เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2556 ณ โรงงานสร้างยานเกราะเคียฟ ในประเทศยูเครน ได้มีการลงนามของการยอมรับทางด้านเทคนิค.. สำหรับยานเกราะล้อยาง BTR-3 อีกจำนวน 22 คัน ที่ทางการยูเ้ครนจะนำส่งให้กับกองทัพบกไทย ซึ่งประกอบด้วย ยานเกราะล้อยาง BTR-3E1 รุ่นลำเลียงพล 15 คัน, BTR-3M2 รุ่นติดตั้งเครื่องยิงลูกระเบิด.. 4 คัน, BTR-3BR รุ่นกู้ซ่อม 2 คัน และ BTR-3K รุ่นบังคับการ 1 คัน ...
เครดิตภาพจาก www.thaidefense.com ครับ
ผมเเถมให้อีก 2 ภาพครับ เป็นภาพการฝึกยิงปืน76/62 oto malara ของเรือหลวงปัตตานีครับ
ค.120ของเราเป็นรุ่นอะไรครับ
ค.120
ส่งมาโลด .. ในมุมมองของผม ผมว่าสมัยนี้ ล้อยางน่าจะดีกว่าแบบสายพาน
เพราะไม่ว่ายังไง ถ้าโดนยิงด้วย RPG รุ่นใหม่ๆ ก็เดี้ยงทุกคัน
แบบล้อยางความคล่องตัวสูงกว่าเยอะ ( ในสมรภูมิแถบๆบ้านเรา )
ผมคิดว่า อีก 20 ปี ข้างหน้า แบบสายพานลำเลียงอาจจะเลิกผลิต
รถเกราะสายพานลำเลียงพล ยังมีคุณค่าทางยุทธการอยู่ครับ รถเกราะล้อยางมีจุดเด่นคือทำความเร็วได้ดีกว่าสายพาน มีความคล่องตัวกว่าในการรบในเขตเมืองที่มีพื้นดินไม่ทุรกันดาร แต่ข้อเสียคือข้อจำกัดในการเคลื่อนที่ในพื้นที่ทุรกันดารเช่นพื้นที่ชุ่มน้ำโคลน พื้นที่ภูเขาที่ล้อยางไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่ล้อสายพานตีนตะขาบสามารถเข้าถึงได้ดีกว่า เพราะฉะนั้นล้อสายพานยังมีประโยชน์และไม่ไมาดคุณค่าทางยุทธการง่ายๆหรอกครับ เพียงแต่หน้าที่ของ APC กับ IFV มันต่างกันแค่นั้นครับ ข้อดีข้อด้อยต่างกันครับผม
อีก 20 ปี คงใช้ UAV ฟัดกันหมดแล้ว - -
ล๊อตใหนครับ
ล้อสายพานยังไงก็จำเป็นครับ โดยเฉพาะหน่วยทหารม้ายานเกราะ
ซึ่งต้องต้องรบร่วมกับหน่วยทหารม้ารถถัง ลุยไปพร้อมกัน
ส่วนทหารราบยานเกราะแล้วแต่ความเหมาะสม
ล็อต2ครับ
เดี๋ยวคงใด้เห็นการซ้อม 120มม
ถ้าอีก 20ปีจะใช้ UAV จริงๆจังๆ ผมก็อยากให้ 3เหล่าทัพร่วมกันขุด Fantrainerมาพัฒนาเป็น UAV ใช้กันเลย จัดซื้อลิขสิทธิ์พัฒนาใบพัดลดเสียง/ติดอาวุธ ฯลฯ