เป็นหัวข้อที่คุยกันมาไม่รู้ต่อกี่ครั้งแล้วครับสำหรับการปรับปรุงการติดแท่นยิงVLSและอาวุธพื้นสู่อากาศให้เรือชั้น ร.ล.นเรศวร ซึ่งหลังจากที่มีรายงาน งป.กห.ประจำปีออกมาก็ลองมาคุยกันอีกทีแล้วกันครับ แบบสั้นๆ
ตามความเห็นส่วนตัวแบบแผนที่เป็นไปได้และใช้งบประมาณไม่มากนักคือการติดแท่นยิงแนวดิ่งแบบ Mk48 Mod 2 และติดตั้ง Radar ควบคุมการยิง STIR อีกตัวที่ท้ายเรือเหนือโรงเก็บ ฮ.
ซึ่งรูปแบบเรือที่ปรับปรุงแล้วน่าจะออกมาคล้ายๆภาพนี้ครับ
ในภาพแท่นยิง Mk48 จะเป็นแบบต่อเป็นป้อมยกขึ้นมาจากดาดฟ้าเพิ่มลักษณะเดียวกับที่ติดปืน OTO 76มม. บน ร.ล.ตาปี และ ร.ล.คีรีรัฐ ครับ เนื่องจากเป็นไปได้ที่มีข้อจำกัดด้านโครงสร้างตัวเรือในการติดตั้ง VLS แบบเจาะลงไปในดาดฟ้าใหญ่เช่น Mk41
เข้าใจว่ากองทัพเรือน่าจะมีความสามารถในการทำการสร้างและติดตั้งภายในอู่ในประเทศได้เองครับ
แต่ประเด็นสำคัญคือระบบทั้งหมดนี้สามารถเชื่อต่อระบบกับระบบอำนวยการรบของเรือคือ ZKJ-3T ของจีนได้หรือไม่ต่างหากครับ ส่วนตัวคิดว่าระบบอำนวยการรบของจีนนี้มีข้อจำกัดมากครับ ซึ่งประเมินแล้วอาจจะไม่คุ้มค่าที่จะการปรับปรุงเรือในลักษณะดังกล่าวครับ
จากข่าวล่าสุดที่ว่ากองทัพเรือมีแผนจะจัดหาแท่นยิง Sadral จำนวน4แท่นนั้นไม่ทราบปัจจุบันมีความคืบหน้าอย่างไรครับ
ดูจากภาพแล้ว พื้นที่ระหว่างป้อมปืน 5 นิ้ว กับ สะพานเดินเรือ ของ เรือชั้น นเรศวร ของจริงน่าจะแคบกว่านะครับ คงจะไม่สามารถติดฐานจรวดแบบในภาพได้ นอกเสียจากขยายตัวเรือออกไปอีกนิดหน่อย แต่เชื่อว่าจริงๆ แล้วไม่สามารถทำได้ เพราะไม่คุ้มที่จะดำเนินการ ต่อเรือใหม่น่าจะดีกว่า
ต้องยอมรับนะครับ ว่าเรือชั้น นเรศวร มีความผิดพลาดอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างดูดีหมด ตั้งแต่ต้น แต่ทำไมพลาดเรือการเชื่อมต่อของระบบอาวุธไปได้ ทุกอย่างเลยเป็นอย่างที่ทราบๆ กัน เรือดีๆ ที่น่าจะเป็นกำลังสำคัญของกองทัพ กลับมีขีดความสามารถแค่ 2 มิติ เท่านั้น ไม่สามารถป้องกันภัยทางอากาศให้กับกองเรือได้อย่างที่วางแผนไว้ เศร้าจริงๆ
และอีกอย่างถ้ายกป้อมเพื่อติดระบบอาวุธแบบในภาพ ที่เหมือนเคยทำกับเรือชั้น ตาปี / คีรีรัฐ กลัวนะครับ ว่าสมดุลของเรือจะเสียเหมือนที่เกิดขึ้น
เป็นห่วงกองทัพเรือไทยจริงๆ ครับ
