หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


อยากสอบถามเกี่ยวเครื่องตรวจจับระเบิด GT200 ครับว่ามันมีหลักการอย่างไรครับ

โดยคุณ : sam เมื่อวันที่ : 28/01/2010 21:39:10

ตามหัวข้อเลยครับ




ความคิดเห็นที่ 1


ผมรับรองตรับว่าคำถามนี้ไม่มีใครตอบได้ละเอียดแน่นอนครับเพราะเป็นความลับครับ

คร่าวๆคือการใช้สัญญาณแม่เหล็กจากคนถือไปทำให้เกิดการเหนี่ยวนำอะไรสักอย่างกับการ์ดในเครื่องซึ่งมีหลายแบบมาก..เช่นตรวจอาวุธปืน, วัตถุระเบิดชนิดต่างๆตามชนิดของการ์ด, สารเสพติด โดยเราสามารถใส่การ์ดในกล่องใต้ตัวเครื่องมากกว่าหนึ่งใบ

 

หลักการค้นหาใช้การเดินตามแนว X,Y เพื่อหาพิกัดคร่าวๆแล้วต้องเดินผ่ากลางอีกครั้งเพื่อให้เกิดพื้นที่ขึ้นมาโดยเราจะใช้พื้นที่บริเวณสามเหลี่ยมที่เกิดจากการเดินตัดครั้งสุดท้ายเป็นพื้นที่ต้องสงสัย สำหรับพิสัยของเครื่องอยู่ที่ประมาณ 700 เมตร โดยสามารถตรวจทางอากาศได้(ให้คนตรวจนั่งอยู่ใน ฮ.)

 

ถ้าจะถามว่าอะไรทำให้เครื่องชี้ ผมคงตอบว่าแรงแม่เหล็กครับ ....แต่ว่าได้อย่างไรนั้น คำตอบคือไม่อาจทราบได้ครับ

 

 

โดยคุณ raymaned เมื่อวันที่ 27/10/2009 09:36:22


ความคิดเห็นที่ 2


ประเด็นดีครับ ข้อน่าสังเกตนะครับ

1= GT200 ไม่ต้องใส่แบ๊ตเตอรรี่ (จะเอาอะไรมาตรวจครับ)

2= มีซิมการด์ที่อ้างว่า หากตรวจสิ่งใดก็ใส่ซิมแบบนั้น เช่น ปืน TNT และอื่นๆ (อ้างถึงข้อหนึ่ง ในเมื่อ ไม่มีแบ๊ต แล้วเอาซิมการด์มาใส่เพื่ออะไร)

3= ในเมื่อไม่น่าจะใช่อิเล็คทรอนิกส์ใดๆเพราะว่าไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าไดๆ แล้วเอาหลักการ อะไรในการค้นหาสิ่งต่างๆ

4=ราคาก็แสนแพง สองแสนบาท  ในเมื่อไม่มีอะไรที่แสดงชัดเจนว่าหลักการคืออะไร

 

ที่สำคัญ ทหารเราเอาไปใช้ในสามจังหวัด ฝากชีวิตไว้กับมัน

   ผมขอฟังความเห็นเพื่อนสมาชิกท่านอื่นครับ

 

โดยคุณ krajong เมื่อวันที่ 27/10/2009 10:47:54


ความคิดเห็นที่ 3


สรุปข้อมูลและเรื่องราว GT200 ภาษาไทยสำหรับคนทั่วไป
http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X8416059/X8416059.html
โดยคุณ MagicRUB เมื่อวันที่ 27/10/2009 12:26:25


ความคิดเห็นที่ 4


หลักการคืออะไร?  คำตอบคือ"ไม่มีหลักการ"ครับ เพราะพูดตรงๆ โดนเขาแหกตามาให้ซื้อ .. หรือไม่งั้นคนที่"อนุมัติซื้อวิธิพิเศษ"นี้ก็อิ่มแปล้กันไปเรียบร้อย

 

คิดดูเองเถิด เครื่องละเกือบล้าน ไม่มีอะไรเลยนอกจากเสาอากาศเปล่าๆกับด้ามจับพลาสติก บอกตรงๆว่าเอามาขายผม 200 บาทผมก็ไม่ซื้อ แต่ทบ.ไปซื้อมาเครื่องละเก้าแสนกว่า

 

ไม่ต้องใช้ความรู้ฟิสิกส์ขั้นสูงอะไรก็น่าจะคิดกันได้ เครื่องมือที่ไม่ต้องใช้พลังงานอะไรเลย แม้แต่ถ่านก็ไม่ต้องใส่ เอามาเดินถือแกว่งๆเอามันจะไปตรวจระเบิดอะไรเจอได้ยังไง? หลักการที่คนขายอ้างว่า"ใช้สนามแม่เหล็ก"จากผู้ใช้มาเหนี่ยวนำอะไรนั้น ผมบอกตรงๆว่ามันไม่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์อะไรมารองรับหรอก มันแค่คำโฆษณาสรรพคุณของคนขายที่พยายามพูดในสิ่งที่ฟังดูไม่รู้เรื่องแต่ดูมีหลักการให้คนที่ไม่มีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ฟังแล้วดูน่าเชื่อถือเท่านั้นแหละ .... แล้วถ้าคนที่เขารู้เรื่องทางวิทยาศาสตร์ ทางวิศวกรรมศาสตร์จริงๆมาอ่านดู ใครๆเขาก็รู้ว่ามันต้มตุ๋น แล้วก็จับไต๋คนที่เขียนโฆษณาได้เองว่าเขาไม่ได้มีความรู้อะไรในเรื่องเคมี ฟิสิกส์ หรือหลักการเบสิคๆอะไรทางวิทยาศาสตร์หรอก

 

กระทรวงกลาโหมอังกฤษและอเมริการเคยออกประกาศรายงานการศึกษาการทดสอบเครื่องตรวจระเบิดที่ใช้หลักการ dowsing แบบนี้มาแล้วเพื่อแจ้งให้หน่วยงานในสังกัดทราบแล้วไม่ซื้ออุปกรณแบบนี้มาใช้ ใครสนใจอ่านคำวิจารณ์ ผลการศึกษา ตัวประกาศจริงๆของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ฯลฯ ก็ตามไปดูตามลิ้งค์ที่ผมแนบมาให้ละกันเผื่อจะมีใครออกมาหาว่าผมใส่ร้ายโดยไม่มีหลักฐาน

http://en.wikipedia.org/wiki/Dowsing

http://sniffexquestions.blogspot.com/2007/03/what-do-experts-think-about-sniffex.html   (อันนี้คำเตือนของ กห. รวมคลุมไปถึง GT200 ด้วย)

http://www.randi.org/jr/2007-02/021607failure.html

http://www.youtube.com/watch?v=xOsCnX-TKIY&feature=player_embedded (อันนี้คลิบจาก youtube มีคนมาทดสอบให้ดูว่ามันไม่ได้ดีไปกว่าการเดาสุ่มเลย)

