หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


เรือฝึกใหม่และอาวุธประจำกายของกำลังพลประจำเรือของกองทัพเรือไทย

โดยคุณ : AAG_th1 เมื่อวันที่ : 14/03/2009 17:08:51

ครั้งนี้มีสองประเด็นที่จะนำมาเสนอครับ

ประเด็นแรกคือเรื่องเรือฝึกของกองทัพเรือ
โดยทั่วไปการใช้เรือเพื่อทำการฝึกนักเรียนนายเรือของกองทัพเรือไทยเองหรือกองทัพเรือหลายๆประเทศนั้นจะใช้เรือเก่าที่ประจำการมานานใช้การฝึกภาคทะเลครับ โดยส่วนใหญ่จะเป็นเรือระดับเรือสำรองซึ่งมีอายุการใช้งานมานานและเป็นเรือรุ่นเก่า
เรือฝึกถือถือว่าเป็นเรือครูของกองทัพเรือไทยเองก็เช่น ร.ล.ท่าจีน(ลำที่สอง), ร.ล.ประแส, ร.ล.โพสามต้น, ร.ล.ปิ่นเกล้า ก็เป็นเรือสมัยสงครามโลกครั้งที่๒ ที่มีอายุมากสภาพเรือทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ปัจจุบันก็ได้ปลดประจำการไปแล้ว
ดูเหมือนปัจจุบันกองทัพเรือจะมีเรือที่สามารถนำมาใช้ฝึกนักเรือนายเรือได้อยู่คือ ร.ล.มกุฎราชกุมาร ครับ

อย่างไรก็ตามถ้าดูจากกองทัพเรือหลายๆประเทศนั้นมีการต่อเรือฝึกสำหรับใช้ในการฝึกนักเรียนขึ้นมาเป็นการเฉพาะ ซึ่งโดยมากจะเป็นเรือขนาดใกล้เคียงกับเรือฟริเกต แต่ติดตั้งอาวุธ อุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการฝึกโดยตรง ซึ่งจะเสียค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการน้อยกว่าเรือรบหลัก แต่ก็ทนทะเลพอที่จะออกปฏิบัติการในอาณาเขตทะเลของประเทศหรือออกเดินเรือไปอวดธงยังมิตรประเทศได้
(แต่บางประเทศก็มีการต่อเรือใบโบราณเพื่อใช้ในการฝึกครับ)

ส่วนตัวคิดว่าแนวคิดการจัดสร้างเรือฝึกโดยตรงของของกองทัพเรือนั้นเป็นแนวทางที่น่าสนับสนุนครับ เพราะนอกจากจะช่วยลดภาระของเรือรบหลักแล้ว การต่อเรือเรือใหม่จะทำให้นักเรียนนายเรือเรียนรู้การปฏิบัติการกับเรือสมัยใหม่ที่มี Technology ต่างจากเรือสมัยสงครามโลกที่เคยใช้มาก่อนในอดีต และยังมีอายุการใช้งานนานกว่าคุ้มกว่าในระยะยาวด้วย
หรือถ้าคิดอีกแนวเรือฝึกที่จะต่ออาจจะเป็นการต่อจำลองเลียนแบบจากเรือครูสมัยสงครามโลกเพื่อให้นักเรียนนายเรือคุ้นเคยกับการปฏิบัติการบนเรือพื้นฐานของทหารเรือในอดีตแต่มีการปรับปรุงระบบให้รองรับการฝึกของเรือสมัยใหม่ เช่นติดตั้งปืนใหญ่หลัก ปืนใหญ่รองแบบอัตโนมัติ รวมถึงลานจอด ฮ.สำหรับฝึกการปฏิบัติการกับอากาศยานเป็นต้นครับ
(ส่วนตัวคิดว่าอาจจะต่อโดยใช้แบบเรือชุด ร.ล.ปิ่นเกล้า เป็นต้นแบบ แต่ติดอาวุธคล้ายๆ เรือชุด ร.ล.ตาปี แล้วเพิ่มลาดจอด ฮ.ครับ)

