ถ้าเอา A 380 มาแล้ว ใช้ได้ดี คุ้มค่า ผู้โดยสารเยอะโดยเฉพาะเส้นทางบินข้ามทวีป น่าจะสั่งมาเพิ่มนะครับแล้วเปิดจุดบินใหม่ๆ เช่นนิวยอร์ค แคนาดา หรือ อเมริกาใต้ไปเลย รู้สึกสิงคโปร์จะเปิดจุดบินเข้าอเมริกาใต้เมื่อปีที่แล้วนี่เอง  เสียดายตอนแรกสั่งมาแค่ 6 ลำ ตอนนี้คิวยาวแล้ว สงสัยตอนแรกคงกลัวไม่คุ้ม

เพิ่งรู้นะครับ ว่าพี่เสือใหญ่ก็เป็นเจ้าของการบินไทยด้วย อิอิ อย่างนี้เคลมแอร์ซักคนก็ไม่ใช่เรื่องยากซิครับ อิอิ อ้อ บ้านผมรอดตายฉิวเฉียดครับ ขอบคุณคลองประปาและแนวกั้นเจ้าพระยาของจังหวัดนนทบุรี ครับ

ออกไปติดต่องานข้างนอกมาซะเพิ่งกลับมา เจอข่าวนี้ก็เลยเข้ามแสดความยินดีกับ การบินไทย ที่จะได้เครื่องใหม่ๆ มาใช้งาน เครื่องที่จะปลดนี่ พี่เสือใหญ่กับ คุณสถาปนิกฯ จะซื้อไว้มั้ยครับ ตั้งสายการบินต้นทุนต่ำแข่งกับชาวบ้านกันไปเลย ใช้สโลแกนว่า "ถึงเครื่องจะเก่า แอร์จะแก่ แต่นักบินใหม่หมดจด" ดีมั้ยครับ

ปล.เห็นเรียกร้องอยากได้รูปผู้หญิง เอ้าจัดไปครับ สำหรับพี่เสือใหญ่ คุณALPHA001 และเพื่อนที่เรียกร้อง

555... รูปนี้ก็ใช้ได้นะครับท่านเด็กทะเล ตัวจริงผิวพรรณยังเต่งตึงไม่ได้แก่อย่างในรูปนะครับ...

แบบนี้ ตั๊กซัดเรียบคร้าบบ..อิอิ

คุณแม่ผมครับที่เป็นเจ้าของการบินไทย มีหุ้นอยู่บ้างแบบว่ามรดกตกทอดกันมา ส่วนผมมีกินมีใช้

ไปวันๆ ก็โอเคแล้วครับ เหลือก็ใช้หนี้บ้างไปตามกำลัง หุ้นอะไรก็เล่นไม่เป็น หวยยังไม่ถูกเลย

อยากได้ต้องลงแรงเอง

พูดถึงเครื่องบินฟรีทใหม่ อยากรู้จังเลยครับว่า ถ้าเทียบกันต่อนำหนักบรรทุกและจำนวนผู้โดยสาร

ที่ขนไปได้แต่ละเที่ยว สมมุติว่าจัดเป็นชั้นประหยัดซัก 80% ชั้นธุรกิจ 15% และเฟิร์สคลาส 5%

ระหว่าง A380-800 กับ B747-800 แบบไหนจะคุ้มค่ากว่ากันครับ

ฟังมาว่า ด้วยจำนวนผู้โดยสารและสัมภาระที่มากเกินกว่าเครื่องทั่วไป A380 ต้องใช้เวลาในการ

ให้ผู้โดยสารขึ้นลงนานมาก รวมถึงเวลาที่ต้องรอกระเป๋าก็นานมากๆ ด้วย กลายเป็นจุดอ่อนท่ามกลาง

จุดแข็งอื่นๆ ให้ต้องพิจารณาด้วย ความสะดวกสบายของผู้โดยสารเครื่องบินไม่ได้จำกัดอยู่แค่บน

เครื่องเท่านั้น แต่รวมถึงความสะดวกสบายในสนามบินด้วย

สวัสดีพี่เสือหย่ายยยครับ

ช่วงนี้กำลังทยอยปลด A300-600 เหลืออยู่ไม่กี่ลำแล้วครับ หลังจากนั้นอีก 2-3 ปี จะทำการปลด A340-500,A340-600 เป็นลำดับต่อไปครับ ก็จะพอดีกับการรับมอบ A380 ครบ พร้อมๆกับการทยอยรับ B777ER และ A330 ที่สั่งซื้อไว้แล้วยังรับมอบไม่หมดต่อไปครับ  ส่วน B 737 เก่าของการบินไทยในอนาคตยังไม่แน่ว่าอาจจะโอนย้ายให้นกแอร์ หรืออาจจะทยอยปลดเช่นกันก็เป็นได้

