หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ถอน 3 ทัพภาค...พ้น 3 จังหวัดใต้ !! รัฐบาลเสนอ แต่ทหารยังไม่สนอง

โดยคุณ : แมว เมื่อวันที่ : 25/02/2009 13:02:42

น่าจับตาไม่น้อยสำหรับสถานการณ์ความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ดูเหมือนจะนิ่งๆ ไปหลังได้รัฐบาลชุดใหม่ แต่ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมากลับมีข่าวลอบวางระเบิด และซุ่มโจมตีทหารตำรวจชุดรักษาความปลอดภัยจนบาดเจ็บล้มตายอย่างต่อเนื่อง

 ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ก็เพิ่งเกิดเหตุซุ่มยิงและตัดคอทหารพราน ร้อย.ร.2534 เฉพาะกิจยะลา (ฉก.ยะลา) 2 นาย บนถนนสายกาโสด-เขื่อนบางลาง หมู่ 6 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา ซึ่งบ่งบอกชัดเจนว่าไฟใต้ยังร้อนระอุเช่นเดิม

 น่าสนใจยิ่งขึ้นว่า การเร่งปูพรมก่อเหตุอย่างหนักของกลุ่มโจรใต้ในครั้งนี้ สอดรับโดยบังเอิญกับแนวคิด "ปรับกำลังทหาร" เพื่อให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ "การเมืองนำการทหาร" ของกุนซือความมั่นคงของฝ่ายรัฐบาล

 โดยรัฐบาลมอบหมายให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ไปศึกษารายละเอียด และประเมินข้อดี-ข้อเสีย เกี่ยวกับปรับกำลังในพื้นที่

 โดยเฉพาะแนวคิดการ "ถอนกำลัง" ทหารจากกองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่ 3 ตามข้อเสนอของ พล.อ.กิตติ รัตนฉายา อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ผู้ที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี หวังดึงมาเป็น "กุนซือ" วางแผนดับไฟใต้ในรัฐบาลชุดนี้

 แต่กลับมีข่าวในทิศทางตรงกันข้ามว่า เจ้าหน้าที่ระดับผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 4 ที่มี พล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 กลับไม่เห็นด้วยกับการปรับกำลังทหารในช่วงนี้ เพราะมองว่า ยังไม่สามารถควบคุมเหตุการณ์ความรุนแรงได้อย่างเด็ดขาด

 เสียงสะท้อนจากผู้ปฏิบัติให้เหตุผล 3 ประการที่ยังมิอาจถอนกำลังทหารจาก 3 กองทัพภาคออกไป ประมวลเป็นข้อๆ ได้ดังนี้

 1.เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าถึงตัวผู้สั่งการระดับ “มันสมอง” ที่คอยสั่งการกลุ่มขบวนการในพื้นที่ได้

 2.แนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบยังมีสถิติเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 3.กองกำลังติดอาวุธ โดยเฉพาะกลุ่มคอมมานโด "อาร์เคเค" ยังทรงอิทธิพลอย่างสูงในพื้นที่

 ความเข้มแข็งของกลุ่มโจรทำให้ประชาชนในพื้นที่ยังลังเล และหวาดกลัวที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐอย่างเต็มตัว ฉะนั้น จึงสามารถแบ่งกลุ่มประชาชนในพื้นที่ได้เป็น 3 กลุ่ม คือ

 1.กลุ่มที่ยอมเป็นแนวร่วมก่อความไม่สงบ

 2.กลุ่มที่ยังลังเล และขอเป็นกลางต่อสถานการณ์

 3.กลุ่มที่ต่อต้าน ไม่เอาด้วยกับขบวนการก่อความไม่สงบ

 ดังนั้น การที่รัฐบาลจะนำมาตรการการเมืองนำการทหาร โดยอ้างว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุม และโน้มน้าวมวลชนในพื้นที่ได้เป็นส่วนใหญ่ จึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริงมากนัก

 แหล่งข่าวระดับสูงในพื้นที่ยอมรับว่า แนวคิดปรับกำลังทหารกองทัพภาคที่ 1 กองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่ 3 มีจริง แต่การปรับกำลังจะต้องรอการพิจารณางบประมาณปี 2553 ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน เพื่อจะได้จัดกำลังได้อย่างเหมาะสมตามกรอบงบประมาณ

