หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


VLSอาวุธปล่อยพื้นสู่อากาศกับชั้น ร.ล.นเรศวร (อีกแล้ว)

โดยคุณ : AAG_th1 เมื่อวันที่ : 04/04/2008 14:55:30

เป็นหัวข้อที่คุยกันมาไม่รู้ต่อกี่ครั้งแล้วครับสำหรับการปรับปรุงการติดแท่นยิงVLSและอาวุธพื้นสู่อากาศให้เรือชั้น ร.ล.นเรศวร ซึ่งหลังจากที่มีรายงาน งป.กห.ประจำปีออกมาก็ลองมาคุยกันอีกทีแล้วกันครับ แบบสั้นๆ

ตามความเห็นส่วนตัวแบบแผนที่เป็นไปได้และใช้งบประมาณไม่มากนักคือการติดแท่นยิงแนวดิ่งแบบ Mk48 Mod 2 และติดตั้ง Radar ควบคุมการยิง STIR อีกตัวที่ท้ายเรือเหนือโรงเก็บ ฮ.
ซึ่งรูปแบบเรือที่ปรับปรุงแล้วน่าจะออกมาคล้ายๆภาพนี้ครับ

ในภาพแท่นยิง Mk48 จะเป็นแบบต่อเป็นป้อมยกขึ้นมาจากดาดฟ้าเพิ่มลักษณะเดียวกับที่ติดปืน OTO 76มม. บน ร.ล.ตาปี และ ร.ล.คีรีรัฐ ครับ เนื่องจากเป็นไปได้ที่มีข้อจำกัดด้านโครงสร้างตัวเรือในการติดตั้ง VLS แบบเจาะลงไปในดาดฟ้าใหญ่เช่น Mk41
เข้าใจว่ากองทัพเรือน่าจะมีความสามารถในการทำการสร้างและติดตั้งภายในอู่ในประเทศได้เองครับ

แต่ประเด็นสำคัญคือระบบทั้งหมดนี้สามารถเชื่อต่อระบบกับระบบอำนวยการรบของเรือคือ ZKJ-3T ของจีนได้หรือไม่ต่างหากครับ ส่วนตัวคิดว่าระบบอำนวยการรบของจีนนี้มีข้อจำกัดมากครับ ซึ่งประเมินแล้วอาจจะไม่คุ้มค่าที่จะการปรับปรุงเรือในลักษณะดังกล่าวครับ

จากข่าวล่าสุดที่ว่ากองทัพเรือมีแผนจะจัดหาแท่นยิง Sadral จำนวน4แท่นนั้นไม่ทราบปัจจุบันมีความคืบหน้าอย่างไรครับ





ความคิดเห็นที่ 1


โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า ตัวแท่นยิงไม่น่าจะยกขึ้นมาแบบนั้นนะครับ ด้วยเหตุที่ว่าตัวเองเคยเห็นช่องที่เขาทำไว้รองรับ VSL MK41 แล้วครับ จึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องยกขึ้นมาดังรูป อีกอย่างหนึ่งคือแบบที่ออกไว้และทำไปแล้วได้ออกแบบให้รับแบบ 2 ชั้นด้วยครับ
โดยคุณ photo pds เมื่อวันที่ 30/03/2008 12:56:45


ความคิดเห็นที่ 2


ดูจากภาพแล้ว พื้นที่ระหว่างป้อมปืน 5 นิ้ว กับ สะพานเดินเรือ ของ เรือชั้น นเรศวร  ของจริงน่าจะแคบกว่านะครับ คงจะไม่สามารถติดฐานจรวดแบบในภาพได้ นอกเสียจากขยายตัวเรือออกไปอีกนิดหน่อย แต่เชื่อว่าจริงๆ แล้วไม่สามารถทำได้  เพราะไม่คุ้มที่จะดำเนินการ ต่อเรือใหม่น่าจะดีกว่า 

ต้องยอมรับนะครับ ว่าเรือชั้น นเรศวร  มีความผิดพลาดอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างดูดีหมด ตั้งแต่ต้น  แต่ทำไมพลาดเรือการเชื่อมต่อของระบบอาวุธไปได้ ทุกอย่างเลยเป็นอย่างที่ทราบๆ กัน เรือดีๆ ที่น่าจะเป็นกำลังสำคัญของกองทัพ กลับมีขีดความสามารถแค่ 2 มิติ เท่านั้น  ไม่สามารถป้องกันภัยทางอากาศให้กับกองเรือได้อย่างที่วางแผนไว้  เศร้าจริงๆ

