ในความคิดของผมน่ะครับ
ถ้าท่านผู้นี้ได้เป็นผู้นำแทนพระองค์เจ้าบวรเดช
รัฐบาลของพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา
เป็นต้องล้มแน่นอน
เพราะท่านเป็นผู้มีความสามารถ
ท่านอื่นมีความคิดเห็นอย่างไรครับ
Dear Khun Oltimer,
I think that your informed is not correct:
1.He dead at "HIN LUB " Pak chong , Nakornrajsima.
2. He studed as same as Praya Pra hol
3. PRA SAKDA POLRAK hit Gering
Sorry I can not type in Thai , but this inform is ame from some book that I read
Exsaple , GERMAN CADET DURING PERIOD OF KING KAISER BY Khun Sorsal Prangsapha
Best regards
Cowboy
ตอนแรกฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดชได้เปรียบ เพราะว่ามีกำลังมากกว่า มีทหารจากหลายเหน่วยเข้าร่วมด้วย และนัดกันยกกองทหารมาที่กรุงเทพฯ แต่พอถึงวันจริงทหารหลายหน่วยไม่มาตามนัด เนื่องจากถูกทหารฝ่ายคณะราษฎร์สกัดไว้ เช่น คณะราษฎร์สั่งให้ทหารที่ราชบุรีสกัดทหารจากเพชรบุรีเอาไว้ แนวร่วมที่กรุงเทพฯก็ไม่ก่อการขึ้นตามแผน เพราะกลัวว่าหากฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดชชนะ ตนเองจะยังคงโดนเอาผิดย้อนหลังโทษฐานที่เข้าร่วมปฏิวัติกับคณะราษฎร์ ดังนั้นกำลังส่วนใหญ่จึงมีแต่ทหารราบที่มาจากโคราชเท่านั้นกับกำลังทางอากาศที่ดอนเมืองไม่มากนัก เสบียงอาวุธก็น้อยกว่า พอรบกันจริงฝ่ายคณะราษฎร์รวมกำลังกันได้มากกว่า มีการสนับสนุนที่ดีกว่าจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบ ฝ่ายพระองค์เจ้าบวรเดชต้องถอยกลับโคราช โดนมีพระยาศรีสิทธิสงครามเป็นกองระวังหลัง และได้ต่อสู้จนเสียชีวิตในที่สุด หลังจากที่ฝ่ายคณะราษฎร์ชนะแล้วก็มีการชำระโทษกันตามระเบียบ ฝ่ายกบฏโดนประหารชีวิต / จำคุก / โดนปลดกันไปเยอะ กองทัพอากาศก็โดนปลดไปหลายคนเพราะฝ่ายกบฏยึดดอนเมืองได้และเอาเครื่องบินไปทิ้งระเบิดใส่ทหารฝ่ายคณะราษฎร์ ส่วนกองทัพเรือที่ส่งเรือรบไปอารักขาในหลวงรัชกาลที่7 ที่หัวหิน และไม่ยอมรับคำสั่งจากคณะราษฎร์ ทำให้ทั้งสองเหล่าทัพโดนคณะราษฎร์เฝ้าจับตามองอย่างระวัง และไม่เสริมกำลังรบของทั้งสองเหล่าทัพนี้เพราะกลัวว่าจะเอามาปฏิวัติตนเอง แม้แต่ฝ่ายคณะราษฎร์ด้วยกันเอง คนรุ่นเก่าที่เริ่มก่อการได้ถูกดันตกเวทีไปและมีคนรุ่นใหม่ขึ้นมาแทน ซึ่งทำให้จอมพล ป. เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของคณะราษฎร์ในเวลาต่อมา
เหตุการณ์นี้ได้ส่งผลกระทบกับประเทศไทยในเวลาต่อมาคือกองทัพไทยต้องสูญเสียนายทหารระดับสูงที่มีฝีมือไปมากมาย การพัฒนากำลังรบของกองทัพอากาศกับกองทัพเรือโดนจำกัด ถึงแม้จะมีการเพิ่มกำลังรบเพื่อเตรียมทำสงครามอินโดจีน แต่ก็ยังไม่เพียงพอและทันกาลที่จะต่อต้านญี่ปุ่นในสงครามเอเชียบูรพา หากกองทัพไทยมีการพัฒนากำลังรบมาอย่างต่อเนื่อง ญี่ปุ่นคงต้องคิดหนักหน่อยที่จะบุกไทย เพราะว่าญี่ปุ่นต้องการยึดไทยให้ได้รวดเร็วไม่ต้องการรบยืดเยื้อเพื่อก้าวต่อไปยึดมลายูกับพม่าก่อนที่อังกฤษจะทันตั้งตัว ดังนั้นไทยเราจึงสำคัญมากในแผนยุทธศาสตร์ของญี่ปุ่น ไทยเราได้ทราบข่าวมาบ้างแล้วว่าญี่ปุ่นจะบุก และได้เตรียมแผนการป้องกันไว้แล้วมีการเคลื่อนย้ายกำลังทหารไปประจำยุทธศาสตร์ต่างๆและขยายกำลังรบเพิ่มขึ้น แต่ว่าไม่ทันกาลญี่ปุ่นบุกเราก่อน เกือบทุกจุดที่ญี่ปุ่นบุกมาจะถูกกองกำลังของไทยต้านไว้ แต่กำลังรบเราสู้ไม้ได้ อาวุธด้อยกว่า / น้อยกว่า ทหารบางหน่วยที่เพิ่งตั้งใหม่มีแต่เฉพาะเจ้าหน้าที่โครงท่านั้นยังไม่ได้บรรจุกำลังพลให้เต็มอัตรา เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศไทยเสียหายในที่สุดก็ต้องยอมให้ญี่ปุ่นเข้ามา ( แต่เราก็ทำให้ญี่ปุ่นน้ำลายเหนียวเหมือนกัน ) ลองคิดดูถ้าหากว่าเรามีกำลังรบเพียงพอที่จะป้องกันการบุกของญี่ปุ่น ญี่ปุ่นก็จะต้องทำสงรามหลายด้านทันที ด้านตะวันตกรบกับเรา ด้านเหนือรบติดพันอยู่กับจีน ด้านใต้เจอกับอังกฤษ ด้านหลังทิศตะวันออกเจอกับอเมริกาและออสเตรเลีย ไม่แน่ว่าสงครามโลกครั้งที่สองอาจจะเปลี่ยนโฉมหน้าไปอีกแบบก็ได้
เอ้อ อีกอย่างน่ะครับ การที่ฝ่ายกบฎเป็นฝ่ายแพ้
เพราะปืนใหญ่ไม่ได้มีกระสุนจริงใช้
และเครื่องบินไม่มีระเบิด กระสุนไว้
เพราะทางกองทัพเรียกเก็บไว้ที่ส่วนกลางหมด
จึงทำให้กระสุนฝึก นำมายิ่งเพื่อปรอบขวัญทั้งนั้น
ต่างจากฝ่ายรัฐบาล ที่สามารถเบิกได้โดยตลอด