 

แต่ที่ผมชอบที่สุดก็คงเป็นข้อความตรงนี้ของผู้ที่ทำการทดสอบ ขอคัดมาเป็นภาษาอังกฤษต้นฉบับเลยละกัน

"The test objectives were to evaluate the vendors claims concerning the devices ability to detect explosives. Testing was performed in a manner consistent with the specifications of the SNIFFEX, and was designed only to evaluate the devices principles of operation, not to test its limits. Thus, explosive weights were considerably more than the minimum detectable amounts (20 or more pounds vs. 0.1 pounds), while distances were kept well within the maximum delectable ranges (10-25 feet vs. 300 feet) and the vendor was given the opportunity to take multiple passes prior to making a determination vs. 2-3 as stated in their literature. As shown in Table 1, the SNIFFEX handheld explosives detector performed no better than random chance over the course of testing…

The SNIFFEX did not detect explosives. A summary of the results is shown in Table 2. Every effort was made to meet the vendor’s needs to allow the device to operate under ideal conditions…"

แปลคร่าวๆคือ ผลจากการทดสอบพิสูจน์ว่าการใช้เครื่อง SNIFFEX (หลักการ dowsink เหมือนกันกับ GT200) หาวัตถุระเบิดมันไม่ได้ดีไปกว่าการเดาสุ่มถึงแม้ว่าจะจัดให้มีสภาพแวดล้อมเหมือนกับที่ผู้ผลิตกล่าวอ้างแล้วก็ตาม .....  ปัจจุบันตัวแทนจำหน่าย SNIFFEX ในอเมริกาโดนตั้งข้อหา fraud (ต้มตุ๋น) ไปเรียบร้อยแล้ว ... แล้วเครื่องมือแบบเดียวกันก็มาโผล่ที่ไทยในนาม GT200 ..... ... ก็น่าแปลกที่ก่อนจะซื้อไม่ได้มีการทดสอบประสิทธิภาพก่อนหรือไง .... ไม่ได้คิดสักนิดหรือไงว่าของแบบนี้มันจะไปทำงานได้ยังไง?

 

ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าประชาชนทั่วๆไปเขาก็ตั้งข้อสงสัยเรื่องความโปร่งใสของโครงการจัดซื้อนี้ตามเวบบอร์ดต่างๆมาสักพักแล้ว ทำไมไม่มีสื่อที่ไหนสนใจจะมาเปิดโปงเรื่องนี้แม้แต่น้อย หรือกลัวจะโดนไข้โป้งเอาก็ไม่ทราบ? แต่อย่างน้อยถ้าไม่มีใครกล้าจะขุดคุ้ยเปิดโปงกันก็อย่าเอาชีวิตทหารในแนวหน้ามาเสี่ยงเลย ไม่ตรวจสอบก็ไม่ต้องตรวจ แต่หลายๆท่านในที่นี้ที่เป็นทหารจริงๆอยู่ในแนวหน้าก็ฝากกรุณาไปบอกต่อๆกันว่าอย่าไปพึ่งพาฝากชีวิตกับไอ้เครื่องตรวจระเบิดเก๊นี้ให้มากนัก เขาซื้อมาให้ก็เอาเก็บไว้ในคลังเฉยๆหนะแหละ ฝากชีวิตไว้กับเจ้าสี่ขารู้ใจเหมือนเดิมหนะดีแล้ว เวลาเห็นข่าวทหารประชาชนโดนระเบิดบาดเจ็บเสียชีวิตกันเพราะ"เครื่องตรวจระเบิด" ทำงานผิดพลาดแล้วมันน่าเสียใจหนะ ..... นายพลนายพัน พลเอก ทั้งหลายที่อนุมัติกันไปก็อิ่มกันถ้วนหน้า แต่คนรับเคราะห์กลับเป็นนายสิบนายร้อยในแนวหน้าแทน .....

 

รูปที่แนบมาก็ตัวอย่างเครื่อง GT200 แหละ ... เสาอากาศเปล่าๆอันนึง ด้ามพลาสติกถูกๆอีกอันนึง กับได้การ์ดมอนสเตอร์มาอีก 7-8 ใบ ราคา 9 แสนกว่า -___-"

 

ก็เอาเหอะครับ ... ผมก็ทำงานเสียภาษีไปงกๆให้พวกท่านอิ่มหนำสำราญกันก็เท่านั้น


โดยคุณ Trinity เมื่อวันที่ 27/10/2009 20:12:49


ความคิดเห็นที่ 5


อีกเรื่องที่ตลกคือ .... เวลามันฟลุี้ไปถูกทิศก็สรุปว่าเครื่องใช้งานได้ แต่เวลามันไม่ชี้ มันไม่ทำงานก็โทษคนใช้บ้าง พักผ่อนไม่พอ ไม่มีไฟฟ้าสถิตย์บ้าง ฝนตก ข้าวแฉะ กบร้อง หมาเหา ฯลฯ อะไรก็อ้างกันเข้าไป

 

ไอ้เครื่องมืออะไรที่ต้องฝากชีวิตคนไว้แล้วแค่มันทำงานบ้าง ไม่ทำงานบ้างนี่ มันก็ไม่ควรจะใช้แล้วนะครับ

โดยคุณ Trinity เมื่อวันที่ 27/10/2009 20:19:38


ความคิดเห็นที่ 6


ปล.สำหรับตัวผมเอง เคยอ่านหลักการทำงานของมันก็คิดว่าใช้ไม่ได้

แต่ว่าเอาเข้าจริงในพื้นที่นั้นมันใช้ได้จริงๆ และก็สามารถป้องกันการก่อเหตุได้จริงๆ ผมจึงไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่จะมาขุดคุ้ย เพราะจะเป็นการทำลายขวัญกำลังใจของคนี่ใช้อุปกรณืนี้ (คนที่ใช้เครื่องนี้เป็นประจำเขาเชื่อจริงๆและก็ฝากชีวิตไว้จริงๆและเครื่องนี้จะใช้ได้ดีก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์และความพร้อมของคนใช้ด้วย) 

 