และอีกอย่างถ้ายกป้อมเพื่อติดระบบอาวุธแบบในภาพ ที่เหมือนเคยทำกับเรือชั้น ตาปี / คีรีรัฐ   กลัวนะครับ  ว่าสมดุลของเรือจะเสียเหมือนที่เกิดขึ้น

เป็นห่วงกองทัพเรือไทยจริงๆ ครับ

โดยคุณ vasin เมื่อวันที่ 30/03/2008 20:04:48


ความคิดเห็นที่ 3


ติดสักทีสิครับ    เฮ้อ จะได้เป็นใหญ่ในน่านนํ้าอาเซียนบ้าง
โดยคุณ roger เมื่อวันที่ 30/03/2008 22:03:53


ความคิดเห็นที่ 4


ติดสักทีสิครับ    เฮ้อ จะได้เป็นใหญ่ในน่านนํ้าอาเซียนบ้าง
โดยคุณ roger เมื่อวันที่ 30/03/2008 22:03:54


ความคิดเห็นที่ 5


ตอนที่กองทัพเรือทำการติดตั้งปืนใหม่ให้ ร.ล.ตาปี และ ร.ล.คีรีรัฐ นั้นนอกจากการต่อดาดฟ้ายกสำหรับป้อมปืน 76mm/62 ด้านหน้าเนื่องจากไม่สามารถเจาะดาดฟ้าหลักเพื่อติดตั้งปืนได้แล้ว การเปลี่ยนปืนท้ายเป็นปืน 40/70 ซึ่งเบากว่าปืนใหญ่หลัก(76/50)เดิมนั้นทำให้น้ำท้ายเรือเบาลงไปจนเสียสมดุลครับ วิธีแก้คือต้องนำแท่นตะกั่วมาถ่วงท้ายเรือเพื่อปรับสมดุลโครงเรือ อย่างไรก็ตามหลังจากการปรับแต่งแล้วความเร็วของเรือร.ล.ตาปี และ ร.ล.คีรีรัฐ ก็ลดลงไปราว1-2knotครับ

การสร้างดาดฟ้ายกต่อจากดาดฟ้าเรือจะคล้ายๆกับเรือที่ติดแท่นยิง Mk48 บริเวณหน้าสะพานเดินเรือเช่นเรือชั้น Karl Doorman ของเนเธอร์แลนด์ หรือเรือชั้น KDX-I ของเกาหลีใต้ แต่เรือสองชั้นนั้นดาดฟ้ายกจะเชื่อมต่อกันครับ และพื้นที่ระหว่างปืนใหญ่หลัก(Karl Doorman เป็น OTO 76mm ส่วน KDX-I เป็น OTO 127mm ซึ่งใหญ่กว่า Mk 45 พอสมควร) กับแท่นยิงVLS นั้นก็ห่างกันมากว่านี้ครับ โดยในภาพเรือชั้น ร.ล.นเรศวรนี้การหันกระดกตัวปืน 5 คงไม่น่าจะมีปัญหาครับ

ถ้ามีพื้นที่ว่างภายในดาดฟ้าหลักรองรับ Mk41 VLS ได้จริงนี้ไม่ทราบว่าจะรองรับ Mk48 ได้หรือไม่นะครับ ซึ่งแท่นยิงMk48 นี้มีราคาถูกกว่ามีกลไกการทำงานไม่ซับซ้อนกว่ามีน้ำหนักและใช้พื้นที่ติดตั้งน้อยกว่า และถ้าเทียบกันด้านความจุอาวุธแล้ว Mk41 8ท่อยิง กับ Mk48 Mod2 16ท่อยิงแล้ว Mk48 จุด RIM-7VL Sea Spparow ได้มากว่าครับ(ถ้าESSMก็เท่ากัน 32นัด)

แต่อย่างไรก็ตามส่วนตัวคิดว่าทางกองทัพเรือคงจะไม่มีแผนที่จะติดอาวุธปล่อยจากท่อยิงแนวดิ่งให้ ชั้น ร.ล.นเรศวร อีกต่อไปแล้วละครับ

