ดังชื่อกระทู้ครับ
ถึงเวลากันหรือยังครับว่า ประเทศไทยควรจะมีรถยนต์แบรนด์ของเราเอง ในฐานะเป็นดีทรอยท์แห่งเอเชีย แต่กลับผลิตรถสัญชาติยี่ห้ออื่นส่งออก แต่กลับไม่มีของตัวเราเอง
ผมเองส่วนตัวคิดว่า จะสร้างอะไรก็ช่างเถอะ ขอเป็นเพียงสร้างมาแล้วมันจะฮิตจะบูม อย่างโนเกียที่สร้างมือถือ อย่าง ipod ที่เป็นmultimedia พกพา
ยังนึกถึงคำของนักวิชาการท่านผู้หนึ่งซึ่งเอ่ยถึงทีไรลืมชื่อทุกที จำได้แต่ตำแหน่ง ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจของหอการค้า
ซึ่งตัวผมเองเคยได้มีโอกาสไปร่วมฟังบรรยายหลายครั้งและ่ท่านเองยังมีแนวคิดสนับสนุนแนวคิดชเ่นนี้
ผมคิดว่า ถ้าไทยสามารถผลิตสินค้าแบรนด์ของตัวเองได้คงจะดีไม่ใช่น้อย อย่างน้อยๆคือทำเองใช้เองในประเทศ
แต่อย่างว่าครับ เกรงว่ารถยนต์สัญชาติไทยจะเหมือนกับสินค้าูลูกเมียน้อยหรือไม่ที่ว่าจะไม่มีคนใช้ เพราะกลัวคำว่า made in thailand เพราะมัน noob item (ภาษาเกรียนซะงั้น)
อยากทราบความเห็นของเพื่อนสมาชิกครับว่าไทยสมควรแล้วหรือยัง?
ระหว่างรถยนต์สัญชาติไทย เครื่องบินรบไทย เรือรบฟริเกต รถถังไทย เฮลิคอปเตอร์ไทย เรือดำน้ำไทย นิวเคลียร์ไทย อะไรเกิดก่อน ? (ฮา)
ความคิดเห็นที่ 1
.....ส่วนตัวขอตอบในฐานะช่างตรงนี้น่ะครับว่า
....ในไทยเองบริษัทผลิตรถยนต์ ทำแบรด์ของเราน่ะ ควรจะมองที่ความต้องการเป็นหลัก ไม่ใช่ผลิตเพื่อมาตีตลาดลูกค้าในบางกลุ่มครับ รถยนต์ไทยจริงๆมีบริษัทไทยรุ่ง แค่นั้นจริงๆที่เป็นรถไทยแต่เป็นรถที่เรียกว่าประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนหลายบริษัท เช่น ตรีเพรช นิสสัน เป็นต้น แถมขายแพง ในขณะเดียวกันความต้องการรถอเนกประสงค์4-6ล้อกลับได้รับความนิยมรวดเร็วแต่ไม่ทำขาย ทำให้ รถ4ล้อใหญ่อย่าง เกีย และ ซูซูกิ มาทำตลาด ซึ่งตรงนี้ผมก็ไม่เข้าใจว่ามองการตลาดกันอย่างไร
.....บ้านเรารถกระบะ น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการที่ยี่ห้อเป็นของตัวเอง และบ้านเรามีประสบการณ์ดี เพียงแต่ไม่มีใครกล้าลงทุน บริษัทของไทยมีเพียงไทยรุ่งที่ดำเนินการมาก่อนเก่าแต่กลับย่ำแย่มากในขณะนี้(เพราะโรงงานอยู๋ข้างบ้าน) เน้นแต่การผลิตรถแวนสถานเดียว แต่ก็โดน รถแวนอย่าง ฟอร์จูนเนอร์ มิว-7 เป็นต้นแย่งตลาดไปแต่ก็ไม่มีการรุกทำตลาดในรถประเภทอื่นๆ ส่วนตัวเชื่อว่าอย่างน้อยๆถ้าใช้พื้นฐานรถจากยี่ห้ออื่นและออกแบบหัวรถใหม่ ก็มีความสามารถพอที่จะแย่งตลาดจากยี่ห้อต่างชาติได้ เพราะตีกลุ่มลูกค้าการเกษตร อุตสาหกรรม ที่เน้นรถประเภทนี้ และอาจจะส่งขายให้กับประเทศเพื่อนบ้านได้