ถึงผมจะไม่เห็นด้วยกับการจัดซื้ออุปกรณ์นี้และก็สงสัยในการทำงานของมัน แต่ขอยืนยันว่ามันมีประโยชน์มากๆในพื้นที่ครับ

 

ปล.ราคาเครื่องละล้านบาทครับไม่ใช่สองแสนบาท

โดยคุณ raymaned เมื่อวันที่ 27/10/2009 23:03:34


ความคิดเห็นที่ 7


ครับเครื่องละล้านครับ กองทัพบกมี สองร้อยเครื่อง

  เป็นอย่างน้อย

เคยเห็นที่เขาหาน้ำบาดาลไหมครับเอาทองเหลืองสองอันมา

ดัดเป็นรูปตัว แอล 

สรุปแล้วคนถืออุปกรณ์ gt200 ต้องมีพลังจิตหรือไรครับ

ที่ประสบมากับตัว อุปกรณ์ชิ้นนี้EOD ตำรวจใช้อารักขาเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงด้วยครับ ผมเห็นเครื่องนี้ทีแรกที่หัวหิน ผมไม่ทราบว่าเขาทำอะไรกัน

ผมเห็นคนที่ถือย่องมาเลยเดินมาด้วยกันสองคน

พึ่งมาทราบเอาภายหลัง

เรื่องกำลังใจผมทราบดีครับว่าสำคัญมาก

แต่ที่สำคัญกว่านั้นมากคือชีวิตของทุกคนครับ

 

 ผมวิงวอนว่าอย่าเอาชิวิตใครมาเสี่ยงกับอะไรก็ไม่รูนี่เลยครับ

 จากสายตาผม ผมให้ค่าตัวมันแค่ 25 บาทครับ

ผมเห็นมันเป็นแค่ที่หาน้ำบาดาลครับ

 

ด้วยความเคารพทุกความเห็นครับ

โดยคุณ krajong เมื่อวันที่ 27/10/2009 23:46:36


ความคิดเห็นที่ 8


ครับผม......

 

ที่ว่าเป็นพลังจิตหรือไม่อันนี้ผมไม่ทราบครับ...แต่ว่าที่แน่ๆคือคนที่เป็นคนใช้เครื่องต้องอยู่ในสภาพพร้อมทั้งร่างกายและอารมณ์ครับ (อันนี้ผมฟังมาจากเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้เดินครับ)

และนอกจากหน่วยงานทหารและตำรวจจะใช้งานแล้วเครื่องมือนี้ก็ยังได้ใช้งานกับทีมนิติวิทยาศาสตร์ของคุณหญิงพรทิพย์ด้วยครับโดยตัวอย่างการทำงานที่แสดงความสามารถของเครื่องนี้ได้เป็นอย่างดีคือตอนเกิดเพลิงใหม้ผับชื่อดังแห่งหนึ่งใน กทม ครับ ตอนนั้นเครื่อง gt200 ถูกนำไปใช้ค้นหาศพมนุษย์ที่หาไม่พบครับ

โดยคุณ raymaned เมื่อวันที่ 28/10/2009 01:56:28


ความคิดเห็นที่ 9


เทคโนโลยีในปัจจุบันที่ว่ากันว่าสามารถตรวจจับสิ่งที่อยู่ไกลๆและมองไม่เห็นก็คือใช้ Electromagnetic Waves หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เป็นหลัก ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้ ร้อยทั้งร้อยมาจากการทหารเพ โดยเทคโนโลยีที่เริ่มไม่วัยรุ่นแล้วก็ถูกถ่ายทอดออกมาสู่พลเรือน ดังจะเห็นได้จาก วิทยุต่างๆ วอสื่อสารพวกทอร์คกี้วอร์คกี้ เรดาห์เฉิ่มๆ เตาอบมาม่า มือถือสุดเท่ เนี่ย ของพวกนี้มีหลักการเบื้องต้นมาจากสมการของแม็กเวลส์ ซึ่งที่มาที่ไปการที่จะได้สนามแม่เหล็กออกมา ถ้าให้พูดแบบง่ายๆก็ประมาณว่า E=สนามไฟฟ้า  H=สนามแม่เหล็ก(ตัวนี้ที่จะเอาไปตรวจจับ) D=ฟลักไฟฟ้า B=ฟลักแม่เหล็ก

ทีนี้เรื่องของเรื่องไอ้เจ้าตัวแปร4ตัวนั้น มันสัมพันธ์กัน ในเมื่อไร้แหล่งกำเนิดพลังงานใดๆ ผมก็ไม่เข้าใจว่ามันจะทำงานได้เยี่ยงไร ฤๅจะบอกว่าใช้สนามแม่เหล็กโลก ก็ดูไม่เข้าท่าห่างไกลความเป็นจริง ใช้สนามไฟฟ้าและแม่เหล็กในตัวมนุษย์ ก็อาจเป็นได้นะถึงพลังงานจะอ่อนมากๆก็ตามทีอาจจะมี แต่ถ้าเทียบกับการที่ต้องมาพึ่งพาพลังงานของมนุษย์โดยจะประหยัดค่าถ่านและมีความเสี่ยงของชีวิตเป็นเดิมพัน ผมไม่เห็นด้วย เหมือนกับว่าที่ซื้อมาเพราะมันมองไม่เห็นด้วยตาแต่เห็นด้วยใจยังไงยังงั้น
โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่ 01/11/2009 06:03:43


ความคิดเห็นที่ 10


"คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ" ออกแถลงการณ์ให้รบ.ตรวจสอบเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด "GT200"

วันที่ 02 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 เวลา 17:31:41 น. มติชนออนไลน์


"คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ" ออกแถลงการณ์ให้รบ.ตรวจสอบประสิทธิภาพของเครื่องตรวจหาวัตถุระเบิด "GT200" หลังพบมีความผิดพลาดมากจนก่อความเสียหายในชายแดนใต้ ชี้ควรหาคนกลางมาตรวจสอบตามหลักวิทยาศาสตร์ ถ้าไม่น่าเชื่อถือพอก็ควรเลิกใช้


เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ ได้ออกแถลงการณ์ผ่าน www.deepsouthwatch.org เรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบประสิทธิภาพของเครื่องตรวจหาสารประกอบระเบิด หรือ GT200 ความว่า