ประเด็นที่สองอาวุธประจำกายของกำลังพลประจำเรือ
ในช่วง2ปีที่ผ่านมาถ้าดูจากการฝึกร่วมกับต่างประเทศของกองทัพเรือเช่น CARAT แล้วจะเห็นว่ามีการฝึกร่วมเกี่ยวการใช้ชุดตรวจค้นและจับกุมเรือต้องสงสัยหรือ VBSS(Visit, Board, Search and Seizure) ร่วมกับสหรัฐฯบ่อยๆครับ

ปกติในเรือตรวจการณ์ชายฝั่งและใกล้ฝั่งขนาดเล็กของไทยที่ต้องเข้าทำการตรวจค้นและจับกุมเรือต้องสงสัยว่าจะทำผิดกฏหมายนั้น เจ้าหน้าที่ทหารเรือ-ตำรวจจะมีอาวุธประจำกายเป็น ปลย.M-16 ซึ่งเพียงพอสำหรับการตรวจค้นและยึดเรือต้องสงสัยซึ่งโดยมากมักจะเป็นเรือประมงขนาดเล็ก
แต่ในกรณีที่เรือขนาดใหญ่กว่าเช่น เรือตรวจการณ์ไกลฝั่งจนถึงเรือฟริเกต ที่ต้องตรวจค้นและเข้าทำการจับกุมยึดเรือขนาดใหญ่กว่าเช่นเรือบรรทุกสินค้าหรือเรือขนน้ำมันกลางทะเลลึกนั้น เท่าที่ดูจากภาพการฝึกร่วมกับชุด VBSS ของสหรัฐฯนั้น ส่วนตัวคิดว่าดูเหมือนว่ากำลังพลประจำเรือของไทยที่เข้ารับการฝึกมักจะยังไม่มีอาวุธและอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันนักกครับ

อาวุธประจำกายหลักของกำลังพลประจำเรือของไทยนั้นส่วนใหญ่จะเป็น ปลย.M-16A1 ซึ่งการตรวจค้นและกรณีที่อาจจะเกิดการปะทะในเรือนั้นปืนอาจจะะมีความยาวเกินไปทำให้เคลื่อนที่ไม่สะดวกถ้าเทียบกับการใช้ปืนเล็กสั้นหรือ Carbine เช่น M4A3 นอกนั้นก็เห็นมีการใช้ปืนพกบ้าง
ในส่วนของอุปกรณ์นั้นนอกจากหมวกเหล็กและเสื้อชูชีพแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะมีการจัดหาอย่างอื่นเพิ่มเติมเช่นเสื้อกั๊กทางยุทธวิธี(Tactical Vest) เสื้อเกราะกันกระสุน ไฟฉาย เป็นต้นครับ เพราะอย่างน้อยจะช่วยเหลือเรื่องความสะดวกในการปฏิบัติการและช่วยชีวิตกำลังพลได้ในกรณีเกิดเหตุรุนแรง

ไม่ทราบว่าข้อมูลที่ได้ทราบมานี้ถูกต้องหรือไม่ครับว่า ปกติเรือของกองทัพเรือไทยที่เป็นระดับเรือหลวงขนาดใหญ่เช่น เรือฟริเกตนั้นจะมี "นาวิกโยธิน" ประจำการในเรือจำนวนหนึ่ง เพื่อรักษาความปลอดภัยเรือขณะจอดเทียบท่า หรือออกเดินเรือในทะเล ซึ่งสังเกตุได้ว่าจะแต่งกายด้วยชุดพราง มีอักษร "นาวิกโยธิน"ปักที่กระเป๋าหน้าอก มีป้ายบอกเรือที่สังกัด
ถ้าเข้าใจไม่ผิดการมีนาวิกโยธินประจำเรือนั้นก็มีมาแต่โบราณตั้งแต่สมัยเรือใบครับ เช่นนาวิกโยธินของอังกฤษที่อยู่ในเรือพร้อมลูกเรือด้วย ซึ่งจะป้องกันเรือจากการยึดของข้าศึกหรือเข้าบุกยึดเรือข้าศึกครับ
ซึ่งถ้าข้อมูลนี้ถูก นาวิกโยธินที่ประจำการบนเรือหลวงก็ควรจะได้รับการฝึกและรับมอบอาวุธและอุปกรณ์เพิ่มขีดความสามารถสำหรับภารกิจการตรวจค้นและยึดเรือให้เหมาะสมดีขึ้นกับสถานการณ์ในปัจจุบันครับ