...แต่มีเพียง รถเพื่อนบ้านเข้ามาตีไทย เช่น โปรตอน(มาเลเซีย) ตาตาร์ (อินเดีย) เป็นต้นมาตีตลาดน่ะครับ
โดยคุณ
MIG31 
เมื่อวันที่
21/02/2009 09:23:58
ความคิดเห็นที่ 2
เคยมีการผลิตรถกะบะที่เป็นยี่ห้อของคนไทย
แต่มีปัญหาตรงที่ว่าเครื่องยนต์ ยังใช้ของยี่ห้อ อีซุซุ
แล้วเปลี่ยนระบบป้อนเชื้อเพลิงใหม่ทั้งหมดเป็นของ BOSCH ของเยอรมัน
วิ่งดีประหยัดน้ำมัน ที่สำคัญควันจากท่อไอเสียไม่ดำ
แต่ล้มหายตายจากไปนานแล้ว น่าจะ 15 ปีได้นะ
บ้านเราไม่มีใครกล้าลงทุนผลิตเครื่องยนต์ ที่ใช้กับรถยนต์นั่งและรถกะบะ
ถ้ายังไม่มีโรงงานผลิตเครื่องยนต์ ก็อย่าหวังว่าจะได้เห็นรถยนต์ยี่ห้อของคนไทย
อ้อ แล้วอีกอย่าง บ้านเราซื้อรถเพื่อขายต่อเลยต้องเลือกรถยี่ห้อที่ติดตลาด
ไม่อย่างนั้นเวลาขายต่อกลัวราคาจะไม่ดี
โดยคุณ e21cye เมื่อวันที่
21/02/2009 13:59:14
ความคิดเห็นที่ 3
จำได้คร่าวๆ ว่าเป็นยี่ห้อ VMC (วีเอ็มซี) เครื่องอิตาลี จานดิสเบรคหน้าใหญ่สุดในตอนนั้นตั้ง 14" นะครับ... ผมยังนึกภูมิใจอยู่ครับ
แต่อย่างว่าละคงโดนเข้าไปหลายดอก เลยไม่ได้เกิด ตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
โดยคุณ charchar เมื่อวันที่
21/02/2009 14:56:45
ความคิดเห็นที่ 4
อันนี้เป็นเหตุผลที่น่าฟังครับ..
อยากตอบในฐานะที่เคยอยู่ในวงการอุตสาหกรรมรถยนต์มานาน
แนวคิดเรื่องรถยนต์แห่งชาตินั้นไม่เกิดขึ้นหรอกครับ
เพราะว่ามันขัดกับแนวคิดเมืองไทยเป็นดีทรอยด์แห่งเอเซีย
การที่รัฐจะผลิตรถยนต์ขึ้นแข่งกับรถยนต์อื่นๆนั้นมันจะขัดแย้งกับการลงทุน
ของบริษัทผลิตรถยนต์ต่างๆเป็นอย่างมาก ทำให้เขาไม่มาลงทุน
ดูอย่างมาเลเซียได้
มาเลเลือกที่จะผลิตรถยนต์แห่งชาติเขาก็จะไม่ได้การลงทุนผลิตรถยนต์จากผู้
ผลิตรายให_่ๆของโลกอย่างประเทศไทย
ทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ของเขาสู้เพื่อนบ้านอย่างไทยไม่ได้เลย
การมีรถยนต์แห่งชาติทำให้ต้องมีมาตราการกีดกันด้านภาษี
รถต่างชาติจะเข้ามาขายแข่งก็สู้ด้านราคาไม่ได้
เขาก็ไม่อยากขายไม่อยากลงทุนอะไร รถยนต์มาเลก็ขายให้แต่คนมาเล
ส่งออกก็ขายไม่ได้ไม่มีใครซื้อ
พวกเขาก็คงได้แต่ประคองไปเรื่อยๆซักวันก็คงไปไม่รอดหรอกครับ
ขนาดเยอรมันที่ว่าแน่ๆ เบนซ์ยังต้องไปรวมตัวกับไคสเลอร์เลย
เยอรมันก็เหลือแค่ บีเอ็ม กับ โฟล์ค _ี่ปุ่นเหลือ โตโยต้า กับฮอนด้า
อังกฤษไม่เหลือแล้ว อิตาลี เหลือ รถสปอร์ตอย่าง เฟอรารี่ กับ ลัมโบกินี่
แล้วก็ เฟียต ฝรั่งเศสยังเหลืออยู่ทั้งหมด เรโนล ซีตรอง เปอร์โยต์