ปัจจุบันเครื่องตรวจหาสารประกอบระเบิดหรือที่เรียกว่า GT200 กลายเป็นเครื่องมือที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรก็ตาม GT200 ได้กลายเป็นประเด็นถกเถียงถึงประสิทธิภาพ และความน่าเชื่อถือ หลังจากหลายครั้งได้ส่งผลทั้ง False-Positive (การแสดงผลบวกทั้งๆ ที่ไม่มีสารต้องสงสัย) และ False-Negative (การแสดงผลลบทั้งๆ ที่มีสารต้องสงสัย) ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายกับชีวิตและอิสรภาพทั้งของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ


การส่งผลบวกทั้งๆ ที่ไม่มีสารต้องสงสัย (False-Positive) เกิดขึ้นในหลายครั้งกับชาวบ้านที่ถูกตรวจโดยเครื่องมือชนิดนี้ ชาวบ้านจากอำเภอตากใบ นราธิวาส คนหนึ่งกล่าวว่าเครื่อง GT200 ชี้ไปที่ต้นมะพร้าว และเมื่อทหารปืนขึ้นไปกลับพบกว่าเป็นถุงใส่น้ำมันพืชที่ลิงอาจคาบไปไว้บนต้นมะพร้าว ในอีกครั้งหนึ่งที่คนทำงานด้านสิทธิมนุษยชนในพื้นที่คนหนึ่งถูกเครื่อง GT200 ชี้ ในขณะที่เขากำลังสูบบุหรี่ นอกจากนั้น ผู้ถูกเชิญตัวหลายคนในหลายเหตุการณ์ก็เนื่องมาจากเครื่องมือนี้ ไม่ว่าจะเป็นกรณีอบรม 4 เดือน เมื่อปลายปี 2550 หรือกรณีอิหม่ามยะผา กาเซ็ง


การส่งผลลบทั้งๆ ที่มีสารต้องสงสัย (False-Negative) ซึ่งก่อให้เกิดผลเสียหายอันใหญ่หลวงกับชีวิตและทรัพย์สิน กระทั่งกับเจ้าหน้าที่เอง เหตุระเบิดสองครั้งเมื่อเร็วๆ นี้ ที่ใกล้โรงแรมเมอร์ลิน อ.สุไหงโกลก วันที่ 6 ตุลาคม และระเบิดที่ตลาดพิมลชัย อ.เมือง จ.ยะลา เมื่อวันที่ 19ตุลาคม ที่ผ่านมา หรืออีกเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2551 ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนต้องเสียชีวิต 3 นาย ที่อ.ปะนาเระ จ. ปัตตานี ทั้งสามเหตุการณ์นี้ เครื่อง GT200 ถูกนำไปใช้ในการตรวจเบื้องต้น แต่ไม่สามารถจับสารต้องสงสัยได้ จนนำไปสู่การสูญเสียดังกล่าว


เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงชี้แจงว่าการใช้งานของเครื่องขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญและสภาพความพร้อมทางร่างกายของผู้ใช้งาน โดยเจ้าหน้าที่อ้างว่า อาจเป็นเพราะผู้ใช้งานมีภาวะเหนื่อยล้าทำให้ส่งผลกับตัวเครื่องมือ ในทางวิทยาศาสตร์มีความเห็นว่า ลักษณะการใช้งานที่ต้องอาศัยสภาพร่างกายของผู้ใช้นั้น ไม่เป็นไปตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือได้ และจากข้อมูลที่ค้นพบ ทราบว่าทางกองทัพเองยังไม่เคยใช้การพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์ประสิทธิภาพของเครื่องมือนี้ จะมีก็แต่เพียงการทดลองโดยผู้ผลิตหรือผู้ขายที่จำลองสถานการณ์ที่ไม่ได้อิงกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่น่าเชื่อถือ


นอกจากนั้น GT200 ยังกลายเป็นประเด็นถกเถียงทางวิชาการทั้งในชุมชนอินเตอร์เนตและชุมชนวิชาการ จากข้อมูลที่มีอยู่ พบว่า GT200 ไม่ได้ถูกนำไปใช้ในหน่วยงานทางความมั่นคงของประเทศที่มีแสนยานุภาพ และประสิทธิภาพทางทหาร หน่วยงานของสหรัฐอเมริกาได้ทำการทดลองเครื่องรุ่น MOLE ซึ่งเชื่อว่าเป็นเครื่องชนิดเดียวกับ GT200 แต่ใช้ชื่อทางการค้าต่างกัน โดยใช้การทดลองแบบ double-blind testing พบว่ามีความถูกต้องเพียงแค่ 6 ใน 20 ครั้ง ของการทดลอง นั่นหมายถึงเพียงแค่ 30% ของความถูกต้อง เช่นเดียวกับ เครื่องมือที่คล้ายคลึงกันอีกชนิดคือ Sniffex ซึ่งมีข่าวว่า FBI ของสหรัฐอเมริกาได้ตรวจสอบและออกความเห็นว่าเป็นเครื่องมือที่ไม่มีประสิทธิภาพจริงตามการกล่าวอ้าง และขณะนี้ FBI กำลังดำเนินการฟ้องร้องบริษัทผู้ผลิต (ดูเหมือนว่าทางกองทัพไทยได้ใช้เครื่อง Sniffex ด้วย)


เครื่อง GT200 ราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 900,000 บาท ซึ่งหากรวมราคา Cards ที่ใช้ร่วมกับเครื่องแล้วก็จะมีราคาประมาณเครื่องละ 1 ล้าน 2 แสนบาท ขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันพบว่าทางกองทัพมีนโยบายที่จะให้มีการจัดซื้อเครื่องดังกล่าวเพิ่มขึ้น นอกจากกองทัพทั้งสามเหล่าทัพแล้ว หน่วยงานรัฐอื่นๆ ที่มีเครื่องมือชนิดนี้ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เพราะ GT200 สามารถตรวจจับสารเสพติดได้ด้วย) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น


คณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ มีความกังวลต่อกรณีนี้เป็นอย่างยิ่ง และขอเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการดังต่อไปนี้


1. ขอให้มีการทดสอบการใช้เครื่องมือนี้โดยอิงกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ (เช่นการทดลองโดยวิธี double-blind testing เป็นต้น) โดยหน่วยงานที่เป็นกลาง เป็นอิสระ และให้ภาคประชาชนและนักวิทยาศาสตร์มีส่วนร่วมสังเกตการณ์การทดลองนี้