เฉพาะในส่วนของอาวุธประจำกายของกำลังพลในเรือไม่ทราบว่าการเปลี่ยนจากปืนเล็กยาว M-16A1 มาเป็นปืนเล็กสั้นเช่น M4 นั้นจะเป็นแนวคิดที่เหมาะสมหรือไม่ครับ





ความคิดเห็นที่ 1


สงสัยครับท่าน เราใช้เรือ OPV เป็นเรือฝึกเลยแทนการต่อเรือใหม่มันจะไม่ดีกว่าการสร้างเรือฝึกหรอครับท่าน ...ไหนๆก็ต้องใช้แล้ว ทำให้ทั้งลาดตระเวณและฝึกเลยไม่ได้หรอครับ...คือไม่รู้น่ะครับ แหะๆ
โดยคุณ tow เมื่อวันที่ 16/02/2009 10:07:18


ความคิดเห็นที่ 2


ผมขอคุยเรื่องเรือฝึกอย่างเดียวนะครับ

เรื่องเรือฝึกลำใหม่ผมเห็นด้วยอย่างครับ ***

แต่เรื่องอาวุธประจำเรือนี่ผมเห็นแย้งนิดหน่อยครับ

ในยุโรปบางประเทศเรือฝึกของนักเรียนนายเรือยังเป็นประเภทเรือใบเลยนะครับ (คิดว่าน่าจะใช้ฝึกนักเรียนใหม่) เค้ามีความภาคภูมิใจที่ใช้เรือใบขยายอำนาจต่างๆในยุคก่อน จึงยังใช้เรือใบเป็นเรือฝึก

ส่วนกองทัพเรือไทยคงไม่มีเงินมากพอที่จะทำแบบนี้ ในแนวความคิดผม

- รูปแบบเรือเป็นแบบสมัยใหม่ ส่วนอุปกรณ์ต่างๆในเรือฝึกไม่ต้องทันสมัยมากนัก ฝึกแบบไม่ต้องพึ่งอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์มากนัก เรือพี่เลี้ยงมีอุปกรณ์ที่ดีกว่าอยู่แล้วไม่ต้องกลัวหลงฐานแน่น ตึกก็แข็งแรง (เสียเหงื่อเวลาฝึก ดีกว่าเสียเลือดเวลารบ)

- อาวุธ ผมยังเห็นด้วยที่เรือฝึกควรจะติดตั้งอาวุธยุคสงครามโลก หรือ สงครามเกาหลี เพื่อให้นักเรียนได้ฝึก เพราะอะไรเหรอครับ

ปืน 76/50 เรายังมีใช้ในเรือหลายลำ

ปืน 40/60 เห็นให้เกลื่อนทั้ง 3 เหล่าทัพเลย

ปืน 20 ม.ม. เออร์ลิคอน ที่ใช้มาตั้งแต่สงครามโลก หลายประเทศในยุโรปยังใช้อยู่นะครับ (อังกฤษ ตุรกี)

แต่ตัวเรือต้องพร้อมที่จะติดตั้งอุปกรณ์และอาวุธที่ทันสมัยทันทีที่มีภัยคุกคาม

- ส่วนเรื่องลานจอด ฮ. นี่ผมเห็นด้วย แต่ไม่เห็นด้วยถ้าจะมีโรงเก็บ ฮ. กรณีนี้ผมมองในมุมที่ต้องมีการส่งกลับทางสายแพทย์

 

