คือผมสงสัยว่าทำไมเราไปลอกแบบฝรั่งมาซะหมดเลยเรื่องการแต่งตัวของทหาร แม้แต่ดาบประจำตัวนายทหารยังใช้แบบของฝรั่งเลย ซึ่งมันไม่เหมาะกับการใช้ป้องกันตัวได้แต่ถือเท่ๆอย่างเดียวแทงอย่างเดียวฟันก็ไม่ได้ ทั้งๆที่ดาบไทยเราก็มีแต่ทำไมไปใช้ดาบฝรั่ง ภูมิปัญญาไทยแท้ บรรพบุรุษออกแบบดาบมาให้เหมาะสมกับพวกเรา แต่ไปใช้แบบพวกฝรั่งมังค่า
ถ้าเกิดว่าเราเปลี่ยนแบบดาบประจำตัวนายทหารจากดาบแบบตะวันตกเป็นดาบลงรักฝักทองด้ามทองเหมือนสมัยก่อนจะเหมาะสมใหมครับ อะไรก็ได้ที่แสดงให้เห็นเป็นเอกลักษณ์ไทยหน่อย เดี๋ยวต่างชาติจะสับสนว่านี่ทหารไทยหรือทหารยุโรปเนี่ย ผมว่ามันจะดูดีไม่น้อยเชียวนะครับ และใช้ได้จริงในสงครามหรือการป้องกันตัวด้วย
ผมดูหนังเห็นทหารญี่ปุ่นถือซามูไรออกรบ ไม่ว่าจะเป็นอดีต หรือตอนสงครามโลกครั้งที่สอง มันช่างเท่เหลือเกิน ทำไมเรามีของดีแต่ไม่เอามาใช้นะ งงจริงๆครับ มีคนคิดอย่างผมมั๊ยครับ
คงต้องย้อนไปสมัยรัชกาลที่4โน่นเลยล่ะครับ
ที่ว่าเราเลียนแบบการแบบการแต่งกายของทหารตะวันตกก็เพราะ ทหารซีปอยของอาณานิคมอังกฤษ ทำให้มีการปฎิรูปการทหารขึ้น พูดแล้วยาวครับมีหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับเครื่องแบบทหารตั้งแต่อดีต-ปัจจุบันเขียนไว้อยู่ครับลองหามาศึกษาดูนะครับ
อีกอย่างเครื่องแบบพระราชทานเราจะไปเปลี่ยนคงยาก
เอ่อ
มันมีหลายปัจจัยนะครับไม่ใช่แค่ทหารซีปอยอย่างเดียว
ตอนนั้นเราจำเป็นต้องปฎิรูปการทหาร การศาล การปกครองและหลายๆอย่างที่ล้าหลังเพื่อทัดเทียมกับตะวันตก ครับ และเป็นที่มาของการปฎิรูปครั้งใหญ่ในสมัยร.5
อืมครับ ผมแค่เสนอว่าอยากให้เปลี่ยนจากกระบี่แบบตะวันตก มาเป็นดาบลงลักปิดทองแบบไทยเรา ผมว่ามันจะเท่ไม่หยอกเลยนะครับ เพราะว่าถึงแม้ว่าเราจะใช้เครื่องแบบทหารอังกฤษ แต่ว่ามีอาวุธประจำกายเป็นดาบไทย มันจะทำให้เรามีมุมมองแบบไทยๆขึ้นมานะครับ แค่เปลี่ยนจากกระบี่เป็นดาบแทนแค่นั้นน่ะครับ ผมว่าเท่จะตายนะแถมใช้ป้องกันตัวได้จริงด้วย ของไทยมีดีกว่าที่คิดเยอะ
ตอนต้นๆช่วงปฏิรูปสมัยเมจิญี่ปุ่นก็ใช้ดาบฝรั่งเหมือนกับเรานั่นแหละครับ
แต่พอเขาเอาหลักชาตินิยมแบบบูชิโดกลับมาใช้ เลยเปลี่ยมาเป็นดาบซามูไร ลองดูเรื่องLast Samuraiหนังยกเอามาจากประวัติศาสตร์ช่วงนั้น
บ้านเราต่างจากญี่ปุ่นครับ สังเกตนะครับว่าญี่ปุ่นกับเรา ปฏิรูปพร้อมๆกัน แต่เขาไปไกลกว่าเยอะ
ยกตัวอย่างง่ายๆ
ญี่ปุ่นกับเราส่งคนไปเรียนตะวันตกบ่านเราส่งลูกหลานขุนนางไป ญี่ปุ่นส่งคนมีความรู้ไป
