ไม่มีอะไรมากครับ แค่ตั้งข้อสังเกตว่า มีท่านสมาชิกใหม่หลายๆท่าน ตั้งคำถามด้วยคำว่าทำไม,สงสัย และสนใจ ในคำถามเยอะมากๆ อาทิเช่น ทำไม ทอ.ไม่สนใจเครื่องบินรุ่นนี้บ้างเหรอ? และก็ บลาๆๆๆ
คือด้วยลักษณะคำถามอย่างนี้ มันบ่งบอกถึงความเป็นคนไทยหรือป่าวครับ ที่ว่าคนไทยชอบถามแต่ไม่ชอบหาคำตอบ หรือง่ายๆ ค้นหาคำตอบไม่เป็น ที่ผมพูดอย่างนี้ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมทำงานกับฝรั่งถ้าผมตั้งคำถามอย่างงี้แล้วนั้นผมจะโดนดูถูกทันทีเลยว่า คุณไม่ขวนขวายในการหาข้อมูลมาตั้งคำถามเลยใช่ไหม
WM ถ้าอยากจะลบก็ลบได้นะครับ ไม่ได้คิดสรางความแตกแยกแต่อยากให้คนไทยได้สร้างสรรค์ทางความคิด
โดยส่วนตัวผมติดตาม Thaifighterclub มานานแต่พึ่งจะสมัครสมาชิกเมื่อไม่นานนี้เอง อะไรที่ผมสงสัยผมจะอาศัยอ่านกระทู้เก่าๆเป็นร้อยหน้าที่มีอยู่
เห็นด้วยครับ และก็เห็นใจเค้าด้วยครับ เพราะบางคนก็อาจจะไม่รู้จริง ๆ ว่าจะไปหาข้อมูลที่ไหนครับ เราก็ช่วยเหลือกันช่วยชี้ทางให้ครับ แต่บาง
คนก็อาจจะเกินไปครับ
ผมก็เคยคิดเล่น ๆ อยู่เหมือนกันครับว่าพวกเราอาจะร่วมกันทำ FAQ ขึ้น
มาก็ได้ครับจะได้ช่วยกรองข้อสังสัยของคนใหม่ ๆ ได้ส่วนหนึ่งครับ มอง
แบบ Win Win ดีกว่าครับ
เมื่อการหาคำตอบถึงทางตัน มันก็ถามกันทุกคนแหละครับ
ไม่ว่าใครก็ถามกันทั้งนั้น เพราะเว็ปนี้คือ ที่หาความรู้อย่างดีของคนรัก เครื่องบิน รถถัง เรือรบ ฯ
เว็ปนี้คือ ที่แชร์ความคิดคับ ผมว่า สมาชิกถามว่า ทำไม เพราะอะไร น่ะถูกแล้ว ดีกว่าถามพี่กู แล้วได้ ข้อมูลผิดๆไปครับ
เห็นใจเจ้าของกระทู้จากบางมดนะครับ ท่านอาจรำคาญในคำถามลักษณะนี้....แต่ก็เห็นใจคนที่ถามอย่างที่ท่านว่าด้วย...คืองี๊ครับสังเกตว่าคำถามลักษณะที่ว่านี้พออ่านปุ๊บเราก็พอจะเดาอายุผู้ถามออก บางทีผมมาทราบเอาภายหลังว่าเค้าอายุแค่ 13-14 ปี ก็โกรธเค้าไม่ลง....คิดว่าตอนอายุเท่าเค้าเนี่ยผมยังตั้งคำถามได้ไม่ดีเท่าเค้าเลย อีกอย่างพ่อแม่ผมคงใช้ความอดทนมากในการตอบคำถามไร้สาระของผมในวัยเด็ก....เอางี๊สิเราก็ลองอดทนเป็นพี่ๆ ที่ดีของเค้าดูสิครับ ให้แนวทางโดยไม่ต้องบอกทั้งหมดก็ได้ ที่เหลือถ้าเค้าสนใจจริงๆ ก็ให้ไปต่อยอดเอาเอง....