ส่วนเรื่องที่จะเป็นห่วงว่าเมื่อนักเรียนจบเป็นเรือตรีแล้วจะใช้อาวุธทันสมัยไม่เป็น ต้องเข้าใจเรื่องนึงนะครับ นายทหารใหม่การจะได้ไปดูแลการใช้อุปกรณ์ใดๆในเรือก็ตามต้องเข้าโรงเรียนเพื่อศึกษาเพิ่มเติมในเรื่องนั้นๆอยู่แล้วเป็นพิเศษ เพราะ คืบก็ทะเล ศอกก็ทะเล ประมาณก็เป็นเหยิ่อปลา

โดยคุณ น่าคิด เมื่อวันที่ 16/02/2009 11:40:08


ความคิดเห็นที่ 3


 

   ผมว่าแนวคิดเรื่องการต่อเรือฝึกใหม่ก็เข้าท่าครับคือ

1. เรือใหม่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับเรือเก่ากึ๊ก  ทั้งค่าบำรุงรักษา  ค่าปฎิบัติการ

2. นักเรียนนายเรือจะได้ใช้อุปกรณ์ที่ใช้ในเรือรบสมัยใหม่จริงๆ   เช่น  เครื่องยนต์ดีเซล   เครื่องยนต์แก๊สเทอร์ไบท์   ระบบเดินเรือใหม่ๆ   ระบบอำนวยการรบใหม่ๆ    ส่วนระบบอาวุธก็เอาแค่ปืน 76 มม. ก็พอ   แต่ต้องมีระบบจำลองการฝึกการยิงอาวุธนำวิถีแบบต่างๆ   รวมทั้งการปราบเรือดำน้ำ

3. เรือควรจะสามารถใช้เป็นเรือ OPV ได้ทันทีที่ต้องการและสามารถปรับปรุงถึงระดับฟรีเกตเมื่อยามสงคราม   

4. ควรมีโรงเก็บฮ.  เพราะจะได้ฝึกการรับส่งฮ.จริงๆได้   แต่ไม่มีความจำเป็นที่ต้องมีฮ.ประจำการ  

5. ต้องเป็นเรือรุ่นเดียวกับเรือ OPV ที่กำลังประจำการอยู่เพื่อลดแบบเรือ   และเพื่อความง่ายในการซ่อมบำรุงครับ   

 

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 16/02/2009 12:45:59


ความคิดเห็นที่ 4


ในส่วนของอาวุธประจำกายนั้น ผมจำได้ว่าเคยผ่านตาเห็นปืน HK33 ที่เราผลิตนั้น มีรุ่นพานท้ายหด น่าจะเป็นรุ่น HK33K คงพอขัดตาทัพไปพลางๆ ก่อนได้

สำหรับหน่วยนาวิกฯ ก็เห็นใช้ G-36C กันอยู่

ดังนั้นก็น่าจะขอซื้อลิขสิทธิ์ HK G-36C มาผลิตเอง เหมือนเช่นครั้งอดีตที่เคยซื้อลิขสิทธิ์ HK33 มาแล้ว

กระสุนก็ใช้ขนาด 5.56 มม. ดังนั้นเหล่าอื่นก็สามารถใช้ได้ด้วยเพราะกระสุนเป็นขนาดมาตรฐานของกองทัพอยู่แล้ว

โดยคุณ monsoon เมื่อวันที่ 16/02/2009 15:22:13


ความคิดเห็นที่ 5


เรือฝึกนั้นผมค่อนข้างจะเห็นด้วยครับ หากเราจะมีไว้ แต่มีความคิดว่าเรือฝึกนั้นน่าจะใช้ลักษณะของเรือตรวจการณ์ปืนมาขยายแบบให้ใหญ่ขึ้น หรือ อยู่ในลักษณะของเรือ OPV ก็ได้ ส่วนจะมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์หรือไม่นั้นในส่วนความคิดเห็นของผม คิดว่าน่าจะดูตามลักษณะการฝึกว่าจะมีการฝึกในด้านนี้หรือไม่ ถ้ามีการฝึกให้มีการประสานงานเอาเฮลิคอปเตอร์ลงบนเรือก็สมควรจะมีครับแต่ไม่จำเป็นต้องมีโรงเก็บ แต่ถ้ามีการฝึกแค่รับส่งเสบียงทางอากาศผมว่าตัดไปเลยเพื่อความประหยัดในการต่อเรือ แต่ก็เห็นด้วยอย่างหนึ่งกับ คุณneosiamese ตรงที่เรือนี้ต้องปรับปรุงให้เป็นเรือรบหลักได้เมื่อจำเป็นครับ และที่สำคัญ ต้องต่อเองภายในประเทศครับ

