หน้าแรก    ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบคำถาม    เข้าสู่ระบบ      


การยุทธที่ช่องบก

โดยคุณ : ตี๋อุบล เมื่อวันที่ : 30/12/2009 20:43:25

สรุปบทเรียนจากการรบบริเวณช่องบก

เรื่อง  ยุทธวิธีการใช้หน่วยทหารขนาดเล็กของเวียดนามและจุดอ่อนการปฏิบัติฝ่ายเรา

 

 

1.  การเข้าตีของทหารเวียดนาม : การเข้าตีของทหารมีการปฏิบัติ 4 วิธี

1.1     การเข้าตีแบบปลอมตัว

คือการที่ทหารเวียดนามใช้การแต่งกายและภาษาเหมือนฝ่ายเรา อาศัยความกล้าและความชำนาญในการรบกล้าที่เผชิญหน้าข้าศึก และบอกว่าเป็นฝ่ายเดียวกับฝ่ายเรา ซึ่งการเข้าตีหลายหน่วยหลายทิศทาง จะทำให้เกิดปัญหานี้ด้วยสถานการณ์ตลึงชั่วขณะ ทหารเวียดนามจะชิงความได้เปรียบในการหลบหนีหรือริเริ่มในการปฏิบัติกาอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น  การปฏิบัติบนเนิน 500 ข้าศึกหยุดยั้งการปฏิบัติของฝ่ายเรา และสามารถปรับกำลังได้ใหม่ เพียงตะโกนว่า “ ทหาร ร้อย ร.พวกเดียวกัน” ซึ่งทำให้ฝ่ายเราไม่แน่ใจกลัวยิงกันเอง และหยุดการปฏิบัติการชั่วคราว เพื่อตรวจสอบหน่วย

1.2     การเข้าตีแบบปิดลับ

คือการเข้าตีเมื่อ ป.เริ่มทำการยิง ทวน.(ทหารเวียดนาม) จะขยับคลานเข้าหาที่หมายอย่างปิดลับ จนกระทั่งใกล้ที่หมาย แต่พ้นระยะอันตรายเมื่อ ป.หยุดการยิงจะวิ่งเข้าชาร์ทที่หมายทันที่ โดยข้าศึกมาทันตั้งตัว  ซึ่งแตกต่างจากยุทธวิธีของฝ่ายเราอย่างสิ้นเชิง เมื่อ ป.ทำการยิงเตรียมฝ่ายเราจะอยู่ที่แนวออกตี เมื่อ ป.เลื่อนฉากการยิง หรือหยุดยิงจึงจะผ่านแนวออกตี ซึ่งจะทำให้ห่างที่หมายมาก ข้าศึกสามารถตั้งตัวติด การรบบนป่า ภูเขาและการยุทธเริ่มแรกด้วยสงครามจรยุทธแบบนี้ หากไม่เคลื่อนที่เข้าที่หมาย ขณะ ป.ทำการยิงเตรียมแล้วจะเสียเปรียบฝ่ายข้าศึก

1.3     การเข้าตีแบบขยับเป้า

คือการเข้าตีโดยใช้ ค. หรือ ป. ยิงเป็นแนวที่ 1 แล้วขยับข้าหาที่หมายโดยข้ามคนเจ็บไปก่อน เมื่อยิงแนวที่2 ก็ขยับเข้าหาที่หมายไปอีก 1 ขั้น เมื่อ ค. หรือ ป. หยุดยิง จะทำการระดมยิงด้วย อาร์พีจี และลูกระเบิดขว้าง จากนั้นจึงเข้าซาร์ทที่หมายโดยไม่พะวงคนเจ็บ จะยึดมั่นในการดำรงภารกิจเป็นหลัก

1.4     การเข้าตีแบบในออกนอก (ยุทธวิธีดอกบัวบาน)

วิธีนี้เป็นวิธีที่อันตรายที่สุด  ทวน. จะใช้การตัดเจาะลวดหนามใน 4-5 ทิศทางรอบฐานหรือสนามทุ่นระเบิดป้องกันตนเอง  จากนั้นจะใช้ชุดละ 5-10 คนวิ่งชาร์ทเข้ากลางฐานฝ่ายเราแล้วใช้ระเบิดขว้างสลับการยิงออกด้านนอก จะเกิดการชุลมุน มักปฏิบัติในคืนเดือนมืดเป็นลักษณะดอกบัวบาน ซึ่งเป็นยุทธวิธีของวันเทียนดุง ที่คิดขึ้นปฏิบัติการอย่างได้ผล เมื่อเข้าทำการบุกกรุงไซ่ง่อน และพนมเปญ