แต่ถ้าเป็นกรณีเป็นผู้ใหญ่มาถามอย่างว่าก็แจ้งหน่วยตบเกรียนจัดการ....เอ่อ ฝรั่งส่วนมากที่ผมเคยเจอจะใจดีนะครับ ถ้าเราถามแบบไม่รู้จริงๆ หลังจากที่เราลองมาทุกวิถีทางแล้ว เค้าก็ยินดีตอบนะ ประมาณว่าท่านต้องช่วยตัวเองก่อนจะถาม ไม่ใช่ว่าจะถามเพราะติดปากอยู่ร่ำไป
ทำไม เป็นข้อสงสัยของตัวเอง แต่อีกส่วนหนึ่ง อาจอยากจะฟังความคิดเห็นอื่นใหม่ๆ เลยใช้วิธีนี้
แต่ถ้ามีผู้ตั้งข้อสังเกตแบบว่า ใช้คำว่า ทำไม สงสัย สนใจ ว่าไม่ยอมค้นหาเอง คงจะขาดคนกล้าถามซื่อๆ แต่อยากได้คำตอบแบบโดนๆ สักคนนึงเท่านั้นเอง
ผมขอตั้งคำถามว่า ทำไม 3 จชต แก้ไม่จบซะที คำถามนี้ ซ้ำซากครับ ไปค้นแล้วยังไม่มีความชัดเจนเสียที สะเปะสะปะ
ถ้าเป็นมอสสาด ของอิสลาเอล อาจจะจบไปนานแล้วก็ได้
เพราะเขาไม่ได้กลัวกองทัพที่คุณมีอยู่เลย มีกี่หมื่นคนก็ไม่กลัว
ผมขอตั้งคำถามว่า ทำไม 3 จชต แก้ไม่จบซะที คำถามนี้ ซ้ำซากครับ ไปค้นแล้วยังไม่มีความชัดเจนเสียที สะเปะสะปะ
^
^
^
กว่าฝ่ายตรงข้ามจะเพาะบ่ม และจัดตั้งส่วนต่างๆ จนถึงขั้นสามารถใช้กำลังทางทหารได้นั้น ใช้เวลาหลายสิบปีครับ เรียกได้ว่า รากฐานแน่นจริงๆ จึงตัดสินใจเข้าสู่ขั้นการใช้กำลังทางทหาร ถ้าถือว่า วันที่ฝ่ายตรงข้ามปล้นปืนกองพันพัฒนา คือ วันประกาศสงคราม ตอนนี้ก็ล่วงเลยมาแล้ว 5 ปีกว่าๆ ลองนึกดูนะครับว่าฝ่ายที่เตรียมการมาอย่างดีเป็นสิบๆปีนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ภายในเวลาไม่กี่ปี ถ้าเปรียบเทียบกับการรบตามแบบ ช่วงแรกคือเราถูกบุกแบบไม่รู้ตัว(หรือเปล่า) จู่โจมสายฟ้าแล๊บ เราก็ต้องตั้งรับเพื่อยันข้าศึกไว้ ไม่ให้ถูกตีแตก จนเราสามารถยันไว้ได้ แนวรบเริ่มคงตัว ต่อไปก็ต้องมาดูกึ๋นของแม่ทัพนายกองของทั้ง 2 ฝ่ายแล้วละครับ ว่าเราจะสามารถตีโต้ตอบ จนกลับมาเป็นฝ่ายรุกกวาดล้างและสถาปนาใหม่ได้หรือไม่ หรือเราจะโดนเข้าตีซ้ำอีกระลอก ก็ต้องดูกันต่อไป
ถ้าเป็นมอสสาด ของอิสลาเอล อาจจะจบไปนานแล้วก็ได้
^
^
^
แต่ปัจจุบัน อิสราเอลเองก็ยังไม่จบ และก็คงยังต้องรบต่อไปอีกเช่นเดียวกัน ถ้าทำลายแนวความคิดไม่ได้ ถ้าไม่มีฝ่ายไหนโดนทำลายถึงขั้นสูญพันธุ์ สุดท้ายก็ยังคงต้องรบกันต่อไป