ญี่ปุ่นแปลตำราภาษาอังกฤษเป็นญี่ปุ่นเพื่อให้คนญี่ปุ่นศึกษา บ้านเราส่งคนไปเรียนภาษาต่างประเทศเพื่อจะเรียนตำราฝรั่ง
บ้านเราลอกฝรั่งทั้งดุ้น แต่ญี่ปุ่นเอามาประยุกต์ใช้ควบคู่กับอนุรักษ์ของเดิม
พอถึงสมัยปลายร.5-ร.6เราต้องจ้างที่ปรึกษาเป็นชาวญี่ปุ่นแล้วครับ
รู้สึกญี่ปุ่นจะเปิดประเทศหลังเราด้วยซ้ำนะ
เดี๋ยวไปคนคว้าดูใหม่ก่อน ลืมหมดแล้ว
ดาบไทยมันโค้งงอครับ เวลานำมาใช้ชี้เป้าโจมตีทำให้ มันคลาดเคลื่อน
ไม่เหมือนดาบฝรั่งที่ตรงทำให้ชี้เป้า ให้F-16 โจมตีได้แม่นยำเหมือนที่ช่องโอบกกับร่มเกล้าครับ 55555
อีกส่วนนึงให้ดูตรงเรื่องของความรับค่านิยมจากตะวันตกในยุคนั้นด้วยครับ เพราะตอนนั้นสยามประเทศกำลังปรับปรุงการรับค่านิยมเข้ามาปรับปรุงประเทศให้ดูทันสมัยนั้น การแต่งกายและเครื่องแบบรวมถึงอุปกรณ์ที่นำมาใช้แล้ว ให้ดูเหมือนทันสมัยกับประเทศในตะวันตกที่นำมาเผยแพร่นั้นก็มีส่วนด้วยครับ และตกทอดมาถึงในปัจจุบันนี้
ที่คุณ Oldtimer บอกมาเรื่องยุทโธปกรณ์ที่เราต้องการจากฝรั่ง ในเรื่องของ ดาบฝรั่ง และ เกราะเหล็กแบบยุโรปนั้น
ตรงนี้ ถ้าว่ากันตามประวัติศาสตร์โดยตรง ถือว่าผิดไปเยอะมากครับ ข้อมูลคลาดเคลื่อนมากเกินจริง
เพราะสยาม เป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบอย่างดี ที่ป้อนหนังสัตว์ประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ช้าง,แรด,กระบือ,ปลากระเบน สำหรับทำ หนังหุ้มเกราะ ซึ่งประเทศที่สั่งเข้าไปเป็นจำนวนมากคือ ญี่ปุ่น ครับ
หนังสัตว์เหล่านี้ จะนำไปทำเป็นส่วนประกอบในเกราะแบบญี่ปุ่น ซึ่งมีบันทึกเกี่ยวกับการค้าขายหนังสัตว์เหล่านี้ชัดเจน บันทึกไว้โดยพ่อค้าชาวฮอลแลนด์ครับ ปี ๆ หนึ่ง สยาม ส่งหนังสัตว์เหล่านี้ไปขายให้ญี่ปุ่น ไม่น้อยครับ รวม ๆ แล้วในรอบ ๑๐ ปี เราส่งไปเกือบ ๆ ๑ ล้านผืนครับ
------------------------------------------------------------------
สำหรับดาบฝรั่งนั้น ไม่ได้อยู่ในสารบบที่ต้องการจากสยามเลยสักนิดครับ ดังจะเห็นได้จาก บรรดาดาบที่งมได้จากใต้ท้องน้ำบริเวณ อยุธยา,ปทุมธานี เรื่อยขึ้นไปจนถึง อ่างทอง ,สิงห์บุรี
พบว่าทุกชนิดเป็นดาบไทยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ดาบไทยที่ได้รับอิทธิพลจากชาติพันธุ์ต่าง ๆ ทั้ง ดาบสยามแท้ ๆ ,ดาบสยามเชื้อสายลาว,ดาบสยามเชื้อสายญี่ปุ่น