ฝ่ายเราสามารถยับยั้งการปฏิบัติการของข้าศึกวิธีนี้บน เนิ น436    ของ ร้อย ร.3021.และ ร้อย ร.3923 ได้ถึง 4 คืน แต่ก็ต้องพบกับการสูญเสียจำนวนหนึ่ง จนต้องตัดสินใจถอนตัว เพื่อแก้ไขยุทธวิธีเพื่อที่จะตอบโต้เอาชนะข้าศึกต่อไป

1.5     การเข้าตีแบบพักพลชั่วคราว

ทวน. ชอบมาก เพราะข้าศึกจะยังไม่ทันระวังตัวเหน็ดเหนื่อยและดัดแปลงที่มั่นยังไม่เพียงพอ จะเข้าทำการเข้าตีรบกวนจนระส่ำระส่าย อ่อนเพลีย แล้วใช้หน่วยขนาดใหญ่เข้าชาร์ททันที่  เพราะทหารหลักจะอุ้ยอ้าย ใส่หมวกเหล็ก เสื้อเกราะ กลางวันดัดแปลงที่มั่น กลางคืนอดนอน เพื่อรอรับการเข้าตี เสบียงอาหารขาดแคลนโดยเฉพาะน้ำ ถูกตัดเส้นทางส่งกำลัง ซึ่งข้าศึกใช้ยุทธวิธีง่ายๆแต่ปฏิบัติอย่างได้ผล

2.        การจัดหน่วยขนาดเล็กของ ทวน.  ระดับหน่วยและชุด

1 หน่วยมี  3  คน       1 ชุดมี 3 หน่วย  9  คน

ดังนั้นจะเห็นได้ว่าทหารเวียดนาม ถูกฝึกให้ทำงานเพียง 3 คน ในทุกพื้นที่  จึงมีขีดความสามารถดำรงการกาะติดข้าศึก และทำการรบได้ด้วย ซึ่งปิดลับเรื่องเสียงและแสงได้ดี   ทุกครั้งที่ฝ่ายเราถูกเข้าตี จะถูกหน่วยขนาดเล็กเข้าสืบสภาพก่อน หรือแหย่ให้ฝ่ายเราเปิดฉากการยิง โดยใช้กำลังส่วนน้อยยับยั้ง กำลังส่วนใหญ่อย่างได้ผล  คนเพียง 3 คนยับยั้งข้าศึกได้ถึง 1 กองร้อย  ร. ฝ่ายเราต้องเพิ่มขีดความสามารถ ในเรื่องนี้ ต่อกำลังพลต่อไป เพราะฝ่านเราถูกฝึกให้รบ เป็น 1 ชุด หรือ 1 หมู่ 12 คน  ทหารหันมาไม่เจอ ผบ.หมู่ และคนน้อยกว่า 12 คน ใจก็ไม่เอาแล้ว ขณะที่ฝ่ายเราซุ้มข้าศึกได้จะเห็นข้าศึกเดินร้องเพลงในพื้นที่ที่มีการรบ อย่างขาดความระมัดระวังเพียง 2 คน แสดงว่าข้าศึกมีความมั่นใจ ในภูมิประเทศของตัวเองเป็นอย่างมาก

3.        ยุทธวิธีการใช้หน่วยระดับหมู่ของ ทวน

จัดกำลังแบบกองทัพปรจำการ 1 หมู่ ปล. 5-10 คน ฝึกรบแบบกองโจร ซุ่มโจมตี , ตีโฉบฉวย,ลาด        ต ะเวน และรักษาพยาบาลขั้นต้น        คุ้มครองทหารช่าง เข้ากู้ระเบิดหรือปฏิบัติเอง  ลำเลียงกระสุนและสัมภาระในเวลากลางคืน          