อ้า เห็นหลายท่านเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็น ชื่นใจจังครับ นานๆทีที่เราจะตั้งกระทู้แล้วมีคนตอบเยอะขนาดนี้ วกเข้าประเด็นที่ผมเปิดไว้ มันมีเทคนิคในการถามที่จะไม่ใช้คำว่าทำไม ,สงสัย และอะไร เช่น อาทิ
Q.1 ด้วยงบประมาณปี 50 ที่ผ่านมาที่ทอ.ขออนุมัติรัฐบาลในการจัดซื้อ บข.20 ซึ่งเป็น บ.อเนกประสงค์จากประเทศสวีเดน ยี่ห้อ SAAB model Jas-39 ซึ่งจากข้อมุลที่ผมได้ศึกษา บ.รบ 2 เครื่องยนตร์น่าจะเหมาะสมกับความต้องการของ ทอ. มากกว่า อาทิ SU-30 เพื่อนๆเห็นว่าอย่างไรครับ ?
กับอีกอัน
Q.2 ทำไม ทอ.ไม่สนใจ Su-30 บ้างล่ะ
พอจะเห็นความแตกต่างกันไหมครับ
ในคำถาม Q.1 ผู้ถามเข้าใจที่มาที่ไปของโครงการ ทราบความต้องการของ ทอ. และข้อสรุปของสถาณการณ์ปัจจุบัน จากนั้นจึงถามด้วยทัศนความคิดของตนเอง
ในคำถาม Q.2 ผู้ถามรู้อย่างเดียวว่า SU-30 หน้าตาอย่างไร สมรรถนะเบื้องต้นแค่ไหน แต่ไม่รับทราบเรื่องที่มาที่ไปในการจัดหา ข้อสรุปสถาณการณ์ปัจจุบัน
เรื่องแค่นี้แหล่ะครับที่ผมอยากฝากให้คนไทยได้คิดกัน เนื่องด้วยงานที่ผมทำอยู่ได้สัมผัสกับคนต่างประเทศพอสมควร ลักษณะคำถามที่ผมเจอนั้นมันบ่งบอกอะไรได้หลายๆอย่าง ซึ่งผมเองหลังจากที่เรียนจบมาต้องระมัดระวังกับคำถามประเภท Q.2 มากๆ เพราะมันบ่องบอกถึงความไม่มีกึ๋น (งานที่ทำต้องอาศัยกึ๋นพอสมควร) ด้วยคำถามแบบนี้อาจจะทำให้คนไทยรู้สึกประหม่าไม่อยากถาม แต่ลองถามแบบ Q.1 บ่อยๆ คุณจะรู้ว่ามันช่วยอะไรๆ ได้เยอะมากๆ ผทเคยเจอนะกับคำถามของเด็กประเทศอังกฤษ ประเภท Q.1 ที่ทำเอาผมอึ้งไปเลยกับคำถามแบบนี้จากเด็ก 5 ขวบ
มีสาเหตุของสงคราม ครูเสด บางอย่างที่ไม่ชัดเจนขอเดาว่า
การปั๊มเด็กขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับฝ่ายคริสเตียน นั้น อนุญาติให้มีภรรยาหลายคน เพื่อเป็น การสร้างมวลชนเข้าสู่สนามรบใหม่ โดยเอาหลักศาสนามาเป็น กุสโลบาย อันนี้ถ้าสืบเนื่องมาตลอด