2. ขอให้การเชิญตัวบุคคล การควบคุมตัว การจัดทำบัญชีรายชื่อ หรือการตั้งข้อหาประชาชน ไม่ขึ้นอยู่กับการแสดงผลของเครื่องมือนี้เพียงอย่างเดียว โดยต้องประกอบกับหลักฐานอื่นๆ และหากพิสูจน์ได้ว่าเครื่องมือนี้ไม่มีประสิทธิภาพที่น่าเชื่อถือเพียงพอ (เช่นแสดงผลชัดเจนได้น้อยกว่า 60-70%) ก็ควรยุติการนำผลการตรวจของเครื่องมือนี้มาใช้ประกอบในกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรมขั้นต้น คือการจับกุม และควบคุมตัวประชาชน


3. ขอให้ทางกองทัพปฏิรูปนโยบายการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ โดยให้มีกระบวนการที่โปร่งใสตรวจสอบได้ มีระบบการตรวจสอบถ่วงดุลย์ โดยให้จัดซื้อด้วยวิธีปกติ และเผยแพร่ข้อมูลให้สาธารณชนสามารถเข้าถึงได้ พร้อมไปกับการคำนึงถึงความมั่นคงปลอดภัยของประเทศชาติ


4. หากการตรวจสอบจากหน่วยงานทางวิทยาศาสตร์ที่เป็นอิสระ พบว่าเครื่องมือชนิดนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือเพียงพอ ขอให้กองทัพภาคที่ 4 ยุติการนำเครื่องมือชนิดนี้มาใช้ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในทันที เพื่อลดความระแวงระหว่างรัฐและประชาชน และเพื่อฟื้นฟูความไว้เนื้อเชื่อใจ และความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมให้กลับคืนมา
โดยคุณ Trinity เมื่อวันที่ 02/11/2009 19:08:48


ความคิดเห็นที่ 11


^^

สม ..... เริ่มโดนขุดคุ้ยละ

ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายไม่คิด ไม่มีตรวจสอบ ไม่มีการวัดผลแบบนี้สมควรโดน

ส่วนกรณีที่บางท่านว่าไม่ควรตรวจสอบเพราะ "จะทำให้เสียกำลังใจ" นั้น ... ผมคิดแตกต่างจากท่านโดยสิ้นเชิงนะครับ .... ถ้าของมันเป็นที่ครหา เป็นเรื่องตลกที่คนเขานินทากัน มันยิ่งต้องตรวจสอบให้ผลเป็นที่ประจักษ์ต่างหาก ถ้าของมันใช้งานได้จริงก็ประกาศผลออกมาให้เป็นเรื่องเป็นราว ข่าวแง่ลบมันจะได้หมดไป คนใช้ก็ได้ใช้เครื่องได้อย่างมั่นใจในประสิทธิภาพเพราะผ่านการทดสอบจากผู้เชี่ยวชาญมาแล้ว ยืนยันถึงหลักการทำงาน ประสิทธิภาพ อะไรก็ว่าไป

 

ตรงกันข้าม ถ้ามันเป็นของแหกตาจริงๆ ก็ประกาศผลออกมาตรงๆ คนที่ต้องใช้จะได้ไม่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงกับเครื่องมือโง่ๆนี่อีก ประชาชนทั่วไปเขาจะได้มาแอบหัวเราะเวลาเห็นทหารเดินถือเครื่องมือนี้เดาสุ่มหาระเบิดไปทั่ว บรรดานายพลที่"จัดซื้อวิธีพิเศษ"นี้ก็จะได้โดนจัดการไปตามระเบียบให้เป็นแบบอย่างซะ

 

ยังไงผมก็ไม่เห็นจะเห็นข้อดีของการปัดๆเรื่องบ้าๆแบบนี้ซุกเข้าไปใต้พรม คอยให้คนเขาลืมไปสักนิด เพราะนอกจากคนที่หากินบนเงินภาษีผม เงินงบประมาณประเทศไปง่ายๆแบบนี้จะลอยนวลอิ่มสบายไปทั้งชีวิตแล้ว คนที่ต้องมาเสี่ยงชีวิตจริงๆกลับเป็นชาวบ้านและทหารชั้นผู้น้อยในแนวหน้าซะแทน ...   ต้องให้คนที่ไปตรวจระเบิดโดนระเบิดตายอีกกี่คน ชาวบ้านโดนลูกหลงอีกกี่คนถึงจะยอมรับกันว่ามันใช้งานไม่ได้ครับ? ชีวิตคนมันมีค่าถูกขนาดนั้นเลยหรือไง?

ก็แปลกดีที่ผมไม่ค่อยเห็นคนในเว็บนี้ออกมากระตือรือร้นอะไรกับการตรวจสอบเรื่องนี้เลยทั้งที่เกือบทุกคนที่นี่ก็เป็นทหาร หรือเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญทางทหารกันทั้งนั้น ... ... แต่ยังไง ประชาชนธรรมดาๆอย่างผมก็คงไม่หยุดละครับ ผมก็จะทำเท่าที่ผมจะทำได้ต่อไปละกันโดยการอัพเดตเรื่องนี้ตามเว๊บบอร์ดทั่วๆไปเป็นระยะ ไม่ให้คนลืมๆแล้วก็หายๆกันไปละกัน

โดยคุณ Trinity เมื่อวันที่ 02/11/2009 19:22:26


ความคิดเห็นที่ 12


จีที 200-สนิฟเฟ็กซ์-อัลฟ่า 6 เครื่องตรวจมหัศจรรย์ หรือ ไม้ล้างป่าช้ากายสิทธิ์ PDF Print E-mail
Written by Administrator   
Saturday, 16 January 2010 00:09

ผศ.ดร. (ว่าที่ร้อยตรี) เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์
นักวิชาการอิสระ

วันที่ 8 ตุลาคม 2552 เสียงระเบิดกึกก้องกลางตลาดในอำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส ได้ปลุกกระแสจิตสำนึกของผู้ที่เชื่อมั่นในความถูกต้องของวิทยาศาสตร์ให้ออกมาถกเถียง แลกเปลี่ยน และแสดงความคิดเห็นที่อาจจะพลิกโฉมหน้าวงการวิทยาศาสตร์ไทยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

          จำเลยหลักที่ถูกกล่าวหากับการระเบิดที่สุไหงโกลก คือ เครื่องตรวจหาวัตถุระยะไกลจีที 200 (GT 200) เครื่องมือมหัศจรรย์ที่ได้เคยเผยโฉมให้ประชาชนคนไทยเห็นมาแล้วหลายครั้ง ทั้งในการค้นหาวัตถุระเบิด ยาเสพติด ของต้องสงสัย หรือแม้กระทั่งซากศพ ภาพที่เราได้เห็น คือ การที่เจ้าหน้าที่ถือเครื่องมือนี้เข้าไปตรวจสอบเหตุการณ์สำคัญๆ อย่างเช่น การประท้วงของพันธมิตรฯ หรือเพลิงไหม้ซานติก้าผับ