4.        ยุทธวิธีการใช้หน่วยระดับหมวดของ ทวน

  จะใช้หน่วยระดับหมวดเมื่อหวังผล ในขั้นแตกหัก เช่น  เข้าตีที่มั่นบนยอดเนิน,เข้าตีเป็นระลอกๆ ที่ละหมวด เข้าตีหลายทิศทาง ทิศทางละหมวด  มี ผบ. ร้อย หรือ ผบ. พัน บังคับบัญชา   จะวางกำลังกระจายเป็นจุด และไม่เกินหมู่ในพื้นที่ปิดลับ และรวมกำลังได้อย่างรวดเร็วเมื่อเข้าปฏิบัติการ

5.     การใช้หน่วยระดับกองร้อยของ ทวน.

        ปกติจะม่รวมเป็นกองร้อย ถ้ามีสิ่งบอกเหตุ ทวน. วางกำลังเป็นกองร้อยแสดงว่าจะมีการปฏิบัติการขนาดใหญ่เกิดขึ้น เพราะการวางกำลังขนาดใหญ่ทำให้เกิดเป้าหมายที่เด่นชัดและจะเกิดการสูญเสียได้ง่าย จากการยิงด้วยอาวุธหนักหรือการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม

6.     การลำเลียงอาวุธกระสุนและเพิ่มเติมกำลังด้านหลังเนิน

        ทวน. จะใช้กองร้อยพลาธิการ แยกส่วนต่างหากจากหน่วยรบมีเฉพาะกำลังคุ้มกันขนสัมภาระเท่านั้น และจะปฏิบัติการในเวลากลางคืน จึงสามารถทำได้รวดเร็วและต่อเนื่องฝ่ายเราจะสามารถหยุดการเพิ่มเติมกำลังได้ ด้วยการซุ่มโจมตีรบกวนเท่านั้น แต่เส้นทางที่ข้าศึกเคลื่อนที่จะมีสนามทุ่นระเบิดที่ข้าศึกจะวางไว้ในทิศทาง ที่คาดว่าฝ่ายเราจะเข้ามา  ซึ่งหากฝ่ายเราตรวจไม่พบก็จะเกิดการสูญเสีย และเสียงจะส่งสัญาณเรียกข้าศึกใช้อาวุธยิง ค. ปรส. และ ป. ยิงใส่ทันที่

7.    ระดับ ผบ. หมวด และผบ.ร้อย ทวน. ไม่ใช้ปืนเล็กยาว

        ผบ.มว.-ผบ.ร้อย ที่นำกำลังเข้าตีหรือซุ่มโจมตี ทวน. จะใช้ปืนพกและมีทหารพิทักษ์ 2 นายคุ้มกัน จะใช้ทหารพิทักษ์นำคำสั่งการโอบล้อมข้าศึก ในทิศทางใดอย่างรวดเร็ว และตัวเองจะกำบังแนวทางการเคลื่อนที่ และควบคุม กลยุทธให้เป็นไปตามแผน ไม่อุ้ยอ้ายแหมือน ผบ.มว. หรือ ผบ.ร้อยฝ่ายเราที่ใช้อาวุธปืนเล็กยาวร่วมดำเนินกลยุทธกับหน่วยด้วย เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การควบคุมหน่วยเป็นไปอย่างสับสน และไหนจะต้องระวังที่สั่งการหน่วยเองประสานหน่วยข้างเคียงรายงานหน่วยเหนือ     วิทยุขอปืนใหญ่ปรับแก้ด้วยตัวเอง ฯลฯ จะไม่มีเวลาที่จะสั่งหน่วย ดำเนินกลยุทธแก้ไขสถานการณ์อย่างฉับพลัน และล้มเลวจากการยุทธในที่สุด

8.     ลักษณะดำเนินกลยุทธของหน่วยเล็ก

        ทวน. ถูกฝึก 2 คนยิงคุ้มกัน 1 คน บุกวิ่งไปข้างหน้าจึงดูเหมือนว่ามีอำนาจการยิงรุนแรงสลับกันไป ฝ่ายเราถูกฝึกมาเมื่อเข้าแนวตะลุมบอนจะเป็นลักษณะเดินเข้าไปทั้งแนว เมื่อถูกหยุดยั้งก็จะหยุดหมดทั้งแนว  จึงถูกข้าศึกใช้อำนาจการยิงที่เหนือกว่าตีโต้ตอบและจู่โจมกดดัน  จนไม่สามารถผ่านแนวยิงจากหน้าที่มั่นเข้าไปหาฝ่ายตรงข้ามได้