ส่วนเรื่องของปืนที่จะใช้ในเรือในส่วนความคิดเห็นของผมนั้น ปืนควรจะมีความสมบุกสมบันนิดหนึ่งในเรือของน้ำทะเลและทรายที่อาจจะมีผลกับปืน ปืน M-4 นั้นไม่แน่ใจว่าในความเป็นจริงจะทนน้ำทะเลได้แค่ไหน แต่ตามข้อมูลนั้นบอกว่าน้ำทะเลหรือทรายเข้าแล้วมีปัญหาอยู่บ้าง แต่นาวิกโยธินไทยเราใช้ G-36C ซึ่งจากข้อมูลที่ทราบ ปืนซีรี่นี้ลงน้ำทะเลแล้วยังยิงได้ ผมว่าก็ควรจะใช้ปืนรุ่นเดียวกันไปเลยครับ เพื่อความสะดวกในการจัดหาครับ

โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 16/02/2009 20:17:00


ความคิดเห็นที่ 6


ใน Topic ร.ล.ปิ่นเกล้า นั้น คุณสมบัติของเรือฝึกตามที่คุณอู๊ดได้นำข้อมูลจากนิตยสารนาวิกศาสตร์ที่เขียนโดยนายทหารผู้ใหญ่หลายท่านนั้นมีดังนี้ครับ

1. มีห้องพักเพียงพอสำหรับนักเรียน

2.มีห้องเรียนรวม

3.มีดาดฟ้า ที่สามารถให้นักเรียน ออกกำลังกายรวม

4. รูปทรงเรือ ควรป็นรูปทรงแบบเรือรบ(หัวและท้องเรือทรงแหลม) เพราะจำเป็นต้องใช้เพื่อฝึกการนำเรือและมีความคงทนทะเล

5.ระบบอาวุธ ไม่จำเป็นต้องเป็นของใหม่(ทันสมัย) ใช้อาวุธที่สำรองราชการหรือถอดเก็บจากเรืออื่น

6. ระบบอิเล็คทรอนิคส์ อื่นๆใช้ในลักษณะเดียวกับข้อ 5

7. ระบบขับเคลื่อนเป็นเครื่องยนต์ดีเซล(ใหม่)ตามมาตราฐาน ทร.

8.ในยามสงคราม สามารถใช้(ดัดแปลง)เป็นเรือบัญชาการได้(ถ้าจำเป็น)

ตามคุณสมบัติดังกล่าว เรือฝึกจะมีขนาดประมาณ 5,000ตัน และมีลานจอดเฮลิคอปเตอร์(ไม่จำเป็นต้องมีโรงเก็บก็ได้)

สองข้อแรกนั้นสำคัญมากครับ เพราะเรือรบหลักเช่นเรือฟริเกตนั้นจะไม่ได้ออกแบบให้มีพื้นที่ภายในรองรับนักเรียนเป็นจำนวนมาก ซึ่งเรือฟริเกตที่นำไปเป็นเรือฝึกตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันนั้นห้องไม่พอ บางครั้งต้องให้นักเรียนนอนและเรียนบนดาดฟ้า

รูปแบบเรือน่าจะมีความใกล้เคียงกับเรือฝึกหลายแบบที่มีในกองทัพเรือต่างประเทศครับ

ตัวอย่างเช่นเรือฝึก TV-3508 JDS Kashima ของกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น

เรือ Kashima ต่อและเข้าประจำการในช่วงต้นปี 1990s มีระวางขับน้ำ 4,000ตัน ยาว143เมตร ขับเคลื่อนด้วยระบบ CODOG 2 ย.ดีเซล และ 2ย.Gas Turbine อาวุธมี OTO 76mm Super Rapid และ Torpedo แฝด3 2แท่น มีโรงเก็บและลานจอด ฮ.ครับ

