หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


ทำไม ทร. ไม่สนใจเครื่องฝึกไอพ่น/โจมตีเบา

โดยคุณ : Condor เมื่อวันที่ : 24/02/2009 23:36:31

ตอนนี้ ทร. ปลด A-7 ไปแล้ว ไม่ลองมาหาเครื่องบินฝึกไอพ่น เช่น L-39 หรือเครื่องบินรุ่นอื่น ๆ ในคลาสเดียวกันนี้มาใช้งานและใช้สนับสนุนกำลังนาวิกโยธิน และใช้ฝึกนักบิน ทร. เพื่อหาประสบการณ์ไปพลาง ๆ ก่อนในอนาคตจะหาเครื่องบินขับไล่ดี ๆ มาใช้งาน หรือตอนที่ ทอ. ได้รับ JAS-39 มาแล้ว ทร.ไม่ขอโอน F-5 ฝูง 701 จาก ทอ. มาใช้ก่อนก็น่าจะได้นะครับถ้าเครื่องบินยังสามารถใช้งานต่อได้




ความคิดเห็นที่ 1


show me the money
โดยคุณ u3616234 เมื่อวันที่ 23/02/2009 19:37:11


ความคิดเห็นที่ 2


บ.ฝึกเครื่องยนตร์Jetที่มีในตลาดปัจจุบันนั้น จะมีน้ำหนักบรรทุก พิสัยทำการน้อยเกินไป และรูปแบการติดตั้งอาวุธไม่ตรงกับความต้องการของกองทัพเรือเช่นติด อาวุธปล่อยต่อต้านเรือผิวน้ำไม่ได้เป็นต้น

อีกประการคือการจัดหา บ.โจมตีนั้นก็ไม่ใช้ความต้องการเร่งด่วนของกองทัพเรือในขณะนี้ครับ

โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 23/02/2009 22:41:32


ความคิดเห็นที่ 3


MB-339 ก็น่าจะติดตั้งอวป.ต่อต้านเรือผิวน้ำได้ แต่สมรรถนะโดยรวมของเครื่องอาจจะไม่ตรงตามความต้องการของกองทัพเรือ
โดยคุณ phongrapee เมื่อวันที่ 23/02/2009 22:52:52


ความคิดเห็นที่ 4


^ ^ กำหนดภารกิจก่อนกำหนดความต้องการครับ ถ้าเรารู้ว่าภารกิจคืออะไรเราก็จะรู้ว่าจำเป็นหรือไม่ครับ

ภารกิจคืออะไรเอ่ย?

ถ้าภารกิจคือฝึกนักบินทร.หรือโจมตีทางทะเลล่ะก็ ไม่เหมาะอย่างยิ่งยวดครับ เพราะทุกวันนี้นักบินทร.ก็ไปเรียนที่ทอ.อยู่แล้ว อีกอย่างเครื่องบินฝึกไอพ่นมีพิสัยใกล้และใช้อาวุธส่วนใหญ่ที่ไม่เหมาะกับการโจมตีทางทะเล ดังนั้นผมคิดว่าไม่เวิร์คครับ ^ ^