ในขณะที่บิ๊กทรีของ อเมริกากำลังเติบโตกินรถยี่ห้ออื่นไปเรื่อยๆ
ผมมองว่าอีกสิบปีข้างหน้าจะเหลือผู้ผลิตรถยนต์ให_่ๆอยู่ดังนี้
1. GM
2. Ford
3. Toyota
4. Chrysler-Demler
5. Honda
6. VW
http://board.palungjit.com/%C3%B6%C2%B9%B5%EC%C2%D5%E8%CB%E9%CD%E4%B7%C2%C3%D8%E8%A7%B6%D7%CD%E0%BB%E7%B9%C3%B6%A4%B9%E4%B7%C2%B7%D3%E4%B4%E9%CB%C3%D7%CD%E0%BB%C5%E8%D2-%CB%C3%D7%CD%E0%BB%E7%B9%E1%A4%E8%C3%B6%E1%BB%C5%A7-919.html
โดยคุณ charchar เมื่อวันที่
21/02/2009 15:02:11
ความคิดเห็นที่ 5
ชั่วโมงนี้ ผมว่าบิ๊กทรีต้องเอาตัวเองให้รอดก่อนครับ
คอยจับตาดูเถอะครับ หลังจากวิกฤติคราวนี้ผ่านไป จะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กับโลกยานยนต์เลยทีเดียว
ตอนนี้เยอรมันเหลือยักษ์แค่ 3 ตัวแล้ว ครับ
เพราะปอร์เช่จัดการฮุบ VW ไปเรียบร้อยแล้ว(ปลาเล็กกินปลาใหญ่ เอากะมันสิ)
ตรงข้ามกับบิ๊กทรีอย่าง GM ที่มีแววว่าจะได้เห็นพี่แกปล่อยขายแบรนด์ต่างๆ ในเครือ เพื่อรักษาบริษัทแม่
ส่วน Ford ก็ยังพอประคองตัวไปได้ เพราะยังมี Ford Europe ที่พอมีอนาคตหน่อย
(ถึงจะเครือเดียวกัน แต่ทำงานแยกกันครับ และ Ford ยุโรปก็ดูจะทำได้ดีกว่า Ford เมกาเยอะแยะ)
ส่วน Chrysler นี่อย่าพูดถึงเลยครับ อาการหนักมาก
กลุ่ม Ceberrus ที่เทคโอเวอร์ไปคงกลุ้มหนักน่าดู เพราะปีก่อนยังดูมีอนาคตอยู่เลย ซื้อมาปุ๊บเจ๊งปั๊บ เหอๆ
ส่วนรถยนต์แบรนด์ไทย ส่วนตัวผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องมีครับ
เหตุผลส่วนหนึ่งก็เหมือนกับใน คห.ท่าน charchar คือมันจะขัดกันเองกับอุตสาหกรรมในประเทศเรา
ไม่ใช่ว่าเราทำไม่ได้ครับ ทุกวันนี้รถญี่ปุ่นหลายๆ ยี่ห้อก็เปิดศูนย์ R&D ในบ้านเรา
รถหลายรุ่นของญี่ปุ่นก็มีฐานการผลิตที่บ้านเรา แล้วส่งไปขายทั่วโลก(และเอาเงินกลับญี่ปุ่น ฮ่าๆ)
แต่ที่เราไม่ทำก็เพราะปัจจัยหลายๆ อย่างไม่เหมาะสม
ดูอย่างมาเลย์สิครับ โปรตอนที่มาเลย์ภูมิใจนักหนา
ทุกวันนี้ก็สร้างปัญหาการเงินให้กับรัฐบาลอยู่
ยิ่งวิกฤติแบบนี้ด้วยแล้ว ยิ่งหนักเลย เพราะปกติก็ขายใครไม่ค่อยได้อยู่แล้ว
เราไม่จำเป็นทำทุกอย่างด้วยตัวเองหรอกครับ
ทำสิ่งที่เราถนัดให้ดีที่สุดก็พอแล้ว
โดยคุณ Zepia เมื่อวันที่
22/02/2009 00:05:02
ความคิดเห็นที่ 6
มาเล่าอดีต(อะดูด) อันแสนสุขของวงการรถยนต์ไทยดีกว่าฮะ เอามอเตอร์ไซต์ด้วย
1.รถยนต์กะบะ ที่ประเทศไทยเคยผลิตมีชื่อยี่ห้อว่า CAMPO ครับ แคมโป เป็นรุ่นก่อนเปลี่ยนเป็นเครื่องยนต์มังกรทอง จ้างให้ ISuZu ผลิตตัวถังให้ ลงเครื่องแปดวาล์วเข้าไปแจ่มเลยฮะ ถ้าใครวิ่งรถต่างจังหวัดอาจจะได้เห็นประปรายว่ายี่ห้อนี้ยังมีอยู่ เพราะคนก็ยังใช้นะ