อย่างไรก็ตามในส่วนของเรือฝึกที่ไทยจะต่อนั้นจะต้องมีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อยเป็น 5,000ตัน และถ้าจะใช้เป็นเรือบัญชาการได้ถ้าจำเป็ฯแล้วคิดว่ารูปทรงและโครงสร้างภายในบางส่วนน่าจะออกแบบให้คล้ายๆกับเรือชั้น Absalon ของเดนมาร์กที่เคยนำเสนอไปแล้ว

แต่ว่าตัวเรือควรจะออกแบบในลักษณะคล้ายๆกับเรือ OPV หรือเรือตรวจการณ์ปืนครับคืออาวุธปืนหลักอาจจะเป็น ปืนใหญ่ 76mm/50cal แบบManual หรือ OTO 76mm ที่ถอดจากเรือที่ปลดแล้ว(จริงๆอย่างให้ใช้ปืนอัตรโนมัติมากกว่าเพื่อฝึกนักเรียนในการใช้ปืนอัตโนมัติ) ปืนรองแบบ 40/70mm แบบ Manual และ/หรือ ปืนใหญ่กล 20มม.เช่น GAM-CO อย่างได้อย่างหนึ่ง(เป็นการฝึกใช้แท่นปืนที่ยิงด้วยมือ) ร่วมถึง แท่นยิง Torpedo ปราบเรือดำน้ำ และ ปก..50cal เป็นต้นครับ (แต่ไม่จำเป็นต้องติดอาวุธปล่อนนำวิถีเช่น Harpoon หรือ ESSM แต่อาจจะดัดแปลงให้ติดได้ในอนาคตเช่นเดียวกับ OPV)

ส่วนเครื่องยนตร์ก็ใช้ Diesel 2เครื่อง ส่วนระบบไฟฟ้าและ Sensor ต่างๆก็ติดในลักษณะเดียวกับเรือ OPV เพื่อใช้ในการฝึกพื้นฐานและลดค่าใช้จ่ายเป็นต้นครับ

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 16/02/2009 22:14:12


ความคิดเห็นที่ 7


พวก อาวุธนำวิถี หรือการติดตามเรือดำน้ำ ใช้ซิมูเลเตอร์ติดตั้งในเรือฝึกได้ไหมครับ

โดยคุณ tik เมื่อวันที่ 17/02/2009 03:14:18


ความคิดเห็นที่ 8


เห็นด้วย ครับแต่ไม่มีความรู้เรื่องงบครับ คิดอาไรก็ห่วงเรื่องงบทุกที
โดยคุณ tik เมื่อวันที่ 17/02/2009 03:16:43


ความคิดเห็นที่ 9


ผมว่าประเด็นเรือฝึกสำหรับนักเรียนนายเรือ ถ้ามีมันก็ดีครับ ในความเห็นที่กล่าวมาข้างต้น ว่าจริงๆ ความเป็นไปได้น่าจะดี มาก

   แต่ในสภาวะปัจจุบัน ทรัพยากรมีจำกัด เท่าที่เห็นเรือสำหรับฝึกนักเรียนนายเรือ ที่เห็นต่อเสร็จสมบรูณ์ และทุกคนน่าจะจำได้ดีคือ เรือหลวงพฤหัสบดี ซึ่งเป็นเรือสำหรับสำรวจอุทกศาสตร์ทางทะเลและเป็นเรือสำหรับฝึกหัดบุคคลากรในกองทัพเรือ อันนี้น่าจะเป็นเรือที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดในปัจจุบัน

     อีกทั้งเรือรบในกองทัพเรือถ้าพูดกันจริงๆ ก็มีเยอะพอสมควร เอาแบบล่องทะเล ได้พอ ส่วนเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ ก็คงไปดูของจริงน่าจะดีที่สุด ไม่ซ้ำซ้อน ประหยัด ลองของจริง และก็ได้รับประสบการณ์ด้วยเช่นกัน เท่าที่เคยฟังเพื่อนๆที่เรียนนายเรือมา เขาบอกว่า จะมีการไปล่องทะเลกับเรือรบจริงๆ เช่น เรือหลวงสุโขทัย เรือตรวจการณ์ไกลฝั่งและอีกมากมาย เพื่อเป็นการเพิ่มประสบการณ์ให้กับบุคลากรในกองทัพเรือ