โดยคุณ Skyman เมื่อวันที่ 23/02/2009 23:52:21


ความคิดเห็นที่ 5


เครื่องบินฝึกของกองทัพเรือนั้นยังไม่มีความจำเป็นในช่วงนี้ครับ เพราะเครื่องบินที่จะใช้ในกองทัพเรืออีกทั้งนักบินนั้นยังไม่มากพอที่ควรจะมีเครื่องบินฝึกเป็นของตัวเอง จึงเหมาะสมแล้วครับที่จะฝากไปร่วมเรียนกับนักบินของกองทัพอากาศแล้วจึงมาฝึกบินพร้อมรบกับเครื่องบินเครื่องบินของกองทัพเรือเองนายภายหลัง ส่วนเครื่องบินโจมตีนั้นถ้าจะดูภารกิจและหลักนิยมของเครื่องบินกองทัพเรือนั้นจะเน้นไปที่การโจมตีสนับสนุนกองเรือและนาวิกโยธิน ส่วนขับไล่เป็นภารกิจรอง อีกทั้งการบินทางทะเลนั้นเครื่องบินจะต้องมีความน่าเชื่อถือและเอาตัวรอดสูง บินได้ไกล ซึ่งเครื่องบินขนาดเล็กนั้นยังไม่สามารถจะรองรับได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก นอกเสียจากว่าเครื่องบินนั้นอยู่บนเรือบรรทุกเครื่องบินที่ลอยลำอยู่กลางทะเลคอยให้การสนับสนุนกองเรือที่กำลังปฏิบัติภารกิจ แต่ว่าสำหรับกองทัพเรือไทยเรานั้น ยังต้องอาศัยฐานบินบนบกเป็นหลัก ดังนั้นเครื่องบินที่กองทัพเรือเราควรจะมีใช้งานต้องเป็นเครื่องบินที่มีพิสัยการบินที่ไกลพอที่จะไปโจมตีแล้วบินกลับฐานได้ ซึ่งก็มีแต่เครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ หรือใช้เครื่องบินขึ้นลงทางดิ่งที่ประจำการบน ร.ล.จักรีนฤเบศร์ ปฏิบัติภารกิจ
โดยคุณ เด็กทะเล เมื่อวันที่ 24/02/2009 00:20:25


ความคิดเห็นที่ 6


เห็นด้วยเหมือนที่คุณเด็กทะเลว่า.....

การที่ ทร.ปลดประจำการ A-7 ไปแล้ว..โดยไม่เลือกปรับปรุง (ก่อนจะคิดว่าจะซื้อแบบใหม่) เพราะ ทร.มองเห็นภารกิจนี้มีความจำเป็นน้อยการความเร่งด่วนอื่นๆ ที่จะจัดหาเรือรบ หรือการซ่อมปรับปรุงเรือรบที่มีอายุกว่า ๑๐ ปีแล้ว....ส่วนการป้องกันทางอากาศนั้น ให้ ทอ.ดูแลไปก่อน...เมื่อความพร้อมของเรือปรับปรุงครบ...และจัดหาครบ...เขาก็จะกลับมาพิจารณาจัดหา เครื่องบิน  รถถัง  เรือดำน้ำ และระบบต่อสู้อากาศยาน ฯลฯ แต่ทั้งนี้ อะไรมาก่อนมาหลังยืดหยุนได้ครับ....

 

ในกองทัพสิงคโปร์  เขาแบ่งหน้าที่ภารกิจไปเลยว่า...อากาศเป็นของทหารอากาศ   เรือเป็นของทหารเรือ  รถถังเป็นของทหารบก.....ของไทยเราไปยึดระบบจัดทัพตามแบบมหามิตร มาตั้งแต่ก่อนสงครามโลก...จนกระทั่งปัจจุบัน...

โดยคุณ ท้าวทองไหล เมื่อวันที่ 24/02/2009 01:25:45


ความคิดเห็นที่ 7


ผมว่าเรามีแค่เรือบรรทุกเลิคอปเตอร์นี่มันก็เกินความต้องการของ ทร. มากพอควรแล้วครับ ยิ่งแต่ก่อนเรามีเจ้า เอ7 กับ เอวี-8เอส ยิ่งทำให้ ทร.เราใหญ่โตคับทะเลเกินจริง คือเกินกว่าขีดความสามารถของงบประมาณประจำปีและการซ่อมบำรุง ของ ทร. เองน่ะครับ ตอนนี้ บ. ทั้งสองแบบปลดประจำการไปแล้วก็ทำให้เรากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงซะทีว่า เรา มีขนาดกองทัพแค่นี้ มีทรัพยากร (ทั้งเงิน และบุคลากร) แค่นี้ เราก็ต้องอยู่แค่นี้อย่างพอเพียงน่ะครับ หรือถ้ากลับไปดูภัยคุกคามหลักของ ชาติ เรา ( คือประเทศแถบชายแดนตะวันตก) ก็จะเห็นว่าด้วย กำลัง ทร.ปัจจุบันนี้เราสามารถรับมือไหวอยู่แล้วครับ การพัฒนากองทัพ ผมอย่างให้ดู สิงคโปร์เป็นตัวอย่าง เพราะถึงเขาไม่มี เรือบรรทุกเครื่องบินแต่เขาก็สมบูรณ์ในตัวเองนาครับ ช่องแคบมะละกา คือชุมทางเสือผ่านที่มหาอำนาจวิ่งเข้าออกประจำแต่เขาก็ วางแผนกำลังรบอย่างดี มีระบบครับ ไม่เปะปะเหมือนของเรา อันนี้ความคิดผมนาครับ

โดยคุณ data เมื่อวันที่ 24/02/2009 02:13:44


ความคิดเห็นที่ 8


ว้าว...ง่ายๆ...ชัดเจน...