วิวัฒนการของการตีดาบในสยาม โดยเฉพาะบรรดาเตาต่าง ๆ ในอยุธยา ได้เจริญถึงขีดสุดราว ๆ อยุธยาช่วงสมเด็จพระนารายณ์มหาราช สังเกตได้จาก ทรงของดาบจะต่างจากช่วงอยุธยาตอนต้นเป็นอย่างมาก ตลอดจนเทคนิคการตีดาบ ซึ่งมีแนวโน้มที่จะรับเอาเทคโนโลยีจากญี่ปุ่นเข้ามาเสริมความรู้เดิม ๆ ของคนสยาม
เพราะฉะนั้น เรื่องดาบยุโรปเป็นที่ต้องการของสยาม จึงเป็นสมมติฐานที่เป็นไปไม่ได้ครับ
-------------------------------------------------------------------
สำหรับเรื่องเกราะเหล็กแบบยุโรปนี่ก็เหมือนกัน ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
หากเราย้อนกลับไปดูภาพจิตรกรรมต่าง ๆ จะเห็นได้ว่า คนสยามรู้จักใส่เกราะ
.......แต่เป็นเกราะที่ทำจากหนังสัตว์..........
และยิ่งมีข้อมูลเสริมเรื่องการส่งออกหนังสัตว์ของสยามให้กับญี่ปุ่น จึงเป็นข้อมูลที่สอดคล้องกันได้ไปในทางเดียวกัน
แม้แต่ ตำราพิไชยสงครามของสยาม ฉบับ ร.๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในส่วนของ นวพยัติ ก็บอกไว้ละเอียดว่า ผู้ที่บังคับช้างจะต้องสวมใส่เกราะหนังสัตว์
นี่คือภาพที่ SCAN จากตำราพิไชยสงครามฉบับ ร.๑ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นการยืนยันว่า คนสยามสวมเกราะหนังสัตว์ ไม่ใช่สวมเกราะเหล็กแบบในภาพยนต์ครับ
ในสมัยนั้นจะเรียกว่า เกราะนวม(เกราะหนังสัตว์หุ้มด้วยนวม)
ภาพนี้เป็นภาพ SCAN จากลายพระหัตถ์ของ สมเด็จฯ กรมพระยานริศฯ ที่ประทานตอบแก่ พระยาอนุมานราชธน มีตอนหนึ่งที่ทรงกล่าวถึง เกราะนวมเอาไว้ครับ
หลักฐานอีกชิ้น ที่พิสูจน์เรื่องหลักนิยมในการใช้เกราะหนังสัตว์ของคนสยามก็คือ
"ลิลิตยวนพ่าย" ซึ่งแต่งไว้ตั้งแต่สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ในช่วงอยุธยาตอนต้น
ในบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า
"...เกราะกรายสำลีเนือง นอกออกไปแฮ"
ถ้าดูตรงคำว่า "สำลีเนือง" มันก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า เป็นเกราะนวม ตามที่สมเด็จฯ กรมพระนริศฯ ทรงนิพนธ์ไว้นั่นเอง
เพราะฉะนั้นที่บอกว่า คนสยาม โดยเฉพาะระดับพระเจ้าแผ่นดิน ระดับขุนนางระดับสูง ใส่เกราะยุโรปออกรบ ตามที่ภาพยนต์บางเรื่องเสนอมา มันจริงหรือ ?
นี่แหละครับ อิทธิพลของภาพยนต์ ทำให้ประวัติศาสตร์บิดเบือนไปได้อย่างมาก
ถามว่าแล้วใครจะตามแก้ไขประวัติศาสตร์ที่บิดเบือนอย่างนี้ ?
ดาบก็มีใช้ประกอบเครื่องแบบ ราชองค์รักษ์ไงครับ
ที่แต่งชุดทหารโบราณคาดดาบในพระราชพิธีไงครับ
สังเกตดูดีๆ ไม่หายไปไหนหรอก