จำนวนประชากรคน อิสาเล็ม ก็อาจจะมีกำลังมากพอ ในการทำสงครามครั้งต่อไป ในเวลาอันใกล้นี้ และอาจลุกลามไปทั่ว ลักษณะ GLOBALIZATION ต่อสู้ทางความคิดก็คือ ใครมีกระบอกเสียงดังไปทั่วโลก ผู้นั้นชนะ (ตอนนี้ใครมีมั่ง) อาวุธเป็นอันดับรอง เพราะสามารถยืมมือเพื่อนได้ และขณะนี้กองกำลังแบบใหม่ ที่ซุ่มโจมตีเรา และที่ประสบอยู่ คือสิ่งแวดล้อมของธรรมชาติและการได้เปรียบเชิงพื้นที่ จึงค่อนข้างยาก ยกตัวอย่างเวียดกงที่กองทัพใหญ่ทำอะไรเขาไม่ได้ และมอสสาดเองถ้ามาเจอคงจะต้องปวดหัวเหมือนกัน เพราะเลบานอนไม่มีสวนยางและสวนลองกอง พื้นที่ภูเขาสลับซับซ้อน จุดซุ่มโจมตี และล่าถอยถูกใช้แบบ มีตัวช่วยเสมอ
อันสุดท้ายผมพอจะเข้าใจบางเรื่องกรณีมอสสาดนั้น เข้าไปอัดเขาเลย
แต่บ้านเราทำไม่ได้ และท้ายสุดการต่อสู้เชิงความคิดยังมีต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งเว้นเสียแต่ว่า จะเข้าใจสันติสุขจริงๆ
ต่อไปก็ต้องมาดูกึ๋นของแม่ทัพนายกองของทั้ง 2 ฝ่าย
^
^
นี่แหละครับ ที่ต้องเก็บไปคิด(งียบๆ) หรือต้องรอจนกว่าระดับ นายกองต๊อกต๋อยที่ประจำหน้าแนวในปัจจุบัน ได้ขึ้นเป็นแม่ทัพนายกองระดับใหญ่ จึงจะสามารถเข้าใจปัญหา(ทั้งเราและเขา)ที่แท้จริงได้
มีคำพูดสั้นๆอยู่คำ ที่มันปิดบัง "ความจริง" เอาไว้ นั้นคือคำว่า "ได้ครับ" ผมไม่ได้แอนตี้ แต่เราใช้กันจนพร่ำเพื่อ ไม่ได้อยู่ในหลักเหตุผลแห่งความเป็นจริง ไม่ได้หมายความว่าให้ขัดคำสั่งเพราะยังไงจะเป็นจะตายก็ต้องทำ แต่สำคัญอยู่ที่จะยอมรับความจริงและ"แก้ไข" หรือไม่ ไม่งั้นก็จะตกไปอยู่ในภวงของคำว่า "หลอก" ผู้ปฏิบัติก็จะ"หลอก"ด้วยคำว่า "ทำได้" และตัวผู้ให้ปฏิบัติก็จะ"หลอก"(ตัวเอง)ตามว่า "อืม มันทำได้จริงๆ สุดท้ายมันก็จะ"ทำได้" อยู่บนกระดาษ
ในอดีตเรามีภาษิตการยุทธ์อยู่ว่า "กองทัพเดินได้ด้วยท้อง" เสบียงคลังเป็นสิ่งสำคัญ กว่าจะรบได้ต้องส่งคนปลูกข้าวทำนา เก็บตุลไว้เลี้ยงไพร่พลก่อน
แต่ปัจจุบันกาลเวลาผ่านไป "ความไวเป็นเรื่องของปิศาจ" ดังนั้นภาษิตใหม่น่าจะเป็น"กองทัพเดินได้ด้วย เงิน"
แสดงว่า เรายอมรับว่าฝ่ายตรงข้ามมีแม่ทัพ ทั้งที่ไม่มียุธโธปกรณ์ ขนาดเท่าเรา แต่มีศักยภาพในการบริหารเชิงรบ(รูปแบบใหม่)นำมาใช้กับเรา
^
^
นี่แหละครับคือสงคราม "อสมมาตร" ที่ต้องแก้โจทย์ให้แตก