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 31/03/2008 01:17:51


ความคิดเห็นที่ 6


MK41 ของเดิม น่าจะเป็นไปได้มากกว่าครับ
ซึ่งเรื่องที่น่าสงสัย ก็เหมือนเดิมคือ ความสามารถของระบบอำนวยการรบ และ
การควบคุมความเสียหายในกรณีต่างๆ
นับวัน ราคาเหล็ก มีแต่จะแพงขึ้น ไหนทร. จะต้องจัดงบไปปรับปรุงกำลังรบส่วนอื่นด้วย
แล้วยิ่งข่าวฟริเกตใหม่ 2 ลำ หายจ๋อมไปเลย
( LPD, เรือดำน้ำ. ฮ... เจอเท่านี้ก็หน้ามืดได้แล้ว)
เลยจะคิดว่า เปลี่ยนระบบอำนวยการรบ เพิ่มเติมอาวุธให้ครบ จะประหยัดกว่า
เน้นระบบอีเล็คโทรนิคส์, ซอฟท์คิล ให้มาก เรือฟริเกตขนาดแค่นี้
โดนจังๆ ซักลูก ก็จบกันแล้ว
และอยากเห็นจริงๆครับ ให้ Sadral เป็น  ระบบอาวุธป้องกันภัยทางอากาศระยะใกล้-ประชิด
ลักษณะเดียวกับที่ทร.สหรัฐมี  RIM-116 ติดตั้งบนเรือแบบต่างๆ
โดยคุณ Mstn เมื่อวันที่ 31/03/2008 02:31:52


ความคิดเห็นที่ 7


ถ้า ทร.ไม่พัฒนาเรือชุดนี้ต่อ โครงการแลกเรือกับทางเกาหลีน่าจะรื้อฟื้นขึ้นนะครับ..แต่ใจจริงแล้วอย่างให้พัฒนาต่อครับ....อีกเรื่องหนึ่งครับไม่ทราบว่า A-7 ของ กบร. ยังบินได้อยู่หรือเปล่าถ้ายุบกองบินแล้วหรือไม่ซ่อมแล้ว..เราจะใช้ประโยชน์กับปืน 20 มม. 6 ลำกล้องอย่างไรดี เห็นแล้วเสียดายครับ

 

โดยคุณ u209 เมื่อวันที่ 31/03/2008 10:54:52


ความคิดเห็นที่ 8


อันนี้มีข่าวเกี่ยวกับเรือฟริเกตสมรรถนะสูงจากแหล่งข่าวหนึ่งที่ส่วนตัวนี้คิดว่าไม่น่าเชื่อถือนักครับ(เพราะเจ้าตัวแหล่งข่าวไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับเรือโดยตรงตอนนี้ แล้วก็เป็นแค่การคุยกันเล่นๆ) เนื้อความโดยสรุปคือ

1.ยังอยู่ในแผนการพิจารณาอยู่ จำนวนเท่าเดิมคือ2ลำ แต่ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมด้านงบประมาณและสถานการณ์ในอนาคต

2.อาจะคล้ายกับ ร.ล.จักรีนฤเบศร ตรงที่ ต่อที่สเปน และ เล็กที่สุดในโลกถ้าเทียบกับเรือประเภทเดียวกัน

ส่วนตัวไม่มีอะไรที่ยืนยันได้ชัดเจนตอนนี้เลยยังไม่ค่อยเชื่อครับ(โดยเฉพาะที่ว่ากองทัพเรือจะสั่งต่อเรือจากสเปนอีกหรือ?)

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 31/03/2008 22:32:42


ความคิดเห็นที่ 9


กองทัพเรือเป็นทัพที่จัดซื้ออาวุธได้แย่ที่สุดแล้วมั้งครับ ดูแต่ละอย่างที่ซื้อมาไม่สมประกอบเช่นเรือก็ไม่มีระบบอาวุธ หรือ av-8 ,a7 ซึ่งรู้กันอยู่แล้วว่าเป็นรุ่นเก่ามีปัญหาด้านอะไหล่แน่ เอามาใช้ไม่นานก็ต้อง ground หมด

