเทศไทย ที่นโยบาของพรรคการเมืองแต่ละพรรค สวย เริ่ด แต่ทำได้จริงหรือไม่ (ไม่รู้เหมือนกัน)
แต่ละพรรคจะส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย (มีแล้วมันทำให้ชีวิตดีขึ้นจริงหรือ?)
ในขณะที่ทุกพรรค และอีกหลายๆคนในประเทศไทย อาจจะไม่มีที่ซุกหัวนอนในอนาคตอันใกล้นี้
อันนี้เป็นมุมมองส่วนตัว (ใครเคยมองมุมนี้เหมือนผมบ้าง)
ทำไมผมมองว่า เรากำลังจะไม่มีที่ซุกหัวนอนกัน จังหวัดสมุทรสาคร ถ้าวันใดแกนนำแรงงานพม่าเป่านกหวีด (ปรี๊ด....) แค่แรงงานพม่าถือซ่อมคนละเล่มก็ยึด สมุทรสาครได้สบายๆ ยิ่งคนไทยขัดแย้งกันแบบนี้ โครตชอบเลย แล้วใช่ว่าแค่สมุทรสาครเท่านั้นที่มีแรงงานพม่าเยอะขนาดนี้ ระนอง สมุทรปราการ แม้แต่กรุงเทพเองก็เถอะ
ฝากให้ระวังถึงบรรดาผู้คลั่งประชาธิปไตย พวกท่านอาจจะได้นอนริมถนนถาวรก็ได้ ถ้ายังบ้ากันไม่เลิก
ตอนนี้เราไม่มีปัญหาคนว่างงานนะครับ แต่เรากำลังเจอปัญหาขาดแคลนแรงงานครับ อุตสาหกรรมขาดแรงงาน เลยต้องเอาพวกต่างด้าวเข้ามา งานหนัก เงินน้อย ไม่บ่น ด้วยนายจ้างชอบครับ แต่ยังยืนพื้นด้วยคนไทยเป็นหลัก ที่ขาดก็หาแรงงานต่างด้าวมาแทน ส่วนที่จังหวัดสมุทรสาคร งานประมง คนไทยไม่ทำครับ ถ้าไม่มีพวกพม่ามาทำงานเหล่านี้ เจ๊งครับเศรษฐกิจส่งออกสัตว์น้ำเนี่ย พอดีบ้านผมเคยอยู่แถว ๆนี้นะครับเลยทราบดี
ส่วนจากหัวข้อกระทู้ ที่เราเดินอยู่กับที่มันเพราะอะไร ผมคิดว่าคนไทย 50% ทราบปัญหาดี แต่น่าเศร้าครับที่คนไทยอีก 50% ยังคงคิดไม่ออก ตัวแสบก็พวก นกม. เลว ๆ ปลิง เพรี้ย ที่คอยเกาะกินประเทศ เห็นประเทศเป็นสนามเด็กเล่น ไร้ซึ่งศักดิ์ศรีและความรับผิดชอบ เลือกตั้งคราวนี้เรามาเอาคนที่คิดว่าดีีจริง ๆ เข้าสภานะครับ
จริงแล้วเรื่องนี้ใกล้เรื่องการเมืองมากเลยน่ะ แต่เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก ผมไม่แน่ใจน่ะว่าคนไทยส่วนใหญ่เข้าใจแผนพัฒนาของประเทศของเรามากน้อยแค่ไหน แล้วรู้บ้างหรือเปล่าประเทศไทย มีแผนพัฒนาประเทศจาก 2504 จนถึงปัจจุบันมีทั้งหมด 11 ฉบับ นั้นทุกท่านลองย้อนมองอดีตที่ผ่านมาของประเทศว่าพวกเรา ได้เจออะไรบ้าง ผมขอยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือ ช่วงปี 2530-2539 ซึ่งอยู่ในยุคของแผนพัฒนาประเทศฉบับที่ 6-7 ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นยุคทองเศรษฐกิจของประเทศไทย เป็นช่วงที่ไทยกำลังจะก้าวเข้ามาเป็นเสือตัวที่ 5 แห่งเอเชีย และแล้วเมื่อฟองสบู่ที่ที่สวยงามก็แตกลงประเทศไทยทั้งประเทศเกือบล้มจม