 เขาย้ำว่า ขณะนี้แนวคิดการปรับกำลังยังอยู่ในระหว่างศึกษาหาข้อดีข้อเสียอยู่ แต่แนวทางที่เป็นไปได้ในการปรับกำลังพลในพื้นที่ที่ปัจจุบันมีกว่า 2 หมื่นนาย คงทำได้เพียงการ "ลดไขมันส่วนเกิน" คือ ใช้กำลังเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น แต่จะให้ถอนไปทั้งหมดคงทำไม่ได้

 สาเหตุสำคัญที่ยังถอนกำลังไม่ได้ในตอนนี้ คือ สถิติการ "มอบตัว" ของแนวร่วมก่อความไม่สงบ ที่เดิมจะเข้ามอบตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ทุกวันนี้กลับเงียบหายไปเฉยๆ ซึ่งเป็นสัญญาณอันตราย และทหารจะต้องเร่งควบคุมเหตุร้ายรายวันให้ได้โดยเร็ว

 ส่วนแนวคิดของรัฐบาลที่ใช้การเมืองนำการทหาร ทั้งยังทุ่มงบประมาณ 6 หมื่นกว่าล้านบาท เพื่ออนุมัติ 603 โครงการดับไฟใต้ เขาก็มองว่า แม้จะหว่านเงินลงไปจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหาที่ตรงจุดมากนัก

 เขาเตือนด้วยว่า ในขณะที่รัฐบาลใช้นโยบายการเมืองนำการทหาร ฝ่ายตรงข้ามก็ "ย้อนศร" ด้วยนโยบายนี้เช่นเดียวกัน ซ้ำยังชิงเป็น "ฝ่ายรุก" อยู่ตลอดเวลา ด้วยการกระพือข่าวให้องค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งในและต่างประเทศเสนอข่าวดิส เครดิตทางการไทยอย่างต่อเนื่อง

 นอกจากนี้ กลุ่มโจรยังใช้สงครามเชิงจิตวิทยาด้วยยุทธวิธี "ข่มขู่ให้หวาดกลัว" ด้วยรูปแบบการลงมือที่โหดเหี้ยมกับเจ้าหน้าที่ และแนวร่วมที่กลับใจไปให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เพื่อเป็นการกดดันไม่ให้ประชาชนให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ

 เมื่อรัฐบาลเล็งผลเลิศกับนโยบายเชิงเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็ต้องการลดภาระงบประมาณทางทหารลง แต่ทหารกลับมองตรงข้ามว่า ยังจำเป็นจะต้องคงกำลังไว้จำนวนมากเพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ได้เสียก่อน

 เค้าลางแห่ง "ความขัดแย้ง" ปะทุขึ้นอย่างเงียบๆ ซึ่งไม่แน่ว่าจะเป็นแค่ "ไฟเย็น" หรือ "ภูเขาไฟ" ที่พร้อมปะทุไม่วันใดก็วันหนึ่ง !?

 นโยบายดับไฟใต้กำลังเดินทางมาถึง "จุดเปลี่ยน" ที่สำคัญ และน่าสนใจว่า รัฐบาลจะบริหารความขัดแย้งภายในครั้งนี้ไปได้อย่างไรไม่ให้บัวช้ำ-น้ำขุ่น

 ที่สำคัญ ต้องตอบโจทย์การดับไฟใต้ให้ตรงจุดที่สุด..ไม่ใช่แค่จัดวางคนให้ครบโควตา และสักแต่หว่านๆ เงินลงไปเท่านั้น.


http://www.komchadluek.net/2009/02/23/x_mili_u001_338510.php?news_id=338510


เห็นเวปนี้ มี ทหารประจำการภาคใต้อยู่ อยากทราบ ความคิดเห็น ของทุกท่านนะครับ เห็นด้วย ข้อเสนอแนะ ในมุมที่คนอยู่ส่วนนอกไม่ทราบนะครับ