9.     การรวบรวมพลและการกระจายพล หรือการส่งสัญาณให้หยุดยิงหรือเริ่มยิง

        ทวน.ใช้หลักง่ายๆ คือเสียง ปล.ส่งสัญญาณ หรือพลุปากกาขนาดเล็กที่นำมาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า เช่น ฝ่าย ทวน. เปิดฉากการยิงที่ฝ่ายตนเองกำลังแก้ไขสถานการณ์ดำเนินกลยุทธอยู่ หากยิงลงมาจะสูญเสียทั้งสองฝ่าย ทวน. จะยิงปืนขึ้นฟ้าส่งสัญญาณยิงของตน  ปรส. ,ค.  จะหยุดยิงทันที่ หรือหน่วยระดับ มว. ที่กระจายอยู่ในเวลากลางวันหากต้องการรวมพลก็ใช้เสียงปืนยิงส่งสัญญาณ  เพื่อรวมกันอย่างรวดเร็ว

10.   หลักนิยมในการเข้าตี

        ทวน. จะเข้าตีในเดือนมืด หรือรอจนพระจันทร์ตก โดยเฉพาะในคืนที่ฝนตกยิ่งดี เพราะในเวลากลางคืนสามารถเข้าประชิดที่หมายได้ถึง 10 เมตร ซึ่งกลางวันจะทำไม่ได้ การเข้าตี จะเข้าตีเป็นระลอกตั้งแต่หัวค่ำจนสว่าง ระลอกสุดท้ายจะเข้าตีเพื่อนำคนเจ็บออก  ข้าศึกจะใช้กำลังส่วนน้อยเข้าสืบสภาพฐาน  เจาะช่องตัดลวดหนามกู้กับระเบิด  ขึ้นต้นไม้ตรวจการณ์ และใช้ลูกระเบิดขว้างโยนเข้าบังเกอร์  อาร์พีจี,ค, และจรวดเป็นอาวุธหลักเปิดฉากการโจมตี จะไม่พยายามใช้ ปล. ทวน. จะตีให้เกิดการระส่ำระส่ายจนข้าศึกอ่อนเพลีย ท้อแท้และขวัญเสีย เป็นเวลาหลายวันติดต่อ  สัญญาณการปฏิบัติต่างๆ ในการเข้าตีจะมีการเปลี่ยนแปลงทุกวัน เพื่อให้ข้าศึกสับสน สัญญาณที่ใช้ได้แก่ การเลียนเสียงสัตว์ต่างๆ  การเป่าหลอด การใช้สัญญาณยิงปืน และการใช้พลุสัญญาณ

        บทเรียนจากเนิน 436 ของฝ่ายเรา 

        ข้าศึกเข้าตีเนิน 436 เป็นเวลาติดต่อกันถึง 5 วันข้าศึกจะเจาะลึกถึงส่วนหลังของฝ่ายเราเพียง 500 ม. ก็จะลงพื้นราบ แตข้าศึกยังคงใช้หลักนิยมการยุทธบนภูเขา ซึ่งง่ายต่อการรบที่ตนถนัดเข้าตีเนิน 436 หลายคืนติดต่อกัน แม้ฝ่ายเราจะส่งหน่วยสดชื่นเข้าสับเปลี่ยนในเวลากลางวัน แต่ข้าศึกยังโหมเข้าตีทุกคืนเมื่อพระจันทร์ตก