นอกจากฟรีตแอร์คาโก้ ที่พี่อยากให้การบินไทยสร้าง ผมอยากให้การบินไทย ซื้อหรือเช่าเครื่องคาร์โก้มาเพิ่มอีกซัก 2 ลำน่าจะดีไม่น้อย แต่ก็ไม่รู้ว่าเครื่องคาร์โก้ B777  ที่เช่ามา 2 ลำเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วนั้น คุ้มกับค่าเช่ารึป่าวครับ

ฮ่าๆๆๆ ตกลงน้องน้ำไปเยี่ยมที่บ้านหรือเปล่าครับท่านสถาปนิกฯ ?

คือพอเห็นข่าว A380 ของ TG ในเวปผู้จัดการ ผมก็ดีใจ บวกกับเนื้อหาในจดหมายของ TG

ที่มีไปถึงผู้ถือหุ้น ทำให้ผมติ่นเต้นมากที่ในอนาคตอันใกล้ เราจะมีเครื่องโดยสารชั้นนำรุ่นใหม่

มาใช้

อย่าง Dreamliner ของ Boeing และ A350 ของ Airbus คลาสเดียวกันเลย

หรืออย่าง A320 น่าจะเอามาแทน B737-400 หรือเปล่า จริงๆ ก็ลุ้น B737-800 อยู่นะ

ยังขาดอยู่ก็แต่ B747-800 นี่แหละครับ ไม่งั้น TG แทบจะมีเครื่องโดยสารรุ่นใหม่ครบเลย

ส่วนเครื่องเฟรตเตอร์ รู้ทที่ A380 จะบินอย่างเช่น ยุโรป คงต้องให้เค้าไป ตัวมันใหญ่

ห้องเก็บสินค้าเยอะ แค่สัมภาระผู้โดยสารคงใช้พื้นที่ไม่มาก พื้นที่ที่เหลือมากพอสำหรับคาร์โก้

ครับ แต่พวกรู้ทอินเตอร์เอเซียที่ใช้เครื่องเล็กลงมา อันนี้น่าพิจารณาครับ โดยเฉพาะที่ไปกลับ

เมืองจีน อาเซี่ยน และ อินเดีย 

A340 เอาไปแห่มาแล้วหลายรอบนี่ครับ ไม่มีใครอยากได้ กินน้ำมันใกล้เคียงกับ 747 แต่บรรทุก

ได้น้อยกว่า จะให้ ทอ. ซื้อต่อไปทำแทงค์เกอร์ ทอ. ก็จะเหลือแต่กางเกง มองไม่เห็นทางขายเลยครับ...

แอร์บัสยืนยันพร้อมส่ง A380-800 ลำแรกให้ “การบินไทย” กลางปี 55 (รายงานพิเศษ)

เครื่องบินแอร์บัส เอ380-800 ของการบินไทยในสายการประกอบขั้นสุดท้ายที่เมืองตูลูส ฝรั่งเศส โดยแอร์บัสระบุว่าน่าจะสามารถส่งมอบอย่างเป็นทางการได้ภายในช่วงกลางปี 2555

คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น ภาพจำลองเครื่องบินแอร์บัส เอ380-800 ของการบินไทยเมื่อบินจริง (ภาพคอมพิวเตอร์กราฟิกโดยแอร์บัส) ภาพพาโนรามาของเครื่องการบินไทยในโรงงานที่ตูลูส ซึ่งมีการประเมินความคืบหน้าในสายการประกอบขั้นสุดท้ายราวร้อยละ 30 แหล่ง ผลิตและเส้นทางการขนส่งชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องบินแอร์บัส เอ380 เพื่อมาประกอบขั้นสุดท้ายที่เมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส ก่อนส่งไปตกแต่งและลงสีเครื่องที่เมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี โดยปัจจุบันเครื่องบินรุ่นนี้มียอดสั่งซื้อรวม 243 ลำแล้ว นาย คีธ สโตนสตรีท ผู้อำนวยการด้านการตลาดเครื่องบิน เอ380 ของแอร์บัสกำลังอธิบายขั้นตอนการประกอบเครื่องบินแอร์บัส เอ380-800 ในสายการประกอบขั้นสุดท้าย เครื่อง บินแอร์บัส เอ380 ของการบินไทยส่วนลำตัวที่ยังไม่ได้ลงสี โดยมีการประเมินว่าในช่วงปีใหม่ 2555 น่าจะสามารถบินไปลงสีและตกแต่งภายในที่เมืองฮัมบูร์กได้ เจ้าหน้าที่และช่างของแอร์บัสกำลังดำเนินการติดตั้งระบบไฟฟ้าภายในลำตัวของเครื่องแอร์บัส เอ380 ลำแรกของการบินไทยและของประเทศไทย ภาพ จำลองภายนอกของเครื่องบินแอร์บัส เอ380-800 ของการบินไทย ซึ่งน่าจะสามารถนำมาให้บริการได้ภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2555 (ภาพคอมพิวเตอร์กราฟิกจากการบินไทย) ASTVผู้จัดการ – “แอร์บัส” ยืนยันสามารถส่งมอบเครื่องบินแอร์บัส เอ380-800 ลำแรกจากที่สั่งทั้งหมด 6 ลำให้กับ “การบินไทย” ได้ในช่วงกลางปี 2555 โดยปัจจุบันอยู่ในสายการประกอบขั้นสุดท้ายที่เมืองตูลูส ฝรั่งเศส ก่อนช่วงปีใหม่จะบินไปพ่นสีที่ฮัมบูร์ก เยอรมนี การบินไทยประเมินน่าจะให้บริการได้ภายในไตรมาส 3 ปีหน้า เผยได้รับชื่อพระราชทานว่า “ศรีรัตนะ”                                เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้พาคณะสื่อมวลชนไทยเข้าเยี่ยมชมโรงงานผลิตเครื่องบินแอร์บัส ในเครือของบริษัทยูโรเปียน แอโรนอติก ดีเฟนซ์ แอนด์ สเปซ โค (EADS) ณ เมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส และความคืบหน้าของการผลิตเครื่องบินแอร์บัส รุ่น เอ380-800 ซึ่งบริษัทการบินไทยได้สั่งซื้อไว้จำนวน 6 ลำ เพื่อให้บริการผู้โดยสารในเส้นทางการบินระหว่างภูมิภาค                สำหรับเครื่องบินแอร์บัส เอ380-800 ซึ่งมีชื่อเล่นว่า “ซูเปอร์จัมโบ” ถือเป็นเครื่องบินเชิงพาณิชย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน โดยเป็นเครื่องบินลำตัวกว้างพิสัยไกล มีพื้นที่โดยสารขนาดสองชั้นตลอดลำ ซึ่งสามารถบรรจุผู้โดยสารได้มากกว่า 500 คน นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องบินเชิงพาณิชย์ที่มีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดในโลกและ ประหยัดพลังงาน คือใช้น้ำมันเพียง 3 ลิตรต่อผู้โดยสาร 1 คนต่อระยะทางการบิน 100 กิโลเมตร ทั้งยังสามารถควบคุมมลพิษทางเสียงและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งบริษัทการบินไทยได้สั่งจองเครื่อง เอ380 ไว้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2547                ก่อนหน้านี้ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทการบินไทยเคยเปิดเผยว่า บริษัทการบินไทยจะนำเครื่องบินแอร์บัส เอ380-800 มาให้บริการในเส้นทางการบินสู่เมืองแฟรงเฟิร์ต ลอนดอน และปารีส ซึ่งถือว่ามีผู้โดยสารหนาแน่นที่สุด