แต่ประเทศไทยโชคดีที่มีทรัพยากรพื้นของประเทศดีมาก คือ ในน้ำมา ในนามีข้าว แผ่นดินอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้รอดประเทศชาติรอดพ้นวิกฤตนั้นมาได้อันเนื่องมาจากภาคการเกษตรที่เป็นกระดูกสันหลังของประเทศไม่ถูกผลกระทบมากนัก จากวิกฤตทางเศรษฐกิจในครั้งนั้น จึงทำให้พวก Technocrate ใน TDRI ได้มีการทบทวนแผนการพัฒนาฯจากแผนที่ 1-7 สรุปว่า " เศรษฐกิจดี สังคมมีปัญหา พัฒนาไม่ยั่งยืน" อันเป็นผลมาจากการเร่งพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจมากจนเกินไป ดังนั้นจึงเกิดแผนพัฒนาประเทศฉบับที่ 8 ช่วง 2540 -2544 ออกมาคือ มุุ่งเน้นการพัฒนาแบบองค์รวม เป็นการวางรากฐานของการมีส่วนร่วมของประชาชน เพื่อทำให้ภาคประชาชนแข็งแกร่ง และจากฉบับที่ 9-11 ก็จะเน้นการ balance กันระหว่างเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งในแต่ล่ะแผนมักจะปรับเปลี่ยนไปตามสภาพของสังคมที่เปลี่ยนไปในแต่ล่ะช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งสำหรับผมมองว่า ต่อให้เรามีแผนที่ดีขนาดไหนก็ตาม แต่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศไม่ได้มองไปในทิศทางเดียวกันประเทศก็ไม่พัฒนา คือชอบใช้สิทธิ์ที่ควรได้ แต่ไม่รู้จักทำตามหน้าที่ที่ควรทำ สำหรับผมแล้วเราควรก้าวอย่างมั่นคงดีกว่าวิ่งแล้วหกล้ม ***แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คือแนวทางที่ใช้ในการพัฒนาประเทศของหน่วยงานภาครัฐให้มีเอกภาพ ***
จะดูแต่ตัวเลขดัชณีความเจริญว่าสู้ประเทศอื่นไม่ได้ ประเทศอื่นเค้าศิวิไลซ์กว่า โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าความเจริญที่จิตใจของคนในชาติสำคัญกว่า เราหลงไปกับระบบทุนนิยมมากจนเกินไป จนลืมใส่ใจเยาวชนว่ามีปัญหาตีกันและปัญหายาเสพติดระบาดในวัยรุ่น ปัญหาเหล่านี้สมควรแก้ไขก่อนการที่เราจะมานั่งคิดว่าเราเจริญไปมากแค่ไหน ถ้าเราทำตามคำพ่อหลวงสอนในเรื่องความพอเพียง แล้วหันมาใส่ใจปัญหาคุณธรรมจริยธรรมในสังคมไทย ให้มันพัฒนากว่าต่างชาติเขาน่าจะดีกว่า แล้วอย่างอื่นก็จะดีตามมาเอง ศีลธรรมต่ำลงเพราะคนหลงอำนาจเงินมากเกินไป
คุณ piyapart ครับ ผมมีมุมมองที่ต่างกันนิดนึง
ผมมองว่าถ้าประเทศไทย ประชาชนในประเทศ กินอิ่ม นอนหลับ
ใครบ้างอยากจากบ้าน จากเมืองไปเพื่อขายแรงงานในต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ ไต้หวัน เป็นต้น ที่ต้องไปเพราะ กินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ ใช่ไม๊ครับ