ไม่เอาการเมือง เอาแต่ทหารนะครับ

ขอบคุณครับ





ความคิดเห็นที่ 1


ไอ้เรื่องถอนทัพนั้น ผมมองว่ายังไงๆ ก็ต้องมีแน่ แต่ว่าจะถอนทัพด้วยเงื่อนไขแบบใหน ในกรณีนี้ผมมองเห็นอยู่สองเงื่อนไขคือ
1.ถอนทัพเพราะเหตุการณ์ได้สงบ และเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
2.ถอนทัพเพราะไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ และเสียดินแดน
แต่ทั้งสองกรณี/เงื่อนไขทั้งสองนี่นั้น คงจะยังไม่ไช่ในเร็วๆนี้แน่ เป็นไปไม่ได้และไม่อยากให้เป็น ถ้าจะถอนทัพออกในตอนนี้ เพราะเหตุการณ์ยังคงเกิดขึ้น ต่อเนื่องอยู่ ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่ทหารปฎิบัติงานอยู่ในพื้นที่ ก็จะล่อแหลมอย่างมาก เพราะฝ่ายตรงข้ามจะเข้ามาใช้ประโยชน์ทันที โดยการเข้ามาข่มขู่ คุกคาม แสวงหาแนวร่วม ก่อร่างสร้างกองกำลังที่เข้มแข็งกว่าเก่า และอาจจะสายเกินแก้สำหรับการส่งทหารเข้ามาใหม่ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนคิดนโยบายนี้ขึ้นมา การโยนเงินเข้าไปในพื้นที่ผมคิดว่า ไม่ไช่การแก้ปัญหา เพราะว่า ปัญหานี้มันเกิดขึ้นมาตั้งนานแล้ว องค์ประกอบทางเศรษฐกิจไม่ไช่องค์ประกอบที่สำคัญเท่ากับการถูกปลูกฝังมาจากรุ่นสู่รุ่น ให้ประกาศเอกราช ฉะนั้น ถ้าจะแก้ ต้องแก้ที่ตัวความคิดของคนในพื้นที่ ให้รู้จักว่า พวกเค้าคือคนไทย อาศัยอยู่ในแผ่นดินไทย ไม่ไช่คนรัฐปัตตานีอาศัยอยู่ภายใต้การปกครองของสยาม อย่างที่ถูกปลูกฝังมา

ปล.ทั้งหมดทั้งมวลทีกล่าวมา ผมไม่ไช่ทหาร ไม่ไช่ผู้เชี่ยวชาญ ไม่ไช่คนในพื้นที่ แต่เป็นแค่คนไทยคนหนึ่งที่ห่วงชาติบ้านเมือง ไม่ได้น้อยไปกว่าใครเลย
โดยคุณ swakoft เมื่อวันที่ 23/02/2009 09:27:30


ความคิดเห็นที่ 2


เห็นด้วยในการลดกำลังทหารในบางพื้นที่

ถ้าจะถอน ทภ. 1  2  3 ทั้งหมดนั้นคงไม่ดีแน่

 

แต่ควรจะจัดสรรกำลัง...แบ่งพื้นที่ ให้เหมาะสม

เพียงพอที่จะควบคุมสถานการณ์ได้

 

กำลังทหารที่เป็นคนในพื้นที่จำเป็นอย่างมากในภารกิจมวลชน

แต่ก็เสี่ยงเดิมพันกับด้านการข่าวที่จะรั่วไหลออกไปเช่นกัน

 

ถ้าเป็นไปได้..อยากให้สนธิกำลังกันครับ

แต่คงเป็นไปได้ยากในแง่ของการบังคับบัญชา

 

กำลังที่ควรเพิ่มให้เข้มแข็งจริงๆคือกำลังประชาชน

ที่มีอยู่ตอนนี้...ไม่ได้ใช้อย่างเต็มขีดความสามารถเลย

หรือในบางที่ก็ไม่สามารถใช้ได้เลย

 

ในดีมีเสีย..ในเสียก็มีดี

ไม่มีอะไรจะดีไปทั้งหมด หรือแย่ไปทั้งหมด

 

ก็อยู่ที่ผู้บังคับบัญชาจะเลือกใช้หนทางไหน

 

สุดท้าย...ทางแก้ปัญหาที่ผมคิดว่าน่าจะใช้ได้ดีที่สุด

คือ...เร่งระงับเหตุร้ายรายวันให้ได้

แล้วส่งเสริมการศึกษาในโรงเรียนของรัฐ

โดยคุณ krarok เมื่อวันที่ 23/02/2009 11:27:58


ความคิดเห็นที่ 3


ผมว่าควรจะเพิ่มเข้าไปอีกนะครับ  เพิ่มทั้งกำลัง เพิ่มทั้งประสิทธิภาพ แดนใต้สงบเร็วเมื่อไหร่ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น...