          ความมหัศจรรย์ของจีที 200 คือ เมื่อถือเครื่องนี้เดินเข้าไปในที่เกิดเหตุ พร้อมกับใส่แผ่นการ์ดระบุชนิดของสารที่ต้องการตรวจ ซึ่งมีหลายสิบชนิด ทั้งสารระเบิด สารเสพติด สารพิษ หรือแม้แต่แบงค์ปลอม เจ้าเสาหนวดกุ้งที่ยื่นยาวอยู่หน้าเครื่องก็เหมือนจะหมุนได้เอง ชี้เป้าไปในทิศที่สงสัยว่าจะมีสิ่งของนั้นได้อย่างน่าอัศจรรย์ แม้ว่าจะมีอยู่ปริมาณน้อยนิดเป็นพิโคแกรม (เศษหนึ่งส่วนล้านล้านกรัม) หรืออยู่ห่างไกลไปหลายร้อยเมตร โดยอ้างว่าเป็นผลจากแรงแม่เหล็กดูด/ผลัก (dia/para magnetic) ที่เกิดจากไฟฟ้าสถิตในตัวผู้ใช้ และไม่มีอะไรจะขวางกั้นการตรวจของเครื่องได้ แม้แต่ตะกั่วที่เอาไว้กั้นรังสีนิวเคลียร์

          ข่าวความสำเร็จในการใช้เครื่องจีที 200 ก่อให้เกิดความศรัทธาอย่างยิ่งในวงการความมั่นคงของรัฐ จนมีการสั่งซื้อมาใช้กันขนานใหญ่ในหลายองค์กร เครื่องยี่ห้ออื่นๆ ซึ่งอ้างหลักการทำงานแบบเดียวกัน ไม่ว่าจะเครื่องสนิฟเฟ็กซ์ (Sniffex) เครื่องอัลฟ่า 6 (Alpha 6) ก็พลอยได้รับความนิยมไปด้วย และถูกนำไปใช้กันทั่วประเทศ ไม่ใช่เฉพาะในชายแดนภาคใต้เท่านั้น

          แต่ข่าวความสำเร็จ ก็เป็นเพียงแค่ด้านสว่างด้านเดียวของดวงจันทร์ มีหลายต่อหลายครั้งที่เครื่องมือทำนองนี้ได้ให้ผลลัพธ์ที่ผิดพลาด ไม่ว่าจะเป็นการที่เครื่อง “บอกว่ามี แต่กลับไม่มี (false positive)” ทำให้มีผู้บริสุทธิ์ถูกปรักปรำว่าเกี่ยวข้องกับสารระเบิด จนถึงนำตัวไปกักขังสอบสวน หรือ “บอกว่าไม่มี แต่กลับมี (false negative)” จนทำให้เจ้าหน้าที่และประชาชนต้องบาดเจ็บล้มตาย ดังเช่นกรณีที่สุไหงโก-ลก หรือล่าสุดที่จังหวัดยะลา ในระหว่างที่นายกฯมาเลเซียมาเยือนประเทศไทย (วันที่ 9 ธันวาคม)

          คำตอบที่ได้รับฟังจนเหมือนแผ่นเสียงตกร่องจากผู้รับผิดชอบก็มีเพียงแค่ว่าเครื่องมือยังมีประสิทธิภาพดีอยู่ ไม่ได้เสียหายบกพร่อง ผลลัพธ์ที่ผิดพลาดใดๆ น่าจะมาจากเจ้าหน้าที่ผู้น้อยที่ใช้เครื่องผิดวิธี ฝึกมาไม่ดีพอ พักผ่อนน้อยไป ร่างกายอ่อนแอ ขาดสมาธิและศรัทธาในการใช้เครื่อง ทำให้กระแสไฟฟ้าในร่างกายน้อยลง ประสิทธิภาพของเครื่องก็น้อยลงไปด้วย เพราะเครื่องไม่ได้ใช้ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่

          คำชี้แจงแบบวิทยาศาสตร์เทียม (pseudo-science) เช่นนี้ ทำเอานิสิตนักศึกษา คณาจารย์ นักวิจัย และผู้สนใจทางด้านวิทยาศาสตร์ แทบจะกรีดร้องออกมา เครื่องมือมหัศจรรย์ราคากว่าล้านบาทที่เคยคิดกันว่าน่าจะมีระบบอิเล็กโทรนิกส์ซับซ้อน มีเซนเซอร์พิเศษตรวจจับสสารด้วยนาโนเทคโนโลยี มีคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วประมวลผลอยู่ภายใน คล้ายกับอุปกรณ์จมูกเทียม (electronic nose) ที่โด่งดังอย่างเครื่องไฟโด (FIDO) ของทหารอเมริกัน กลับการเป็นแค่ “ลวดเดาว์ซิง (Dowsing rod)” หรือ “ไม้ล้างป่าช้า” เท่านั้นเอง

          แม้แต่เด็กก็รู้จักไม้ล้างป่าช้ากายสิทธิ์นี้จากการ์ตูนโดเรมอนตอนที่โดเรมอนเอาเครื่องมือหาบ่อน้ำออกมา ดูแล้วหน้าตาก็เหมือนกับเครื่องจีที 200 และพี่น้องของมันเปี๊ยบเลย แถมทำงานเหมือนกันด้วย เวลาที่โนบิตะถือเครื่องที่เป็นแท่งลวดงอในมือหลวมๆ แล้วเดินไปเรื่อยๆ ปลายแท่งก็จะชี้ไปหาแหล่งน้ำใต้ดินได้อย่างปาฏิหาริย์

          ความเชื่อเรื่องลวดเดาว์ซิงมีมานานมากในประเทศทางยุโรป ทั้งใช้หาแหล่งน้ำ แหล่งแร่ หรือศพในป่าช้า ผู้ที่งมงายศรัทธาในไม้ล้างป่าช้าพวกนี้ มักจะนำเอาหลักการผลัก/ดูดแม่เหล็กมาอ้างเป็นคำอธิบายเสมอ แม้ว่าจะถูกพิสูจน์มานับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่า ลวดเดาว์ซิงเป็นเรื่องลวงโลกแหกตา (bogus) แรงแม่เหล็กที่ว่าก็ไม่ได้มีกำลังมากพอที่จะดูดลวดในมือให้หมุนได้ ถ้าจะให้ทำได้จริง ก็ต้องใช้ขดลวดสร้างแม่เหล็กไฟฟ้าตัวใหญ่เท่าห้อง ถึงจะพอดึงแค่เข็มนาฬิกาให้เคลื่อนได้