จึงสวนทางกับความคิดของคุณที่ว่า ไทยไม่มีปัญหาการว่างงาน
ผมมองในมุมของดัชนีความสุขของคน ส่วนคุณ pitypart มองในมุมเศรษฐศาสตร์ เพียงแต่ว่า เราจะทำอย่างไรให้มุมมองทั้งสองมาพบกันตรงจุดตัด
บางครั้งแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ที่ว่า minimize cost maximum profit ก็นำมาซึ่งปัญหาความมั่นคงของประเทศในมุมที่หลายๆคนไม่ได้มอง
อย่าลืมนะครับ พม่าเค้ามีหน่วยข่าวกรองที่มีขีดความสามารถติดระดับโลก
ผมอยากให้เลิกพูดถึง ความเจริญก้าวหน้าของประเทศไทย" แล้วมาคำนึงถึงคุณภาพประชากรที่ยั่งยืนและวิสัยทัศน์ในระยะยาว
อย่างแรกไทยต้องยอมรับความจริง รู้ว่าตนเองอยู่ในระดับใดอย่างตรงไปตรงมาไม่หลอกลวงตัวเอง เทียบกับประเทศอื่นๆ
-คุณภาพประชากร
-ระดับการแข่งขันทางการเกษตร อุตสาหกรรม การผลิต การขนส่ง การค้าระหว่างประเทศ ทำเป็นรูปใยแมงมุม
หาในสิ่งที่ขาดหาย เพื่อที่ภาครัฐจะได้ส่งเสริมแม้นว่าจะลำบากยากเย็นในระยะต้นระยะกลาง
หาในสิ่งซึ่งมีความได้เปรียบ เพื่อจะนำมาให้เกิดประโยชน์แก่ภาคส่วนอื่น
และสร้างเป็นนโยบายระยะยาว และสื่อถึงประชาชนให้ตระหนัก ตื่นตัวและเสียสละ ทำตามไปสู่จุดหมาย
ญี่ปุ่นเมื่อสัก กว่า 100 ปีมาแล้วประเมินและรู้ตัวว่า ประเทศมีคนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขาดเเคลนทรัพยากร และข้าวปลาอาหาร
เค๊าตระหนักและสอนให้ประชาชนรู้จักทำงานหนัก อดออม และลงทุนทางอุตสาหกรรม ส่งสินค้าออกไปขาย เพื่อนำเงินตรามาซื้ออาหาร
เค๊าสอนกันว่า ประเทศเราเป็นแค่เกาะ ไม่มีทรัพยากร มีแต่จะอดตาย ถ้าไม่อดออม ไม่ทำงานหนัก ไม่นำพาประเทศเป็นอุตสาหกรรม
พัฒนาคุณภาพสินค้า และยังต้องพัฒนาคุณภาพประชากรให้มีความรู้ ฝีมือ มีการศึกษา มีการวิจัยพัฒนาอย่างหนัก ต่อเนื่อง รวมไปถึงเรื่องการทหาร...
ทุกคนต้องทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยเพื่อคนอื่นๆในชาติ สิงคโปร์ หรือไต้หวัน หรือเกาหลีก็มาสูตรเดียวกัน
ไทยเราสอนกัน ในนํ้ามีปลาในนามีข้าว ในอ่าวมีแก๊ซ เราจะโชติช่วงชัชวาล อยู่กันอย่างสุขสบาย ไม่มีภัยจากภัยธรรมชาติร้ายแรงในแหลมทอง สอนให้เรียนเป็นเจ้าคนนายคนเรียนสูงๆแล้วจะสบาย แรงงานขาดก็ใช้พม่าเขมร อยากได้อะไรก็ใช้เงินซื้อเอา ....จนเป็นที่มาของคอร์รัปชั่นมโหฬารเวลาแย่งผลประโยชน์ แต่ไม่มีใครยอมรับความจริง ทรัพยากรที่เป็นวัตถุดิบธรรมชาติบ้านเราเหลือน้อยลงทุกที
PIPAT2000...