สงสัย  ว่าเหตุการณ์มันเกิดจากสาเหตุใดเป็นสิ่งสำคัญ... ฟังไปฟังมาจนจับต้นชนปลายไม่ถูกแล้วครับ..
โดยคุณ charchar เมื่อวันที่ 23/02/2009 12:31:29


ความคิดเห็นที่ 4


ก่อนจะถอน จะต้องสร้างให้คนในพื้นที่ เป็นฝ่ายที่ต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายให้ได้ก่อนครับ ไม่เช่นนั้นแล้ว ถอนไปก็ไร้ประโยชน์

เห็นคมชัดลึก ก็ปล่อยข่าวมาเหมือนกันอาทิตย์ที่แล้วว่า ทางราชการเริ่มไม่จริงใจกับชาวบ้านอีกแล้ว แล้วก็ยกตัวอย่างกรณี ข้าวสาร อาหารแห้ง ที่ชาวบ้านขุดขึ้นมามอบให้ทางรัฐ และทางรัฐสัญญาว่าจะมอบกลับคืนไป แต่พอถึงเวลาจริง ๆ แล้ว มอบคืนไม่ครบจำนวน

หรือแม้แต่ กรณีชุด ชรบ. ที่คมชัดลึก เต้าข่าวว่า มีการเล่นพรรคเล่นพวกกันเอง ในการคัดเลือกคน โดยให้ข่าวมาว่าเนื่องจากมีเบี้ยเลี้ยงให้ด้วย

ก็ไม่รู้จะจริงหรือไม่อย่างไร แต่ คมชัดลึก ปล่อยข่าวมาแล้ว  ถ้าเป็นจริง นี่ก็คือสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้เรื่องจิตวิทยาเราอ่อนกว่าเขา เพราะเราทำไม่ตลอด

เมื่อวันเสาร์ เดลินิวส์ ก็บอกว่า มะแอ อภิบาลแบ หัวโจกระดับปฏิบัติการ นำกำลังมาช่วงชิงมวลชนคืนจากรัฐ ใน พื้นที่ อ.บันนังสตา ฐานเก่านั่นเอง

ถ้าท่าน กิตติ อยากจะให้ถอน ก็ต้องถามก่อนว่า แล้ว พวกตัวเอ้ ๆ ที่ทางรัฐบาลหลายสมัยเชื่อกันว่า เขาคือระดับหัวหน้าจริง ๆ อย่าง สะแปอิง บาซอ ที่หลบอยู่ประเทศเพื่อนบ้าน และ ตอน อดีตนายกฯ สุรยุทธ์ ขอโทษออกทีวี ภรรยาสะแปอิงก็บอกว่า สะแปอิง อยากกลับ ตอนนี้ สะแปอิง กลับมาจริงไหม ?  (เปลี่ยรัฐบาลแล้วไม่เห็นน่าจะต้องกลัวเลย )

แล้วไหนยังมีกรณี นายทหารชั้นผู้ใหญ่ อดีตแม่ทัพภาค 4 ท่านหนึ่ง กับ แม่ทัพภาค 4 ในสมัยก่อนหน้านี้ เอาตำแหน่งไปประกันตัว หัวโจกระดับปฏิบัติการจำนวน 4 คน จากศาลฯ แล้วสุดท้าย พวกนี้ มันก็หนีประกัน ไม่เคยไปรายงานตัวตลอด  นี่ก็อีกกรณีหนึ่ง

นี่มันก็สะท้อนการทำงานของภาครัฐส่วนหนึ่ง ซึ่งยังไม่มีความเป็นเอกภาพอย่างแท้จริง ยุคหนึ่งคิดอย่างทำอย่าง ยุคหนึ่งก็คิดอีกอย่างทำอีกอย่าง

ปัญหามันก็เลยยังวนไม่จบอยู่อย่างนี้หนะเอง

 

 

 

โดยคุณ lordsri เมื่อวันที่ 23/02/2009 21:25:28


ความคิดเห็นที่ 5


การถอนเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ตาม ไทม์ไลน์     แต่ถามว่า  ปัจจุบันสามารถทำได้ตามเป้าประสงค์หรือไม่  นี่คือ ตัวแปรว่าจะยังคงแผนไว้ตามเวลาเดิมหรือไม่   ตรงนี้คงตรงคิดให้มากและรอบคอบที่สุด เพราะมันมีผลมากทีเดียว  เพราะถ้าพลาดคงเรื่องใหญ่แน่ๆ   