จนทำให้เครื่องบินรุ่นโบอิง 747-400 (ความจุ 375 ที่นั่ง) และ 777-300 อีอาร์ (ความจุ 312 ที่นั่ง) ที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบันไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้โดยสาร อีกทั้งด้วยนโยบายในการจำกัดเที่ยวบินของแต่ละสายการบิน ทำให้โอกาสในการขอเพิ่มเที่ยวบินกับประเทศต่างๆ นั้นมีน้อยมาก                “ในด้านการบริการเครื่องบิน เอ380 นี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ผู้โดยสาร เนื่องจากมีพื้นที่กว้างขวางและความสะดวกสบายมากขึ้นในทุกชั้นโดยสาร” นายปิยสวัสดิ์ระบุ                เจ้าหน้าที่จากกองประชาสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ บริษัทการบินไทย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ASTVผู้จัดการ ว่า เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องโบอิง 747-400 แล้ว เครื่องบินแอร์บัส เอ380-800 ถือว่ามีพื้นที่ห้องโดยสารทั้งชั้นบนและชั้นล่างกว้างกว่าถึงร้อยละ 50 มีหน้าต่างช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะที่สูงขึ้นถึง 60 เซนติเมตรหรือราว 2 ฟุต โดยผังผู้โดยสารที่ทางแอร์บัสได้นำเสนอจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ตั้งแต่ 525 ถึง 853 คน แต่เมื่อคำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้โดยสารแล้วการบินไทยตัดสินใจว่าจะจัด ผังผู้โดยสารจำนวน 507 ที่นั่ง โดยแบ่งเป็น ที่นั่งโดยสารชั้นหนึ่ง 12 ที่นั่ง ชั้นธุรกิจ 60 ที่นั่ง และชั้นประหยัด 435 ที่นั่ง                “ในที่นั่งโดยสารชั้นหนึ่งและชั้นธุรกิจที่สะดวกสบายอยู่แล้ว สำหรับเครื่อง เอ380 ผู้โดยสารก็จะได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้นไปอีก ส่วนที่นั่งโดยสารชั้นประหยัดก็จะใหญ่ขึ้นมากโดยมีความกว้างที่นั่ง 18 นิ้วและระยะห่างระหว่างแถว 32 นิ้ว นอกจากนี้ยังออกแบบให้มีจอภาพระบบสัมผัสทุกที่นั่ง นอกจากนี้ยังมีบริการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและปลั๊กไฟส่วนตัวสำหรับ คอมพิวเตอร์วางตักของผู้โดยสารอีกด้วย” เจ้าหน้าที่จากบริษัทการบินไทยกล่าว                แอร์บัสยันพร้อมส่งมอบลำแรกกลางปีหน้า                 นายคีธ สโตนสตรีท ผู้อำนวยการด้านการตลาดเครื่องบิน เอ380 ของแอร์บัส ให้สัมภาษณ์ว่าเครื่องบินรุ่น เอ380 นั้นถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้นของวัฏจักรของเครื่องบินซึ่งจะมีอายุตั้งแต่ 25 ถึง 40 ปี โดย เอ380 เริ่มบินเชิงพาณิชย์ครั้งแรก ในปี 2551 กับสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ หนึ่งในพันธมิตรของการบินไทยในกลุ่มสตาร์อัลไลแอนซ์ ซึ่งในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาก็ถือว่าเป็นเครื่องบินพิสัยไกลรุ่นที่ดีที่สุดในโลก จนทำให้ปัจจุบันมียอดยืนยันการสั่งซื้อถึง 243 ลำ จากลูกค้า 18 สายการบิน/ราย                 “สายการบินที่สั่งซื้อเครื่องบินรุ่นเอ 380 มากที่สุดคือ สายการบินเอมิเรตส์จำนวน 90 ลำ ขณะที่พันธมิตรในกลุ่มสตาร์อัลไลแอนซ์ก็มีอยู่ 4 รายที่ได้รับมอบเครื่องหรืออยู่ระหว่างการผลิตและส่งมอบเครื่องคือ การบินไทย (6 ลำ) สิงคโปร์แอร์ไลน์ (19 ลำ) เอเชียนาแอร์ไลน์ (6 ลำ) และลุฟท์ฮันซา (17 ลำ)” นายสโตนสตรีทเปิดเผย และว่านอกจากลูกค้าสายการบินแล้ว ยังมีการสั่งซื้อจากลูกค้าส่วนบุคคลอีก 1 ลำด้วย                 สำหรับรายละเอียดของการผลิตเครื่องบิน เอ380-800 