ช้าๆได้พร้าเล่มงามครับ ก้าวกระโดนเกินไปกลัวหกล้มหัวแตกเหมือนปี40
ในความคิดเห็นส่วนตั๊ว ส่วนตัว และไม่ฝักใฝ่การเมืองของผม มองอย่างนี้ครับ
1. เมืองไทยหยุดเจริญมา 14 ปี แล้วครับ ก่อนหน้า 14 ปี แห่งความหลังนั้นเล็กน้อย ประเทศไทยโตแบบสามล้อถูกหวยครับ เพราะคนก่อนหน้านั้นสร้างฐานของของความรวยไว้ให้ คนต่อมาได้รับผลดี แต่คนของเรายังไม่มีศักยภาพในการรักษาความมั่งคั่งและความเจริญนั้นไว้
2. ต่อมา... เมืองไทย เข้าอยู่ในยุค 3 ก๊ก ครับ และตอนนี้ก็ยังเป็นกันอยู่ มีประชาธิปไตยที่เกินขอบเขต แบบก๊กใคร ก๊กมัน ไม่ยอมรับบทบรรญัติรวม
3. คนไทย หรือทั้งอาเซียนก็ว่าได้ ยังไม่พร้อมรับการเป็นประชาธิปไตยแแบเสรีได้ในระยะเวลานี้หรอกครับ มีเมื่อไหร่ ตีกันเล๊ะเมื่อนั้น สิงค์โปร์เป็นเผด็จการในรูปประชาธิปไตยมากี่ปี... มาเลย์เป็นมากี่ปี... เขาเจริญเพราะเป็นประชาธิปไตย (เผด็จการ) แต่...แต่... นักการเมืองของเขามีหัวใจและจิตสำนึกในการรับใช้บ้านเมืองมากกว่าบ้านเรา ครับ..... เวียดนามเป็นมากี่ปี.... เขมรเป็นมากี่ปี.... เจริญขึ้นมาได้ (แต่น้อยกว่า สิงค์โปร์+มาเลย์) เพราะนักการเมืองเขาเริ่มหม่ำขึ้นมากกันตามลำดับ เลยเจริญช้าลงตามลำดับ.....
4. แต่ผมก็ยังมองว่า..ไทย ยังไม่เป็นประชาธิปไตยจ๋า เหมือนฟิลิปปินส์.. เดี๋ยวจะพัฒนาตามเขาทัน (ด้านความเสื่อมถอย...)
สุดท้าย.... เป็นเพราะว่าเมืองไทย มีสิ่งที่เลวร้ายที่สุดสิงสถิตอยู่ครับ... นั่นคือ "นักการเมือง ผู้ที่มีหัวใจกอบโกย" แต่มักได้เป็นผู้มีอำนาจ ไม่ใส่ใจในการพัฒนาคนไทยให้มีศักยภาพในการหากินเอง...มอมเมาคนไทยให้ลุ่มหลงการได้มาซึ่งของฟรี... ชอบ...แล้วปล่อยให้โกงกันไป....หลอกกันไป...
ความคิดเห็นส่วนตัว และมีอคติดกับนักการเมืองเลวๆ ล้วนๆ
ไม่เหมาะสมต้องขออภัย และช่วยลบให้ด้วยนะครับ.....คิดถึงเรื่องนี้แล้วน้อยใจ...
แต่ที่ประเทศในอาเซียนพากันตาลุกวาว และเจริญรอยตามไทย เช่นเวียดนาม ลาว พม่า ก็คงเอาด้วย คือ
แผนพัฒนาและชักชวนให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศเหล่านั้น อย่าง BOI เพราะไทยเราพูดจริงๆมีทรัพยากรใดให้ดึงดูดมั่งครับ
น้ำมัน ก็น้อย ถ่านหิน นิดเดียว ป่าไม้ยิ่งน้อยมาก ที่เราเจริญได้ขนาดนนี้ก็เพราะการีลงทุนในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ที่แน่ๆญี่ปุ่น ยึดหัวหาด ทุกอณู
จนมาเลเซีย ตาร้อน ถึงขั้นไทยประกาศ จะเปิดดีทรอยอาเซียน รถยนต์แข่งกับมาเลเซีย และอินโดนีเซีย แต่เราไม่มีความเป็นเจ้าของทางด้านเครื่องยนต์เลย