        ฝ่ายเรา  ผบ. หน่วยจะตั้งรับในลักษณะฐานวงกลมแบบเดิมเป็นหลัก ไม่มีการจัดวางฐานแบบแนวต้านทาน กลางคืนถอนตัวเข้าฐานเพื่อรอรับการเข้าตี อย่างเดียว ไม่มีการจัดชุดซุ่ม  และที่สำคัญไม่มีการคิดกลยุทธไว้สู้กับข้าศึกที่จะมาอย่างตรงเวลาทุกคืนด้วย  อาศัยความใจชื่นที่จะหยุดยั้งข้าศึกที่แนวลวดหนามเป็นหลัก   ปล่อยให้ข้าศึกแสดงความสามารถ เช่นขึ้นต้นไม้ปาระเบิด ใส่บังเกอร์ เกาะติดฐาน ล่อให้เราวิ่งไล่ ใช้ ค. และจรวดยิงถล่ม ฐานเข้าตีเป็นระลอกอย่างไม่คิดกลัวตาย  เป่าหลอดส่งเสียงโห่ร้องทำคนน้อยให้มาก  ทำคนมากให้เหมือนน้อย และแย่งศพกลับไปได้ทุกเช้ามืด  ฝ่ายเราต้องเจ็บและตายวันคน 2 คน จนขวัญต่ำ ผบช. จำเป็นต้องถอนหน่วยออกไป  ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของกลยุทธของ ผบ.หน่วยขนาดเล็กที่จะต้องแก้ไขศึกษาต่อไป

11.   การบังคับบัญชาในหน่วยทหารของเวียดนาม

        หากเกิดการโต้แย้งในหน่วย ไม่ว่ากรณีใดผู้บังคับบัญชาจะย้ายคนใดคนหน่งทันที่   กำลังพลที่มารบในประเทศกัมพูชา ส่วนใหญ่คาดว่าอาสาสมัครมารบในต่างประเทศ ซึ่งเวียดนามถือว่าการสมัครใจของทหารจะทำให้การรบได้ดีที่สุด

        หมายเหตุ ผลจากการปะทะบนเนิน 500 ทหารเวียดนามจิตใจรุกรบน้อย   ไม่ค่อยสู้ทหารพรานที่ขึ้นต่อสู้บนเนิน  ซึ่งเคยจับบักเรียนนายร้อยเวียดนามมาวิเคราะห์ว่าเป็นทหารเวียดนามใต้  ถูกเกณท์มาส่วนหนึ่งแน่นอน ถ้าเป็นทหารเวียดนามเหนือจะมีประสบการณ์ ในการสู้รบและจิตใจรกรบมากกว่านี้  งานตระเตรียมการสู้รบยอมรับแนวความคิด ของทหารที่มีการเสนอทางยุทธวิธี จะมีการบำรุงขวัญทหารเช่น เดียวกับฝ่ายเราก่อนการโจมตี ภารกิจใดภารกิจหนึ่ง จะมีการเตรียมความพร้อม ของพะรุงพะรังจะไม่มี เมื่อเข้าทำการสู้รบ

12.   ลักษณะที่ตั้งฐานและพื้นที่ตั้งยิงอาวุธวิถีโค้ง และเล็งตรง

         ที่ตั้งยิง  ค. และ ปรส. จะฝังดินอยู่เสมอจะอยู่ห่างกันช่วงละ 50 ม. เจาะอุโมงค์ใช้ไม้ค้ำบริเวณหน้าเนิน หรือด้านหลังเนิน  เพื่อป้องกัน ป.จากข้าศึกในอุโมงค์เก็บกระสุนได้เป็นจำนวนมาก  จะวางสายโทรศัพท์ โดยใช่สายหนึ่งวางบนพื้น และสายอะไหล่ฝังพื้นดินกลบเกลื่อนร่องรอยจะลากสายติดต่อกับ ผตน. และ ผบช. ส่วนย่อย

                                พลประจำ ปรส. จำนวน 11 นาย, พลประจำ ค. 61, 82 จำนวน 5 นาย

        อาวุธเล็งตรง ปรส. จะเคลื่อนย้ายเปลี่ยนที่ตั้งยิงตามตำแหน่งที่วางกระสุนกองไว้อย่างน้อย 3 ตำแหน่ง และป้องกันการจับทิศการยิง  จะมีหน่วยยิงจำนวนหนึ่ง  ส่วน ค. จะใช้คล้องแขนหรือใช้แบกหลัง ยิงด้วยความชำนาญ โดยอาศัยพลยิงเป็นหลัก  และเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว  ไปยังหลุมกระสุนเช่นเดียวกับ ปรส.