ได้ลองของจริงๆ เช่นไปเยือนประเทศในอาเซียน ประเทศจีน ฮ่องกง

ไกลหน่อยก็นู่น ญี่ปุ่นหรือไต้หวัน อีกทั้งก็หิ้วของหนีภาษีกลับมาฝากญาติผู้ใหญ่ที่เคารพ กันมากมาย ไปทั้งฝึก ทั้งเบิกเนตรเพื่อดูกองทัพเรืออื่นๆ และเชื่อมสัมพันธ์ทางทหารไปในตัว ดังนั้น คงยากที่จะมีเรือฝึกสำหรับนักเรียนนายเรือโดยเฉพาะ  เพราะถึงยังไงยื่นเรื่องของบประมาณก็คงตกแน่นอน เพราะต่อเรือ OPV ก็ได้เท่ากัน แต่ใช้ประโยชน์ได้มากกว่า

โดยคุณ siamman18 เมื่อวันที่ 17/02/2009 05:05:41


ความคิดเห็นที่ 10


จะขอกล่าวในส่วนของอาวุธประจำกายของกำลังในเรือฯ

เท่าที่ผมทราบ การจัดอาวุธฯ

ก็จะจัดในแบบเดียวกับ ตอน,หมู่,หมวด ของทหารราบ

คือเรือลำไหน จะมีจำนวนอาวุธฯและชนิด(ว่าจะใช้อัตราใด)

จะขึ้นอยู่กับขนาด(ชั้น) ของเรือ

และถ้ามีการจัดหาอาวุธฯ(แบบใหม่/ปรับปรุง) ตามที่กล่าวมา

กองทัพเรือ(ทร.) จะให้ความสำคัญกับการจัดลงในอัตราประจำเรือ

เป็นลำดับต้นๆ เสมอ

แต่ทั้งนี้ต้องเข้าใจนะครับว่า เรือฯเรามีหลายลำ

การเปลี่ยนหรือปรับปรุงอาวุธฯใหม่ จึงมักจะเป็นเรือฯที่มีชั้นเรือฯที่สูงกว่า

ได้การเปลี่ยน(ปรับปรุง)ก่อน เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ 

โดยคุณ อู๊ด เมื่อวันที่ 17/02/2009 09:52:21


ความคิดเห็นที่ 11


ส่วนตัวมองว่าถ้าในอนาคตกองทัพเรือมีการจัดหมู่เรือเข้าร่วมภารกิจรักษาสันติภาพนานาชาติเช่นการปราบปรามโจรสลัดโซมาเลีย ซึ่งต้องไปปฏิบัติการในเขตทะเลหลวงซึ่งกว้างและห่างไกล หรือแม้แต่การลาดตะเวนในในเขตช่องแคบมะละกาเอง ที่อาจจะต้องมีการเข้าตรวจค้นและจับกุมเรือต้องสงสัยนั้น

ในส่วนกำลังพลประจำเรือหลวงชั้น๑ เช่นเรือฟริเกต ที่เข้าร่วมภารกิจลาดตระเวนในเขตทะเลดังกล่าวก็น่าจะได้รับการปรับปรุงกำลังพลเรื่องอาวุธและอุปกรณ์สำหรับรองรับภารกิจการตรวจค้นและจับกุมเรือให้ดีกว่าในปัจจุบันครับ (ซึ่งก็เคยเห็นภาพการฝึกร่วมกับต่างประเทศบ้างแล้วครับ)