เอกชนไทยผลิตได้ทั้งหมด ตัวถัง พลาสติกรถยนต์ขาดอย่างเดียว เครื่องยนต์มือหนึ่ง(ไม่เอาเชียงกง) คุณขับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ไปทั่วประเทศ
รับซ่อมได้หมด คนไทยเก่งซ่อม เก่งเลียนแบบ แต่ขาดอย่างเดียว ไม่เก่งการคิดสร้างขึ้นมา เพราะขาดปัจจัยเกื้อหนุนต่างๆ ทำแล้วเจ๊ง
ทุนวิจัยไม่มี ซื้อเขาดีกว่า ก็ที่เห็นบ่นๆกันในนี้ละครับ ส่วนประเทศที่จะพุ่งไกลกว่าเวียดนามผมว่า พม่า (เมี้ยนม่า)
เล่นขนาวข้างสองยักษ์ใหญ่ยังไงก็คงมีทีเด็ดของเขาละครับ ที่เราขาดคือความรู้ทางด้านวิศวกรรม การวิจัย ถ้าเรามีตัวนี้ได้ รับรองว่าสบายแฮ ไปจ้างชาวบ้านที่ไหนก็ผลิตได้ทั้งนั้น
ผมขอยกตัวอย่างเอกชนไทย ที่พอจะสู้กับชาวบ้านได้บ้างแต่อย่าไปนึกถึงบริการนะครับ บริษัท ไทเกอร์มอเตอร์ จำกัด
เขามีหมดน่ะครับ องค์ความรู้ด้านวิศวกรรมมอเตอร์ไซค์ รถไฟฟ้ายังมี เสียอย่างเดียวบริการในประเทศช่างหายากเหลือเกิน
www.tigermotor.co.th ผลิตมอเตอร์ไซค์ได้หมด และตอนนี้ข่าวว่าจะทำเครื่องยนต์หัวฉีด แนวๆรถ CBR เลยครับแต่จะใส่ในรุ่นท๊อปเขา
250CC นี่เคือความเก้าวหน้าทางยานยนต์ครับ
ผมว่าไทยเราพัฒนามาถูกทางแล้วครับ
เรื่องการเมืองกับการเศษฐกิจนี่เราพัฒนามาถึงจุดสุดยอดแล้วครับคือต่างคนต่างเดินไม่เกี่ยวกันเลย ปีก่อนๆและปีที่แล้วเรามิปัญหาการเมืองมากมาย แต่ อัตราการเจริญเติบโตทางเศษฐกิจเราโตต่อเนื่องครับ โดยเฉพาะยานยนต์ เราครองอันดับหนึ่งในอาเซี่ยน แซงหน้ามาเลย์ไม่เห้นฝุ่นครับ เงินเฟ้อเราก้น้อยมากๆ เมื่อเทียบกับหลายๆประเทศในแถบนี้โดยเฉพาะเวียดนาม ที่เป็นแบบนี้ส่วนหนึ่งคือ ถึงแม้ว่าเราจะมี คนบางกลุ่มที่สร้างปัญหาให้ชาติบ้านเมืองแต่ก้มีคนอีกเป้นจำนวนมากที่พยายามจะรักษา บ้านเมืองไว้ให้รอดครั บ นักบริหารทางการเงินเช่น แบ็งค์ชาติ หรือภาคเอกชน หลายๆส่วนได้ช่วยประคับประคองประเทศชาติเอาไว้ครับ ผมเคยคุยกับคนสิงคโปร์ เขาว่าคนไทยนี่แหละเก่งสุดยอดในอาเซี่ยนแล้ว นี่ขนาดการเมืองไม่นิ่งยังไปได้ไกลขนาดนี้ ถ้าหากการเมืองไทยอยู่ตัวกว่านี้เขาว่าเราน่าจะแซงได้ทั้ง จีน และ ญี่ปุ่นครับ ( ข้ามประเทศ ด้อย ๆทางทรัพยากรอย่าง อินเดีย หรือ เกาหลีไปซะแบบไม่ต้องเสียเวลาคิด) ดังนั้นอย่าเพิ่ง ด่วนหมดกำลังใจ กับ การเมืองไทยครับ เพราะนี่มันแค่เพิ่งเริ่มต้นครับ เราพัฒนาประเทศ มาแค่ไม่เกิน ห้าสิบปี หลังสงครามโลก เท่านั้นเองส่วน การเมืองก้เพิ่งจะได้แค่ เจ้ดสิบปีครับ เรายังมีเวลาพัฒนาประเทศอีกแยะครับ ถ้าโลกไม่แตกเสียก่อนน่ะ