        วิธีหยุดยั้ง ทวน. ในการใช้อาวุธเล็งตรงคือ  การใช้หน่วยทหารขนาดเล็กเข้าสืบสภาพ หาที่ตั้งยิงและการแสดงลวงให้ข้าศึกยิง เพื่อเปิดเผยที่ตั้งและเข้าทำลาย  แต่ทั้งนี้จะต้องพบกับการต้านทาน ของพลประจำ ปรส.,ค. และกำลังคุ้มกันและหน่วยพลาธิการซึ่งมีหน้าที่ลำเลียงกระสุนอย่างแน่นอน  อุโมงค์เก็บกระสุนทหารเวียดนามเรียกว่าอุโมงค์กบ                              

 

 

 

               





ความคิดเห็นที่ 1


ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ^0^
โดยคุณ tan02 เมื่อวันที่ 27/12/2009 00:21:19


ความคิดเห็นที่ 2


พี่รับราชการไม่ทัน แต่ข้อมูลดีมาก อยากให้เว็ปเราออกแนวข้อมูลเพื่อการศึกษาอย่างเนี๊ย
โดยคุณ makropolo เมื่อวันที่ 27/12/2009 09:06:57


ความคิดเห็นที่ 3


ผมโพสกระทู้นี้ใน พันทิพ แล้วแต่ถูกลบ ก็เลยมาโพส ลงในไทยไฟท์เตอร์ ครับ เป็น บทความของเสธแดงเขียนไว้ในนิตยสารฟ้าหม่น ของ ทหารม้าครับ ตั้งแต่ปี 31 ครับ จริงๆแล้วมีตั้ง  32 ข้อ แต่มีเวลาพิมพ์ให้เพื่อนสมาชิกอ่านแค่ 12 ข้อ ครับ ผู้เขียน(เสธแดง)บอกว่า เป็นบทความที่ใช้สอน ใน รร.เสธเลยนะครับ

โดยคุณ ตี๋อุบล เมื่อวันที่ 28/12/2009 00:05:54


ความคิดเห็นที่ 4


 

   อ่านแล้วประทับใจครับ   หลักนิยมเหมือนถูกออกแบบมาสำหรับการรบกับชาติมหาอำนาจนาจหรือฝ่ายตรงข้ามที่มีอำนาจการยิงสนับสนุนจากอาวุธหนักเยอะ    แสดงว่าฝ่ายออกแบบการรบของเขาคงจะเข้าใจยุทธวิธีการใช้กำลังการจัดหน่วยของชาติมหาอำนาจที่ตนเองต้องรบด้วยอย่างถ่องแท้ทีเดียว  เช่น

  -  ถ้ารวมพลจำนวนมากๆที่เดียวกัน   จะต้องเจอการถล่มยิงจากอาวุธหนักนานาชนิด   ซึ่งเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนมากๆได้   แต่จะรวมพลเมื่อมีแผนการรุกใหญ่ในระยะเวลาอันใกล้(สามารถนำวิธีการรวมพลมาหลอกฝ่ายตรงข้ามได้ด้วย)

- ปฎิบัติการด้วยหมู่แค่ 3 คน   ซึ่งดูแล้วได้ผล .....  แต่ผมว่าเสี่ยงพอดูเพราะถ้าความสามารถเฉพาะตัวไม่ดีหรือประสบการณ์รบน้อย   ก็อาจตายหมดเพราะอำนาจการยิงน้อยกว่ามาก  

  ดูแล้วหลายยุทธวิธีที่เวียตนามเลือกใช้คำนึงถึงความสำเร็จจากการบมากกว่าความสูญเสียของฝ่ายตนเอง   เช่น  ยุทธวิธีดอกบัวบาน   เสี่ยงตายสุดๆโดยเฉพาะหน่วยแรกที่เข้าตี      รวมทั้งการยิงปืนใหญ่โดยขยับเข้าหาเป้าทีละแนว  โดยคำนึงถึงคนเจ็บทีหลัง   

 

  

โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่ 28/12/2009 10:57:22


ความคิดเห็นที่ 5


ข้อมูลดีมากครับ
โดยคุณ c_hai เมื่อวันที่ 28/12/2009 22:08:42


ความคิดเห็นที่ 6


ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูลดีๆ

โดยคุณ CROBRA99 เมื่อวันที่ 30/12/2009 09:43:25