ของการบินไทยนั้น ผู้อำนวยการด้านการตลาดเครื่องบิน เอ380 ของแอร์บัสเปิดเผยว่า หลังจากชิ้นส่วนต่างๆ ของ เอ380-800 ซึ่งถูกผลิตจากโรงงานใน 4 ประเทศ คือ ฝรั่งเศส เยอรมนี สเปนและสหราชอาณาจักร ถูกลำเลียงมายังเมืองตูลูส ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสแล้วก็จะเข้าสู่สายการประกอบขั้นสุดท้าย หรือ Final Assembly Line ซึ่งขั้นตอนนี้จะกินเวลาราว 6-8 เดือน โดยแบ่งเป็นส่วนต่างๆ ดังนี้คือ การประกอบลำตัวเครื่องบินส่วนหน้า ส่วนกลาง ส่วนหลัง รวมไปถึงส่วนปีกและส่วนหางเครื่องบินทั้งแบบแนวนอนและแนวตั้งเข้าด้วยกัน จากนั้นเครื่องบินจะถูกนำไปยังส่วนที่สองเพื่อทำการทดสอบขั้นพื้นฐานด้าน ระบบไฟฟ้า ระบบไฮโดรลิก เครี่องยนต์ และระบบลงจอดทั้งหมด ซึ่งในส่วนนี้จะมีการติดตั้งเครื่องยนต์ด้วย จากนั้นในส่วนที่สามจึงมีการทดสอบการลงจอดและการทำงานของเครื่องยนต์ โดยเครื่องบินจะถูกทดสอบในโรงงานที่สร้างขึ้นเฉพาะนอกอาคารหลัก และลำดับสุดท้ายเครื่องบินแอร์บัส เอ380 จะทำการบินเที่ยวแรกไปยังโรงงานแอร์บัสในเมืองฮัมบูร์ก เพื่อทำการตกแต่งและลงสีเครื่อง ก่อนที่จะบินกลับมายังโรงงานที่ตูลูสเพื่อส่งมอบให้กับลูกค้าในที่สุด                 “สายการประกอบขั้นสุดท้ายของ เอ380 จะใช้เวลาประมาณ 6 ถึง 8 เดือน ขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของเครื่องบิน ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นสำหรับลูกค้า เอ380 ที่จะต้องรับเครื่องบินลำแรกก็จะต้องใช้เวลาในการตรวจสอบนานกว่าลำถัดๆ มา สำหรับเครื่อง เอ380 ของการบินไทยจะมีอะไรพิเศษกว่าของคนอื่นๆ คงต้องให้การบินไทยเป็นคนบอก" นายสโตนสตรีทกล่าว และว่าในส่วนเครื่องของการบินไทย หลังจากชิ้นส่วนทั้งหมดเข้ามาในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ณ ปัจจุบันเครื่องลำแรกของการบินไทยกำลังอยู่ระหว่างการติดตั้งระบบไฟฟ้า ไฮโดรลิก เครื่องยนต์ ระบบลงจอด และการทดสอบเครื่องยนต์ซึ่งจะกินเวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์ โดยความคืบหน้าในส่วนสายการประกอบขั้นสุดท้ายนี้ตนประเมินว่าอยู่ที่ร้อยละ 30                 “ปีใหม่เครื่องน่าจะบินไปอยู่ที่ฮัมบูร์ก ซึ่งจะมีการติดตั้งระบบครัว เบาะนั่ง และอุปกรณ์พิเศษอื่นๆ ที่ทางการบินไทยได้ออกแบบและสั่งทำเอาไว้ จากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนของการลงสีเครื่องซึ่งใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ และถ้าทุกอย่างเรียบร้อยเครื่องบินของการบินไทยก็จะบินกลับมายังตูลูส เพื่อรอการตรวจสอบจากลูกค้าและส่งมอบต่อไป โดยกระบวนการทั้งหมดน่าจะเสร็จสิ้นภายในช่วงกลางปีหน้า (พ.ศ.2555)” ผู้อำนวยการด้านการตลาดเครื่องบิน เอ380 กล่าวยืนยัน                 ด้านเจ้าหน้าที่จากบริษัทการบินไทยกล่าวเสริมว่า ตามแผนงาน หลังจากที่การบินไทยได้รับมอบเครื่องบิน เอ 380-800 ลำแรกจากแอร์บัสในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2555 แล้ว ทางบริษัทจะนำมาให้บริการบนเส้นทางในภูมิภาคก่อนเช่น เส้นทางกรุงเทพ-ฮ่องกง เพื่อรออีก 5 ลำที่จะตามมา ซึ่งจะทำให้การบินไทยสามารถให้บริการผู้โดยสารด้วยเครื่องบินแบบ เอ380-800 บนเส้นทางระหว่างภูมิภาค โดยเฉพาะในเส้นทางยุโรปได้อย่างเต็มรูปแบบ                 อนึ่ง บริษัทการบินไทยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานนามเครื่องบินแอร์บัส รุ่น เอ380-800 ลำแรกของบริษัทและของประเทศไทยว่า “ศรีรัตนะ”