2.ถ้ายังนึกไม่ออกว่ารถยนต์ไทยไหนยังไม่คุ้นลองไปดูวงการอื่นสิครับ คูโบต้า ยันม่า รถแทรกเตอร์สายพันธุ์ลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น แต่มาทางไทยเสียมากกว่า
3.รถมอเตอร์ไซ ไทเกอร์ นึกออกไหมครับ กลุ่มตลาดยาใจคนซิ่ง ทั้งหลาย ก็ทำแบรนด์ให้แข็ง ส่งออกไปในเอเชีย แต่ในเมืองไทยตีตลาดไม่สำเร็จเท่าไร เพราะเจอยักษ์ใหญ่ญี่ปุ่นตีกระจุย
4.เคยได้ยินปั๊มน้ำมันเพียวหรือ อันไหนผมจำไม่ได้ละ ถ้าผิดต้องขออภัยไหมครับ มีกลุ่มตลาดอยู่หัวเมืองใหญ่ตามต่างจังหวัด
สามารถผลิตน้ำมันส่งออกไปเวียดนามเป็นจ้าวใหญ่ได้สบายแฮ และยังเคยผลิตน้ำมันคล้าย เชลล์เพียวร่าดีเซลได้ด้วย และราคายังถูกกว่าเชลล์เพียวร่าดีเซลอีกต่างหากเพียงแต่ว่า การตลาดครับไม่สำเร็จในเมืองไทย เลยไปขายในเวียดนามดีกว่า
โดยคุณ siamman18 เมื่อวันที่
22/02/2009 01:35:26
ความคิดเห็นที่ 7
ความภูมิใจของบริษัทเอกชนที่ก่อตั้งจากราชโองการ(SCG)
พศ.2530 (คศ.1987) ได้มีการขยับขยายจัดตั้งโรงงานประกอบและผลิตเครื่องยนต์โดยการร่วมทุนกับ บริษัท สยามซีเมนต์ จำกัด และผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ในประเทศไทยด้วยการก่อตั้ง บริษัท สยามโตโยต้าแมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ปัจจุบัน SCG ถือหุ้นใน Siam Toyota 10 % ครับ และใน Siam คูโบต้า 40 % อีกทั้ง SCG เคยมีแผนที่จะผลิตรถยนต์ตราช้างด้วยครับ แต่เกิดวิกฤต 40 ซะก่อน
ถึงไม่มีบริษัทผลิตรถยนต์แห่งชาติโดยตรง แต่ผมเชื่อครับว่าตอนนี้องค์
ความรู้ต่าง ๆ ในการสร้างรถนั้นมีอยู่ในประเทศไทยมากเพียงพอครับ
เพียงแต่มันยังกระจักกระจายอยู่เท่านั้นเอง ถ้าวันหนึ่งมีเหตุการณ์ที่
จำเป็นต้องทำ หรือผลิตเองเราก็ทำได้ครับ
โดยคุณ
Red@Baron 
เมื่อวันที่
23/02/2009 03:10:51
ความคิดเห็นที่ 8
ถ้าเราทำได้ก็ยอดมากครับเราจะได้ซื้อรถในราคาแสนเดียว
แต่เราก็ยังทำไม่ได้ซิครับ....ส่วนไทยรุ่งผมไม่เคยคิดว่าเป็นรถ
ของไทยเลยแม้แต่นิด..เพราะความจริงๆๆๆมันไม่ไช่ครับ
โดยคุณ
wut 
เมื่อวันที่
23/02/2009 08:04:18
ความคิดเห็นที่ 9
เห็นด้วยกับคุณ wut นะครับ เรื่องไทยรุ่ง
ผมเองยังอยากศึกษาในมุมลึก และต้องการหาข้อมูลให้มากกว่านี้ถึงความเหมาะสมที่ไทยควรจะผลิตรถยนต์แบรนด์เป็นของตัวเองหรือไม่ครับ
ยังไงก็ขอบคุณ คห ทุกท่านมากครับ
โดยคุณ
BloodRoyal 
เมื่อวันที่
23/02/2009 12:26:39