          ที่เครื่องไม้ล้างป่าช้าพวกนี้ยังขายได้อยู่ ก็เพราะมันให้ผลการชี้ทิศทางที่กำกวม ไม่ได้ระบุเป็นตัวเลขแต่อย่างใด เมื่อค้นหาในพื้นที่เสี่ยง โอกาสที่จะชี้แล้วหาวัตถุระเบิด อาวุธ หรือยาเสพติดเจอก็มีสูงเป็นธรรมดา แต่ถ้าชี้แล้วไปหาไม่พบ ก็อ้างได้ว่าเครื่องมีความไวสูงจนชี้บริเวณที่ปนเปื้อนวัตถุที่ค้นหาเพียงเล็กน้อย หรือผู้หาหาไม่เจอเอง (ไม่นับรวมที่โบ้ยว่าผู้ใช้เครื่องพักผ่อนไม่เพียงพอด้วย)

          แล้วที่เสาอากาศของเครื่องหันได้เองล่ะ ก็ถ้าไม่ได้ตั้งใจเอนเครื่องเล็กน้อยให้เสาชี้ไปปรักปรำใคร เพราะตั้งธงไว้ก่อนแล้วว่าโรงเรียนนี้หมู่บ้านนี้มีผู้กระทำผิดอาศัยอยู่ ก็จะเกิดจากการเคลื่อนไหวของตัวผู้ใช้เครื่องเองด้วย “จิตใต้สำนึก” สั่งการว่ากำลังสงสัยใครหรือบริเวณใดอยู่ ตามปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่เรียกว่า Ideomotor effect แบบเดียวกับที่เกิดขึ้นเมื่อเล่นผีถ้วยแก้ว เมื่อแก้วเคลื่อนที่เองได้โดยทุกคนปฏิเสธว่าไม่ได้ดัน แต่จริงๆ แล้วดันไปโดยไม่รู้ตัว

          จากความงมงายในลวดเดาว์ซิง ซึ่งอย่างมากก็ใช้ต้มตุ๋นหลอกคนว่าจะหาแหล่งน้ำแหล่งแร่ให้ ไม่มีใครบาดเจ็บหรือเป็นอะไร แต่ความเชื่อมั่นในเครื่องตรวจระเบิดที่อาศัยหลักการเดียวกัน กลับเหมือนกับเอาชีวิตผู้ใช้ไปแขวนไว้บนเส้นด้าย เอาผู้บริสุทธิ์มาเป็นผู้ต้องหาโดยไม่รู้ตัว หรือแม้แต่เอาชื่อเสียงเกียรติยศที่ทำมาทั้งชีวิตไปเสี่ยง แม้ว่าจะเป็นความบกพร่องโดยสุจริตก็ตาม

          องค์กรใดที่ใช้ชื่อว่า “วิทยาศาสตร์” แต่เอาเครื่องมือที่เป็น “วิทยาศาสตร์เทียม” เช่นนี้มาใช้ หรือรับรองการันตีว่าเครื่องมือพวกนี้เป็นเครื่องมือวิทยาศาสตร์อันทรงประสิทธิภาพ องค์กรนั้นควรจะมีความละอายแก่ใจ สำนึกต่อความถูกต้องทางวิทยาศาสตร์ หรือไม่เช่นนั้นก็เปลี่ยนชื่อไปเป็นองค์การ “ไสยศาสตร์” เสียดีกว่า

          เครื่องตรวจระเบิดลวงโลกพวกนี้ไม่ได้มีใช้อยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้วแม้แต่ประเทศเดียว แต่กลับแพร่หลายอยู่ในหมู่ประเทศกำลังพัฒนาที่ประสบปัญหาการก่อการร้ายและความมั่นคง มีการทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดขึ้นได้ง่าย รวมทั้งยังคงมีประชาชนที่หลงไหลศรัทธาในไสยศาสตร์มากกว่าที่จะยึดมั่นในความจริงทางวิทยาศาสตร์

          ยอมรับอย่างน่าเศร้าใจว่า ไทยเราก็เป็นหนึ่งในนั้น เพื่อนร่วมชะตากรรมของเราไม่ว่าจะเป็นเม็กซิโก อินเดีย หรืออิรัก (ไม่เกี่ยวกับทหารอเมริกัน) ก็เป็นลูกค้ารายใหญ่ของไม้ล้างป่าช้าพวกนี้ แม้ว่าจะมีเสียงเรียกร้องจากทั่วโลกปรากฏอยู่ตามเว็บไซต์ต่างๆ บนอินเตอร์เน็ตให้รัฐบาลแต่ละชาติตระหนักถึงภัยอันตรายที่จะเกิดตามมาหรือเกิดขึ้นแล้วจากการใช้เครื่องตรวจแบบลวดเดาว์ซิง แต่ก็ไม่เป็นผล จะด้วยผลประโยชน์มหาศาลหรือทิฐิมานะที่มี หรือกลัวว่าจะต้องถอดหัวโขนตัวเองออกมาแสดงตัวตนที่แท้จริง ก็ไม่อาจจะทราบได้

          หรือจะอ้างว่ามีเครื่องมืออย่างนี้ย่อมดีกว่าไม่มี จะได้ให้เจ้าหน้าที่รัฐมีเกราะป้องกันตัวเองบ้าง แต่ถ้าเกราะที่เคยคิดว่าจะป้องกันตัวได้ชิ้นนี้ แท้จริงกลับกลายเป็นระเบิดฆ่าตัวตายที่พร้อมจะทำงานทุกครั้งที่เครื่องตรวจไม่เจอว่ามีระเบิด ทั้งที่จริงๆ มีซ่อนอยู่ จะไม่เจ็บปวดใจกันบ้างเลยหรือ คิดไม่ออกเลยว่าจิตใจของคนที่ยังสั่งการให้ใช้เครื่องพวกนี้อยู่นั้นทำด้วยอะไร ทั้งๆ ที่รู้ว่ากำลังหยิบยื่นความตายให้กับผู้น้อยในแนวหน้า