อย่างน้อยก็น่าจะมีการจัดตั้งชุดที่ทำงานคล้าย VBSS บนเรือโดยไม่ต้องจัดกำลังจาก นสร.(SEAL) ทุกครั้งไป เช่นจัดหมวก Kevlar แทนหมวกเหล็กแบบเดิม, เสื้อกั๊กทางยุทธวิธี, เสื้อเกราะ แว่นกันสะเก็ดระเบิด และสนับศอกสนับเข่า ส่วนอาวุธก็อาจจะใช้ของเดิมหรือจัดหาใหม่ที่ได้ใช้งบประมาณมากก็ได้ครับ เช่นการจัดหา M4A3 Carbine ทีมีข่าวว่าจะจัดหาให้นาวิกโยธินเป็นต้นครับ

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 17/02/2009 20:49:41


ความคิดเห็นที่ 12


เท่าที่เคยได้รับการถ่ายทอด บนเรือรบของสหรัฐจะมีสารวัตรทหารไปประจำด้วย โดยใช้สารวัตรทหารของนาวิกโยธิน เช่นพวกคุมหน้าห้องผู้การเรือ หากจำเป็นต้องจัดชุด Boarding / Raiderก็จะจัดจากทหารเรือ ถ้าไม่มีนาวิกโยธิน ส่วนของอังกฤษเหมือนกับมีประเพณีที่จะต้องจัดRoyal Marineไปประจำบนเรือบางชั้น เข้าใจว่าในเรือดำน้ำคงไม่มี�
ส่วนเรื่ออาวุธประจำกาย ถ้าเป็นการปฏิบัติการในเรือรู้สึกว่าภูมิประเทศจะเป็นโลหะ หรือพื้นที่จำกัด อยากให้ใช้พวก Submachine Gunอย่างHK MP5หรือรุ่นใหม่ มากกว่าพวกM4 ในระยะที่ห่างออกมาอีกหน่อยอยากให้ใช้พวกปืนลูกซอง หน้าพวกSniperค่อยเอาAssault Rifleวาง
ที่ไม่อยาก คือใช้พวก HK33 ปนกับปืนอื่น เพราะการขึ้นลำคนละแนวกับชาวบ้าน เหมือนขับโฟลค์เต่า แล้วออกไปขับรถยี่ปุ่น ที่ปัดน้ำฝน ไฟเลี้ยวอยู่ผิดทิศผิดทางกัน สร้างความสับสนกับคนใช้ได้ง่าย
โดยคุณ Oldtimer เมื่อวันที่ 18/02/2009 09:14:21


ความคิดเห็นที่ 13


....ทุกท่านอ่านดูแล้วมีความเห็นที่สอดคล้องกันดีคับ แต่ผมรู้สึกจะชอบใจกับการเปรียบเทียบของท่าน Oldtimer น่ะคับ....

....เคยมีอยู่หนได้ขึ้นไปขับ Volvo 740 ของเพื่อนเพราะว่ามันเมาจนจำบ้านเลขที่ตัวเองไม่ได้ อันดับแรกขึ้นไปนั่งที่คนขับ สตาร์ทเครื่อง เหยียบคลัทช์ "วืด" เอ้าก้อ...มันเกียร์ออโต้จะมีคลัทช์ได้งัยหว่า....

....การขับวอลโว่ในครั้งนั้น สร้างวุ่นวายให้กับผมไปตลอดทาง เป็นต้นว่าตบไฟเลี้ยวทีไรเป็นเจอปัดน้ำฝนทุกครั้ง พวงมาลัยแร็กแอนด์พีเนี่ยน ที่เบาตอนรถเคลื่อนออกตัว แต่หนึบตอนวิ่งด้วยความเร็วสูงก็สร้างปัญหาให้ไม่น้อย พอเราวิ่งเร็ว ๆ จะหลีกรถที่วิ่งสวนกินทางเราเข้ามาก้อต้องโยกกันทั้งอัน ต่างจากรถญี่ปุ่นที่แค่นึกรถก็แว่บฉากออกได้...

....ถึงบ้านจนได้ ต้องมานั่งปลงว่า ตูหนอชาตินี้สงสัยบารมีคงไม่ถึงรถยุโรปแน่ฟ่ะ ว่าแล้วก้อคว้า Misubishi ไซโคลนตัวเก่งออกไปทำมาหากินตามปกติ...

โดยคุณ X-1 เมื่อวันที่ 14/03/2009 06:08:52