ฝ่ายตรงข้ามใช้รากฐานมาจากวิธีการของคอมมิวนิสต์   แต่ อย่าลืมนะครับว่า เมื่อก่อนเรารบกับ พคท. นั้น  พคท. คือคนไทยที่มีความคิดเห็นต่างกันด้านการปกครอง(แต่เขาคิดว่าเขาเป็นคนไทย)   แต่ปัจจุบันเรารบกับกลุ่มคนที่มีพื้นฐานว่าเขาไม่ใช่คนไทย ดังนั้นบางอย่างใช่วิธีการเดิม ไม่ได้

ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้มีแค่เพียงกำลังทางทหารเพียงอย่างเดียว แต่มีหลายหน่วย หลายฝ่าย   ถ้าเรา(เราในที่นี้หมายถึง ๓ ฝ่าย ตามชื่อ พตท.)ยังคงรบกับแค่กำลังทางทหารของฝ่ายตรงข้ามเพียงอย่างเดียว  สุดท้าย ก็ยังคงรบกันต่อไปเรื่อยๆ ไม่รู้จักจบสิ้นเพราะต่างฝ่ายต่างก็สามารถทดแทนการสูญเสียของตัวเองได้            ถ้าเราตัดได้แค่ กิ่ง ก้าน ใบ ดอก และ ผล   มันก็ยังคงสามารถงอกออกมาได้เรื่อย   วันใดเราสามารดเอาลวดไปรัดต้นให้มันยืนต้นตายได้วันนั้นเราก็ทำเพียงแค่โน้มคอมันลงมาตีเข่า เอ๊ย โน้มกิ่งลงมาริดใบดอกผลในคราวเดียว โดยไม่ต้องกลัวมันงอกใหม่

การเปลี่ยนความคิดคนที่มีอุดมการณ์สูงนั้น เป็นเรื่องยากจนถึงเป็นไปไม่ได้  ดังนั้นจะทำยังไงให้คนคนนั้นไม่มีอุดมการณ์มาตั้งแต่แรก    ก็เหมือนกับที่เราถูกสั่งถูกสอนให้กิน"ข้าว"มาตั้งแต่TEENเท่าฝาหอย จนหอยเท่าฝ่าTEEN  เอ๊ย  จนTEENเท่าฝาหม้อข้าวสนาม  แล้วอยู่ๆมาวันหนึ่งมีไอ้บ้าคนหนึ่งมาบอกเราว่า  กินข้าว ไม่ดี กินขนมปังดีกว่า  แล้วไอ้บ้าคนนั้นก็ไม่ได้แค่พูดเปล่าๆ แต่ยังคะยั้นคะยอแกมบังคับพร้อมทั้งเอาขนมปังมาประเคนให้กินอีกต่างหาก  เราก็กินขนมปังเพราะอดเสียไม่ได้พร้อมทั้งคิดว่า อืมม ก็ดีได้ลองของแปลกใหม่  ก็อร่อยดี    แต่มาวันหนึ่งวันใดไอ้บ้าคนนั้นอยู่ๆก็หายไป   สุดท้ายเราก็คงกลับมากินข้าวเหมือนเดิมเพราะความเคยชินและคุ้นเคย             ดังนั้นคนที่กินข้าวก็ปล่อยเขากินข้าวต่อไปและหาทางให้เขาไม่ต้องได้กินข้าวอีกตลอดกาล   แล้วหันไปให้คนใหม่ๆกินขนมปังมาตั้งแต่แรก

การศึกษาเป็นสิ่งสำคัญ  เพราะ "คนโง่ ย่อมตกเป็นเหยื่อของ  คนฉลาด"

และ   " คนฉลาด  ก็ย่อมตกเป็นเหยื่อของ  คนแกล้งโง่"

ดังนั้น  "ใครว่าเราแกล้งโง่"

อืมมม  อ่านไปอ่านมาเริ่มงงเอง  งั้นจบแค่นี้ละกันครับ

โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 24/02/2009 12:22:14


ความคิดเห็นที่ 6


ก็พี่นำแนวคิดสมานฉันท์ ไปใช้กับคนที่เขาไม่ได้คิดว่าเขาเป็นคนไทย กรูจาแบ่งดินแดนท่าเดียว และจะไม่หยุดยิงด้วย อย่าเผลอหันหลังให้ก็แล้วกัน

ผมไม่ทราบว่าสมานฉันท์แล้วตายไปเท่าไหร่แล้ว และคนที่ตายก็ต้องกัดฟันอยู่จนถูกยิงตาย 

หลายคนคิดเป็นแต่ทำอะไรไม่ได้ มันติดที่ระบบ.......................