ในกองทัพสิงคโปร์  เขาแบ่งหน้าที่ภารกิจไปเลยว่า...อากาศเป็นของทหารอากาศ   เรือเป็นของทหารเรือ  รถถังเป็นของทหารบก

 


โดยคุณ น่าคิด เมื่อวันที่ 24/02/2009 03:29:24


ความคิดเห็นที่ 9


...บ.ฝ.ไอพ่น มีเพียงอิตาลี น่ะครับที่ใช้ยิงอาวุธโจมตีเรือผิวน้ำในตอนนี้ คือ Marte MK.2  ใช้กับ MB-339 น่ะครับ ส่วนชาติอื่นก็ไม่มีใครใช้ เนื่องด้วยอาวุธโจมตีเรือผิวน้ำทั่วไปมีขนาดใหญ่ ถึงจะรุ่นเล็กอย่างPENGUIN MARK 2 หรือ BAE SEA SKUA ก็บรรทุกไปได้ไม่กี่ลูกแถมพิสัยยิงยังใกล้เสี่ยงต่อการโต้กลับเป็นต้น อื่นๆก็ดังที่หลายท่านให้ความเห็นไว้ข้างต้นอ่ะครับ
โดยคุณ MIG31 เมื่อวันที่ 24/02/2009 04:20:00


ความคิดเห็นที่ 10


นักบินของ ทร ไม่พอ..แล้วถ้าเอานักบินของ ทอ. ไปแทนล่ะครับ

แบบว่าโยกกย้าย จะได้หรือปล่าว..ไม่ได้แน่ๆเลยขอโทดครับที่ถามแบบไร้หัวคิดน่ะครับ

โดยคุณ snake เมื่อวันที่ 24/02/2009 06:15:01


ความคิดเห็นที่ 11


จากที่เคยอ่านเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การบินไทย ในสมัยอดีตราว50-60ปีก่อนเคยมีการโอนย้ายนักบินของกองทัพอากาศไปสังกัดกองทัพเรือหรือกองทัพเรือไปสังกัดกองทัพอากาศครับ แต่ปัจจุบันคงจะไม่มีการทำเช่นนั้นแล้วครับ
โดยคุณ AAG_th1 เมื่อวันที่ 24/02/2009 09:57:31


ความคิดเห็นที่ 12


ในกองทัพสิงคโปร์  เขาแบ่งหน้าที่ภารกิจไปเลยว่า...อากาศเป็นของทหารอากาศ   เรือเป็นของทหารเรือ  รถถังเป็นของทหารบก

 ตรงนี้สิ่งสำคัญคือ การเชื่อมต่อทั้ง ๓ มิติ เข้าด้วยกัน   นั้นคือการฝึกร่วมอย่างจริงจัง   เพราะถ้าต่างคนต่างฝึกแล้วละก็   ไม่มีทางที่จะรบร่วมกันได้อย่างเข้าขาและเป็นทีมเวิร์ค  

การฝึกและซักซ้อมคือสิ่งสำคัญ แต่ที่สำคัญกว่า คือ การวางแผนการฝึก ว่าจะเป็นการฝึกที่จริงจังหรือเป็นแค่การซ้อมแสดงหนังแสดงละคร

แต่ที่แน่ๆ  ปัจจุบันเรากำลังเจอสนามรบหลายมิติที่มากกว่า ๓ มิติดังกล่าวอยู่ และ ท้าทายว่า  เราจะตีโจทย์แตกและหาคำตอบได้หรือไม่  เพราะสิ่งเดิมพันคือ "แผ่นดินไทยบางส่วน"

โดยคุณ FW190 เมื่อวันที่ 24/02/2009 12:36:33