ตอนที่กองทัพเรือทำการติดตั้งปืนใหม่ให้ ร.ล.ตาปี และ ร.ล.คีรีรัฐ นั้นนอกจากการต่อดาดฟ้ายกสำหรับป้อมปืน 76mm/62 ด้านหน้าเนื่องจากไม่สามารถเจาะดาดฟ้าหลักเพื่อติดตั้งปืนได้แล้ว การเปลี่ยนปืนท้ายเป็นปืน 40/70 ซึ่งเบากว่าปืนใหญ่หลัก(76/50)เดิมนั้นทำให้น้ำท้ายเรือเบาลงไปจนเสียสมดุลครับ วิธีแก้คือต้องนำแท่นตะกั่วมาถ่วงท้ายเรือเพื่อปรับสมดุลโครงเรือ อย่างไรก็ตามหลังจากการปรับแต่งแล้วความเร็วของเรือร.ล.ตาปี และ ร.ล.คีรีรัฐ ก็ลดลงไปราว1-2knotครับ
การสร้างดาดฟ้ายกต่อจากดาดฟ้าเรือจะคล้ายๆกับเรือที่ติดแท่นยิง Mk48 บริเวณหน้าสะพานเดินเรือเช่นเรือชั้น Karl Doorman ของเนเธอร์แลนด์ หรือเรือชั้น KDX-I ของเกาหลีใต้ แต่เรือสองชั้นนั้นดาดฟ้ายกจะเชื่อมต่อกันครับ และพื้นที่ระหว่างปืนใหญ่หลัก(Karl Doorman เป็น OTO 76mm ส่วน KDX-I เป็น OTO 127mm ซึ่งใหญ่กว่า Mk 45 พอสมควร) กับแท่นยิงVLS นั้นก็ห่างกันมากว่านี้ครับ โดยในภาพเรือชั้น ร.ล.นเรศวรนี้การหันกระดกตัวปืน 5 คงไม่น่าจะมีปัญหาครับ
ถ้ามีพื้นที่ว่างภายในดาดฟ้าหลักรองรับ Mk41 VLS ได้จริงนี้ไม่ทราบว่าจะรองรับ Mk48 ได้หรือไม่นะครับ ซึ่งแท่นยิงMk48 นี้มีราคาถูกกว่ามีกลไกการทำงานไม่ซับซ้อนกว่ามีน้ำหนักและใช้พื้นที่ติดตั้งน้อยกว่า และถ้าเทียบกันด้านความจุอาวุธแล้ว Mk41 8ท่อยิง กับ Mk48 Mod2 16ท่อยิงแล้ว Mk48 จุด RIM-7VL Sea Spparow ได้มากว่าครับ(ถ้าESSMก็เท่ากัน 32นัด)
แต่อย่างไรก็ตามส่วนตัวคิดว่าทางกองทัพเรือคงจะไม่มีแผนที่จะติดอาวุธปล่อยจากท่อยิงแนวดิ่งให้ ชั้น ร.ล.นเรศวร อีกต่อไปแล้วละครับ
ถ้า ทร.ไม่พัฒนาเรือชุดนี้ต่อ โครงการแลกเรือกับทางเกาหลีน่าจะรื้อฟื้นขึ้นนะครับ..แต่ใจจริงแล้วอย่างให้พัฒนาต่อครับ....อีกเรื่องหนึ่งครับไม่ทราบว่า A-7 ของ กบร. ยังบินได้อยู่หรือเปล่าถ้ายุบกองบินแล้วหรือไม่ซ่อมแล้ว..เราจะใช้ประโยชน์กับปืน 20 มม. 6 ลำกล้องอย่างไรดี เห็นแล้วเสียดายครับ
อันนี้มีข่าวเกี่ยวกับเรือฟริเกตสมรรถนะสูงจากแหล่งข่าวหนึ่งที่ส่วนตัวนี้คิดว่าไม่น่าเชื่อถือนักครับ(เพราะเจ้าตัวแหล่งข่าวไม่ได้ทำงานเกี่ยวกับเรือโดยตรงตอนนี้ แล้วก็เป็นแค่การคุยกันเล่นๆ) เนื้อความโดยสรุปคือ
1.ยังอยู่ในแผนการพิจารณาอยู่ จำนวนเท่าเดิมคือ2ลำ แต่ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมด้านงบประมาณและสถานการณ์ในอนาคต
2.อาจะคล้ายกับ ร.ล.จักรีนฤเบศร ตรงที่ ต่อที่สเปน และ เล็กที่สุดในโลกถ้าเทียบกับเรือประเภทเดียวกัน
ส่วนตัวไม่มีอะไรที่ยืนยันได้ชัดเจนตอนนี้เลยยังไม่ค่อยเชื่อครับ(โดยเฉพาะที่ว่ากองทัพเรือจะสั่งต่อเรือจากสเปนอีกหรือ?)