          หรือว่าคนไทยเรายังขาดกระบวนการคิดไตร่ตรองหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ อาศัยแค่ความศรัทธาจากที่เคยใช้เครื่องนี้ได้สำเร็จมาครอบงำจิตใจ จนลืมสงสัยเวลาที่เครื่องผิดพลาด เอาแต่เชื่อในสเป็กเครื่องกับเครดิตของฝรั่งที่มาสาธิตให้ดู ทำไมไม่ลองทำการทดสอบแบบ “ตาบอดสองทิศ (double-blind test)” ที่ผู้ค้นหาต้องไม่รู้ที่ซ่อน ไม่พบหน้าผู้ซ่อนของเลยตลอดการทดลอง และทดลองหลายสิบครั้งเพื่อลดโอกาสในการเดาถูก

          ความจริงแล้ว เครื่องจีที 200 และญาติพี่น้องของมัน ก็ได้เคยถูกเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลมาแล้วหลายครั้ง ตั้งแต่ปี ค.ศ.1996 ที่เครื่องควอโดร แทรกเกอร์ (Quadro Tracker) ถูกเปิดโปงว่าเป็นเครื่องลวงโลกโดยอัยการของสหรัฐอเมริกา และถูกเอฟบีไอดำเนินคดีไปแล้ว ต่อมาปี ค.ศ. 2007 เครื่องสนิฟเฟ็กซ์ซึ่งมีใช้ในบ้านเราเหมือนกัน ก็ถูกทางกองทัพเรือสหรัฐพิสูจน์ว่าใช้ไม่ได้ผลดีอย่างที่อ้าง ใช้ได้แค่ 50:50 เท่านั้น หรือเทียบเท่ากับโยนเหรียญหัวก้อยเอง

          ส่วนเครื่องโมล (M.O.L.E.) ที่ทำจากบริษัทเดียวกับเครื่องจีที 200 นั้นก็เคยถูกพิสูจน์ตั้งแต่ปี ค.ศ.2002 โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐแล้วว่าลวงโลกเช่นกัน บริษัทผู้ผลิตก็หนีออกไปเปิดใหม่ที่ประเทศอังกฤษ แล้วสร้างเครื่องจีที 200 ออกมาขายประเทศด้อยพัฒนาแทน ทำเอากระทรวงกลาโหมอังกฤษเดือดร้อนต้องออกแถลงการณ์ว่าไม่เกี่ยวข้องหรือเคยเอาเครื่องจีที 200 มาใช้เลย

          เรื่องโอละพ่อของ "ไม้ล้างป่าช้า" ก็มาถึงจุดสรุป เมื่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐออกคำเตือนในเอกสารแนวทางการเลือกซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดของทั้งประเทศว่า ห้ามซื้ออุปกรณ์ตรวจระเบิดแหกตา (bogus explosive detector) ตระกูลที่ใช้หลักการลวดเดาว์ซิงนี้ทุกยี่ห้อ ขณะที่ก็มีการตั้งรางวัลอย่างงามจาก นายเจมส์ แรนดี นักจับผิดเรื่องลวงโลกชื่อดังถึง 1 ล้านเหรียญสหรัฐ ถ้ามีใครพิสูจน์ได้ว่าเครื่องพวกนี้สามารถตรวจหาระเบิดได้จริง ซึ่งถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครกล้ารับคำท้า

          ใครหลายคนอาจจะคิดว่าไม้ล้างป่าช้าราคาตัวละหลายแสนนี้เป็นเรื่องไกลตัว เป็นปัญหาเฉพาะกับคนที่อยู่ชายแดนใต้ แต่เมื่อกระทรวงมหาดไทยประกาศรณรงค์กวาดล้างยาเสพติดขนานใหญ่ด้วยการส่งเครื่องอัลฟ่า 6 ลูกพี่ลูกน้องของจีที 200 ออกไปประจำการทั่วทุกอำเภอทั่วทั้งประเทศ บาปบริสุทธิ์ครั้งใหญ่กำลังจะเป็นภัยร้ายส่งตรง “ดีลิฟเวอรี่” ถึงตัวท่าน ช่วงปีใหม่ที่ผ่านมาหลายคนอาจจะหมดสนุกเมื่อถึงคราวซวย ขับรถผ่านด่านต่างจังหวัด แล้วโดนอัลฟ่า 6 ชี้ว่ามียาซ่อนอยู่ในรถ ถ้าโชคดีหาไม่เจอแต่พูดกันเข้าใจ ก็ปล่อยตัวไป แต่โชคร้ายพูดกันไม่รู้เรื่อง ได้ไปสอบสวนต่อที่โรงพัก หรือค้างแรมฟรีในห้องขังสักคืนสองคืน

          ถึงเวลาหรือยังที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะละเลิกทิฐิมานะในตัวตน แล้วหันมาพูดจากัน ยอมรับข้อเท็จจริงที่ประจักษ์ด้วยความจริงตามหลักการทางวิทยาศาสตร์ ถึงเวลาหรือยังที่จะหยุดยั้งการสูญเสียของกำลังพลในแนวหน้า และสูญเสียความไว้เนื้อเชื่อใจของคนในท้องถิ่น ตลอดจนสิทธิเสรีภาพของประชาชนทั่วไปจากการใช้ “ไม้ล้างป่าช้ากายสิทธิ์” ที่แอบอ้างตนเป็นเครื่องตรวจมหัศจรรย์นี้ ถึงเวลาหรือยังที่ภาครัฐจะทุ่มเทงบประมาณไปจัดซื้อเครื่องตรวจวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริง (ดังเช่น เครื่องไฟโด ฯลฯ) ทุ่มเทงบไปที่การข่าวและการฝึกกำลังพลสุนัขตำรวจสุนัขทหารเพิ่มเติม

          มีคำกล่าวเตือนใจทางนิติวิทยาศาสตร์อยู่ว่า “คนเอียง วิทยาศาสตร์ไม่เอียง” ประเด็นไม้ล้างป่าช้าลวงโลกในครั้งนี้จะเป็นตัวอย่างคลาสสิกที่สุดสำหรับคติพจน์ดังกล่าว เพราะชัดเจนว่าความจริงทางวิทยาศาสตร์นั้นไม่ได้เอียงเข้าข้างใคร ไม่ว่าจะโด่งดังหรือยิ่งใหญ่แค่ไหน อะไรที่ไม่ถูก อะไรที่ใช้ไม่ได้ อะไรที่เป็น “วิทยาศาสตร์เทียม” ย่อมถูกเปิดโปงในที่สุด

          ส่วนคนที่ยึดติดกับหัวโขนตัวเองกับทิฐิมานะตัวเอง หรือแอบอ้างความเป็นวิทยาศาสตร์ คนผู้นั้นแหล่ะที่ “เอียง”

โดยคุณ JD1 เมื่อวันที่ 17/01/2010 15:25:34