ระบบอ่อนแอ แก้ได้ แต่ความคิดอ่อนแอ แก้ไม่ได้

หมากที่คนโบราณเขาให้มา ไม่ได้มีไว้แก้อย่างเดียว เขามีเอาไว้ให้ "รุก" ให้มันตกขอบไปเลย

ถ้าเล่นหมากแล้วไม่ " รุก"นั่งทั้งวันก็เสียเวลาเปล่า (ถ้าเป็นชีวิตคนก็ตายฟรี)

อย่าหาสูตรดับไฟใต้จนเพลิน(สูตรผู้ดี) จนลูกกำพร้าพ่อไปหลายคน............

โดยคุณ tik เมื่อวันที่ 25/02/2009 01:00:59


ความคิดเห็นที่ 7


ผมเห็นด้วยกับการปรับเปลี่ยนกำลัง  แต่ไม่เห็นด้วยกับการถอนกำลัง เพราะงบประมาณที่ลงมา 100,000,009,000(หนึ่งแสนเก้าพันล้านบาท)ที่ลงมาภาคไต้ไม่สามารถทำให้เหตุการสงบ ถ้านำงบเหล่านี้ไปซื่ออุปกรณ์ที่ใช้ในสนามรบ คงจะช่วยลดการศูนย์เสียของทหารผู้น้อยไปได้มาก และระดับผู้นำทางทหารไม่เข้าใจพื้นฐานของพื้นที่ประชาชนถูกสอนโดยโรงเรียนที่เปิดทั่วไปว่า ตน ไม่ใช่คนไทยแต่เป็นคนมาลายู(ไม่พูดไทย ไม่กินอาหารไทย ไม่ให้คนไทยเข้าพื้นที่ของตน ไม่ว่าหมู่บ้าน หรือชุมชน กำลังขยายพื้นที่ไปยังสงขลา) ระนอง สุราฏ ยาเสพติด(ซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐไม่ฟังคนในพื้นที่)ฟังแต่นายตนเองและเมื่อใหร่จะแก้ใด้ แก้ปัญหาต้องเด็ดขาด ไม่ใช่อ่อนแอ ขนาดชื่อโจร ยังเรียกผู้ต้องสงสัยเลย  ไม่กล้าเรียกโจร ทั้งๆที่เป็นโจรชัดเจน ถ้ามีระบบการปกครองแบบอื่นเข้า เช่นดอมมิวนิส รับรองได้เลยว่าคน 3จังหวัดชายแดนใต้เป็นคอมหมด เพราะทหารห่วงโรงเรียนมากกว่าชีวิตประชาชน เฝ้าแต่โรงเรียน แล้วชีวิตชาวบ้านละ ถ้ากลัวโจรมากก็ส่งปืนให้ชาวบ้านสู้กับโจรเองสิ  แล้วคุณก็ออกจากพื้นที่ไป  ผมอยู่ในพื้นที่ไม่เห็นทหารทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย นอกจากปิดล้อมซึ่งเกิดนานๆครั้ง  ถ้ามีโจรในหมู่บ้านก็เรียกโจรมาบอกว่าอย่าทำอะไรในพื้นที่ผมนะ ไม่งันคุณจะโดน ทุเรศ เราเป็นชาวบ้านยังรู้เลยว่าทหารเข้าออกเวลาใหน  ขนาดเสียงรถยังฟังออกเลย แล้ว โจรที่มีความชำนาญในการรบ แล้วทหารจะเหลืออะไร ขนาดรบกับโจรกระจอกนะยังรบได้ขนาดนี้  แล้วถ้ารบกับ อะไรที่ใหญ่กว่านี้แล้วจะเหลืออะไร ช่วยหน่อยทำอะไรให้มันจริงจังสักที เพราะตอนนี้เราชาวบ้านถูกฆ่าไปมากแล้ว พัฒนาหน่อย  คิดแบบพัฒนาหน่อย มันสมองนะมีใหม ไม่อย่างนั้นผมรับรองได้ว่าจะมีกองกำลังเกิดขึ้นใหม่แน่นอน รบกับประเทศไทย  และรบกับโจร ผมไม่ได้ต้องการสงคราม  แต่ทหารก็ไม่ได้มีเพื่อสันติเช่นกัน

โดยคุณ prem เมื่อวันที่ 25/02/2009 02:02:43