กองทัพเรือเป็นทัพที่จัดซื้ออาวุธได้แย่ที่สุดแล้วมั้งครับ ดูแต่ละอย่างที่ซื้อมาไม่สมประกอบเช่นเรือก็ไม่มีระบบอาวุธ หรือ av-8 ,a7 ซึ่งรู้กันอยู่แล้วว่าเป็นรุ่นเก่ามีปัญหาด้านอะไหล่แน่ เอามาใช้ไม่นานก็ต้อง ground หมด
รู้ทั้งรู้ว่างบมีจำกัดก็ต่อเรือออกมาใหม่เรื่อยๆโดยระบบอาวุธไม่พร้อมเหมือนอีหรอบเดิม คือพูดง่ายๆว่าเน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ สามารถจมได้ง่ายๆเพียงแค่ลูกระเบิดไม่นำวิถีด้วยซ้ำเพราะเรือไม่มีระบบป้องกันภัยทางอากาศหรือเรือคุ้มกันเลย
รู้กันอยู่แล้วว่าการโจมตีเรือนั้นจะใช้การโจมตีทางอากาศ กองทัพน่าจะเห็นความสำคัญของเรือป้องกันภัยทางอากาศสูงสุด จะ upgrade หรือซื้อใหม่ก็ควรรีบทำ หยุดการใช้งบในสิ่งที่ไร้ประโยชน์ โดยการฝันจะมีเครื่องบินเองหรือซื้อฮ.ใหม่ซะที(ปล่อยให้เป็นหน้าที่ทหารอากาศเถอะ)
อย่าหลอกตัวเองว่าเราเป็นทัพที่เกรียงไกรต่อไปเลยครับ สมัยนี้ผลแพ้ชนะของสงครามอยู่ที่เทคโนโลยีทั้งนั้น
ผมขอสนับสนุนความเห็นคุณ more ในเรื่องเทคโนโลยีของยุทโธปกรณ์ที่เราจะจัดหาจะต้องทันสมัยและก้าวหน้า อยากให้ผู้นำเหล่าทัพและรัฐบาลมีวิสัยทัศน์เกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย เพราะผมสังเกตุจากการจัดหายุทโธปรณ์ของกองทัพไม่ว่าเหล่าใดส่วนใหญ่จะไม่ค่อยทันสมัย (ของตกรุ่นบ้าง ของมือสองบ้าง) ใช้ไปไม่นานก็ต้องโละทิ้ง หรือใช้ได้ไม่เต็มที่ ซึ่งถ้าหากเราคิดว่าเรามีอาวุธไว้เพื่อปกป้องคุ้มครองชาติ เพื่อความมั่นคง ปลอดภัย และเพื่อ ศักดิ์ศรี เกียรติภูมของชาติ เราก็ต้องคำนึงว่าเครื่องมือที่ใช้ในการปกป้องในที่นี้ก็คืออาวุธยุทโธปกรณ์ของเราจะต้องคาดหวังเป็นหลักประกันได้ว่าเราจะใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อบรรลุวัตประสงค์คือปกป้องคุ้มครองชาติได้จากศัตรู ซึ่งหมายถึงว่าเราได้ใช้เครื่องมือเหล่านี้ได้ต่อสู้กับอริราชศัตรู ภัยคุกคามต่างๆ ให้ออกไปจากประเทศ และได้รับชัยชนะอันนำมาซึ่งศักดิ์ศรี และเกียรติภูมิ ซึ่งถึงแม้ว่าเราจะไม่ไปรบกับใครอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัยเหล่านี้ก็ช่วยในเชิงของอำนาจต่อรองของเรากับต่างประเทศ
ส่วนประเด็นอื่นด้านบุคลากรก็ต้องพัฒนาด้วย ทั้งทางด้านการฝึกศึกษา การพัฒนาขีดความสามารถทั้งการใช้งานยุทโธปรณ์ให้ใช้เต็มประสิทธิภาพ การซ่อมบำรุงรักษา การต่อยอดพัฒนาเทคโนโลยีที่มีอยู่และพึ่งพาตัวเองให้มากที่สุด
สุดท้าย... อาวุธยุทโธปกรณ์ที่จัดหาเราควรจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากประเทศผู้ขายด้วย เพื่อประโยชน์ในการพัฒนา และต่อยอดทางเทคโนโลยี และต้องมีความคุ้มค่าในระยะยาว....อีกทั้งใจการซื้อขายอาวุธยุทโธปกร์เหล่านี้จะต้องมีการเจรจาแลกเปลี่ยนการค้าต่างตอบแทนกัน เพื่อเป็นการที่เราจะได้ไม่ต้องซื้อเขาอย่างเดียว ให้เป็นประโยชน์กับประชาชน และเศรษฐกิจของชาติด้วย..