รู้ทั้งรู้ว่างบมีจำกัดก็ต่อเรือออกมาใหม่เรื่อยๆโดยระบบอาวุธไม่พร้อมเหมือนอีหรอบเดิม คือพูดง่ายๆว่าเน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ สามารถจมได้ง่ายๆเพียงแค่ลูกระเบิดไม่นำวิถีด้วยซ้ำเพราะเรือไม่มีระบบป้องกันภัยทางอากาศหรือเรือคุ้มกันเลย

รู้กันอยู่แล้วว่าการโจมตีเรือนั้นจะใช้การโจมตีทางอากาศ กองทัพน่าจะเห็นความสำคัญของเรือป้องกันภัยทางอากาศสูงสุด จะ upgrade หรือซื้อใหม่ก็ควรรีบทำ หยุดการใช้งบในสิ่งที่ไร้ประโยชน์ โดยการฝันจะมีเครื่องบินเองหรือซื้อฮ.ใหม่ซะที(ปล่อยให้เป็นหน้าที่ทหารอากาศเถอะ)

 

อย่าหลอกตัวเองว่าเราเป็นทัพที่เกรียงไกรต่อไปเลยครับ สมัยนี้ผลแพ้ชนะของสงครามอยู่ที่เทคโนโลยีทั้งนั้น

โดยคุณ more เมื่อวันที่ 01/04/2008 06:11:17


ความคิดเห็นที่ 10


ผมขอสนับสนุนความเห็นคุณ more ในเรื่องเทคโนโลยีของยุทโธปกรณ์ที่เราจะจัดหาจะต้องทันสมัยและก้าวหน้า อยากให้ผู้นำเหล่าทัพและรัฐบาลมีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย เพราะผมสังเกตุจากการจัดหายุทโธปรณ์ของกองทัพไม่ว่าเหล่าใดส่วนใหญ่จะไม่ค่อยทันสมัย (ของตกรุ่นบ้าง ของมือสองบ้าง) ใช้ไปไม่นานก็ต้องโละทิ้ง หรือใช้ได้ไม่เต็มที่ ซึ่งถ้าหากเราคิดว่าเรามีอาวุธไว้เพื่อปกป้องคุ้มครองชาติ เพื่อความมั่นคง ปลอดภัย และเพื่อ ศักดิ์ศรี เกียรติภูมของชาติ เราก็ต้องคำนึงว่าเครื่องมือที่ใช้ในการปกป้องในที่นี้ก็คืออาวุธยุทโธปกรณ์ของเราจะต้องคาดหวังเป็นหลักประกันได้ว่าเราจะใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อบรรลุวัตประสงค์คือปกป้องคุ้มครองชาติได้จากศัตรู ซึ่งหมายถึงว่าเราได้ใช้เครื่องมือเหล่านี้ได้ต่อสู้กับอริราชศัตรู ภัยคุกคามต่างๆ ให้ออกไปจากประเทศ และได้รับชัยชนะอันนำมาซึ่งศักดิ์ศรี และเกียรติภูมิ  ซึ่งถึงแม้ว่าเราจะไม่ไปรบกับใครอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยเหล่านี้ก็ช่วยในเชิงของอำนาจต่อรองของเรากับต่างประเทศ

ส่วนประเด็นอื่นด้านบุคลากรก็ต้องพัฒนาด้วย ทั้งทางด้านการฝึกศึกษา การพัฒนาขีดความสามารถทั้งการใช้งานยุทโธปรณ์ให้ใช้เต็มประสิทธิภาพ การซ่อมบำรุงรักษา การต่อยอดพัฒนาเทคโนโลยีที่มีอยู่และพึ่งพาตัวเองให้มากที่สุด

สุดท้าย... อาวุธยุทโธปกรณ์ที่จัดหาเราควรจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากประเทศผู้ขายด้วย เพื่อประโยชน์ในการพัฒนา และต่อยอดทางเทคโนโลยี และต้องมีความคุ้มค่าในระยะยาว....อีกทั้งใจการซื้อขายอาวุธยุทโธปกร์เหล่านี้จะต้องมีการเจรจาแลกเปลี่ยนการค้าต่างตอบแทนกัน เพื่อเป็นการที่เราจะได้ไม่ต้องซื้อเขาอย่างเดียว ให้เป็นประโยชน์กับประชาชน และเศรษฐกิจของชาติด้วย..

โดยคุณ sk03 เมื่อวันที่ 02/04/2008 02:58:50