http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9540000160857

http://www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9540000160857

ฮ่า ๆ รูปน้องเก๋ หรือ ยายแหววทาทายาย น่ะครับ พี่เสือใหญ่ เจ้าของเพลงขอยายก่อน ฟังแล้วตลกดีเลยชอบ

ว่าแต่ถ้า A-380-800 มาเมื่อไหร่พี่เสือใหญ่ถ่ายรูปมาให้ชมบ้างนะครับ จะเป็นรูปถ่ายพี่เสือใหญ่ติดคู่มาก็ไม่เป็นไรเพราะหุ่นพอๆกันอยู่แล้ว น่าจะไหว ฮิ ฮิ

ข่าวนี้นานละแต่ก็เยวข้องกันกับกระทู้นี้ครับ

A380 เครื่องแรกของการบินไทย เข้าสู่สายการประกอบขั้นสุดท้าย

เครื่องบิน Airbus A380 เครื่องแรกของการบินไทย ได้เข้าสู่สายการประกอบขั้นสุดท้ายในตูลูส, ฝรั่งเศส


ที่สายการประกอบขั้นสุดท้ายของเครื่องบินโดยสาร Airbus A380 เครื่องแรกของการบินไทย ส่วนประกอบต่างๆ จะถูกนำมารวมกันเพื่อประกอบรวมกันเป็นตัวเครื่องบิน ก่อนจะถูกย้ายไปที่ "สถานีควบคุมสุดท้าย" เพื่อรับการติดตั้งระบบและอุปกรณ์ และตรวจสอบ

การบินไทยจะได้รับ A380 เครื่องแรก จากการสั่งซื้อจำนวน 6 เครื่อง ในไตรมาสที่สามของปี 2012 และเครื่องบินนี้ทางการบินไทยจะใช้บินให้บริการในเส้นทางการบินชั้นนำระหว่างกรุงเทพฯ และ ยุโรป

First Thai Aiways A380 enters final assembly line

Thai Airways first Airbus A380 aircraft has entered the final assembly line in Toulouse, France.

At the final assembly line, the various sections of Thai Airways first A380 will be brought together and assembled on a single jig in several phrases prior to being moved to the "final control station" for equipment and systems installation and checks, the airline said in a statement.

Thai Airways is set to receive the first of six A380s on order in the third quarter of 2012 and will operate the aircraft on premier routes between Bangkok and Europe.

http://thaidefense-news.blogspot.com/2011_11_01_archive.html

เห็นห้องนักบินแล้ว...โอ้ว ! รูปแบบสไตส์ยุโรปเป็นแบบนี้นี่เอง

ขอแก้คำผิดครับ.....เยวข้อง...เป็น เกี่ยวข้อง...ครับ T_T

ขอบคุณ.........คร๊าบผ้ม............ สำหรับรูป.......กึ๋ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!...

เครื่อง freighter คงหนีไม่พ้นเจ้าป้า 747-400 ลำแรกๆ ถูกศัลยกรรมเป็น 747-400BCF เป็นแน่แท้ครับ

แต่หวังใจว่าการบินไทยจะสั่ง 747-8I มาแทนน้องๆ 747-400 ซึ่งจะกลายเป็นป้าในอนาคตด้วยครับ เพราะดูแล้วรายนี้ก็ไม่ธรรมดา...
ว่าแต่ได้ข่าวว่า 747-400 ที่จะ retrofit จะมี first class เป็น suite ไปเลย แจ๋วจริงๆ

ออฟฟิศผมอยู่ในเขตฟรีโซน สนามบินสุวรรณภูมิครับ ถ้า A380 มาเมื่อไหร่คงต้องไปเกาะรั้ว

ข้างรันเวย์แอบถ่ายเหมือนท่านอื่นๆ นั้นแหละครับ แถมกล้อง G12 คู่ใจก็ถ่ายได้ดีระดับหนึ่ง

เลนซ์ซูมเลนส์วายด์อะไรก็ไม่มี รอทีมแอร์โรสเปซทำสคู๊ปดีกว่าครับท่านเด็กทะเล

รูปยายแหววตอนไม่แต่งแก่ดูดีนะครับ อย่ามองข้ามเชียว..อิอิ