อาจจะขัดหูหน่อยนะครับผมว่าปัญหามันอยู่ที่เราๆท่านๆน่หละครับที่ชอบดูถูกคนไทยด้วยกันเองติก็มักจะติเพื่อทำลายไม่ได้ช่วยสร้างความมั่นใจหรือให้กำลังใจกัน ผมอยากจะบอกว่าต่างชาติเค้ายอมรับคนไทยกันหมดแล้วครับตอนนี้ในสายตาต่างชาติเราไม่ใช่ประเทศด้อยพัฒนาเหมือนสิบยี่สิบปีก่อนแล้วนะครับ ลองไปหาข้อมูลการวิจัยพัฒนาที่เราทำร่วมกับชาติต่างๆดูนะครับแล้วจะซึ้งหากเค้าไม่เชื่อมือเราคงไม่มาขอความร่วมมือด้วยหรอกครับ กรุณาออกมาจากกะลาได้แล้วครับท่านๆเลิกดูถูกตัวเองได้แล้วไม่งั้นก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่สู้แล้ว ผมอยากยกตัวอย่างเรื่องกีฬานะครับช่วงเกือบๆสิบปีก่อนมาเลเซียพยายามเร่งพัฒนานักกีฬาเพื่อแข่งกับเราอย่างมากจนสูสีกันอยู่พักนึงแต่ตอนนี้ยืนระยะไม่ได้เลยหันไปเอาอย่างสิงคโปร์มั่งโดยโอนสัญชาตินักกีฬาจากจีนมาแทน แต่เด็กบ้านเราสามารถพัฒนาไปถึงระดับโลกแล้วด้วยซ้ำในบางประเภท เห็นติๆกันมากไม่รู้เคยดูข่าวกันบ้างหรือปล่าวส่วนไอ้เรื่องการเมืองนะปล่อยมันทะเลาะกันไปเถอะครับเราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดก็พอ
ผมขอแสดงความคิดเห็น 3 ด้านครับ
1. การศึกษา อาจต้องปฏิวัติการศึกษาปฏิรูปคงไม่ทัน รูปแบบใดถึงจะเหมาะสมกับ คนไทย การสอน การวัดผล รวมทั้งบุคคลากรทางการศึกษา ครูมีภาระมากเกินไป ไม่ได้สอนเต็มที่ การทดสอบต่างๆเยอะเกินเหตุ ข้อสอบก็ยากเกินหลักสูตร ล่าสุดว่าจะมีการสอบจบปริญญาด้วยเอาเข้าไป
2.ด้านการเกษตร ผมโตมาได้ได้เรียนได้ทำงาน ก็เพราะการเกษตร แต่ในปัจจุบันต้นทุนการผลิตแพงขึ้น เกษตรกรยังขาดความรู้ในการทำการเกษตร ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้เมื่อไรที่เปิดการค้าเสรีเต็มรูปแบบจะเดือดร้อนมาก
3. ด้านสาธารณสุข เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านถือว่าดีพอสมควร แต่ยังต้องปรับปรุงเรื่องคุณภาพการรักษา การป้องกันที่ต้นเหตุ การเข้าถึงบริการ
ถึงท่าน hinnoi ผมเห็นว่าเรื่องการเมืองสำคัญอยู่จะทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เห็นทีจะไม่ได้ สันดานคนไทยส่วนดีก็มีมากแต่ส่วนไม่ดีก็มีอยู่ อย่างเช่น เอาง่ายๆตังแต่สมัยโบราณเลย เวลาบ้านเมืองสงบสุขนานๆแล้วชอบทะเลาะกัน ฆ่าฟันกันเอง กลับมาเรื่องการเมือง ถ้าเปรียบการเมืองเป็นร่างกายก็เหมือนส่วนหัว แล้วถ้าส่วนอื่นในร่างกายโตหมด แต่หัวไม่โต แบบนี้เห็นทีต่อไปจะได้ยาก