ผมเห็นข่าวมาหลายปีแล้ว ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาตรงนี้ได้ ผมเลยคิดเล่นๆว่าเป็นไปได้ไหมที่เราจะดัดแปลงเครื่อง X-Ray หาระเบิดแบบสนามบิน
มาใส่บนรถ แล้วให้รถวิ่งสแกนหาระเบิด อาจจะต้องมีการดัดแปลงรถให้ติดได้สักคันหนึ่งก่อน แล้วหาผลว่าสามารถหาระเบิดได้ไหม
ไม่แน่ใจว่าเครื่อง X-Ray มองลึกลงไปใต้ถนนกี่เมตร
ว่างๆ ขอ search หาข้อมูลก่อนน่ะครับ
เชื่อแถอะปัญหานี้แก้ได้ มันขุด เราหา แล้วรีบกู้ กำลังพลเราจะปลอดภัยครับ
เพราะที่เสียชีวิตหรือบาดเจ็บมาก ก็จากปัญหานี้ล่ะ
ดูข้อมูลจาก บ. นี้ก็น่าสนใจ
http://www.applescientific.com/pro_indoor_xray.html
หากไอเดียนี้ดี รบกวนผู้หลัก ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเรา พิจารณาด้วยครับ
ขอบคุณครับ
ความคิดเห็นที่ 1
ก็ดีนะครับ แต่กลัวว่าพอวิ่งไปเจอปุ๊บ ระเบิดปั๊บนี่ซิ 55+ โจรมันก็คงจะระเบิดรถตรวจจับก่อนนั้นแหละครับ ถ้าเป็นผมก็ทำงั้น
โดยคุณ
Arena 
เมื่อวันที่
27/12/2009 10:11:25
ความคิดเห็นที่ 2
ถ้าทำได้มันก็ต้องเป็นแบบค้นหาจากระยะไกลได้นะครับ ไม่ใช้ไปอยู่ไกล้หรือเหนือระเบิดแล้วค่อยหาเจอเพราะว่าระเบิดที่ใช้ส่วนใหญ่ในภาคใต้จะเป็นระเบิดแบบกดชนวนด้วยรีโมตหรือลากสายเข้าข้างทางน้อยครั้งที่จะเจอแบบตั้งเวลา ตั้งเวลาส่วนใหญ่จะใช้แบบดักสังหารกลุ่มทหาร แต่ถ้าเป็นแบบถล่มรถยนต์ส่วนใหญ่จะใช้แบบคนกดเอา ซึ่งหมายความว่าโจรคนกดก็ต้องอยู่ในพื้นที่ด้วย แล้วถ้าเกิดเราไปอยู่เหนือเป้าหมายแล้วค่อยหาเจอ ก็เท่ากับว่าไปอยู่เหนือความตายดีๆนี่เองเพราะแค่เราเข้าไกล้เป้าหมายพวกนั้นมันก็กดเข้าให้แล้ว ทางที่ดีอยากให้ทำแบบค้นหาจากระยะไกลได้จะดีมากเลยครับ อาจจะเจอล่วงหน้าซัก 800 เมตร ถึง1 กิโลเมตรเพื่อที่จะได้ให้ทหารราบเข้าเคลียร์ข้างทางก่อนเข้าไปทำการเก็บกู้น่าจะดีกว่านะครับ
โดยคุณ
champ thai army 
เมื่อวันที่
27/12/2009 11:18:45
ความคิดเห็นที่ 3
ผมได้ติดตามข่าวสารและประเมิณยุทธวิถีของพวกโจรใต้อยู่เสมอ
1.การวางระเบิดบนถนนหันมาใช้ระเบิดแบบใช้สายไฟเป็นส่วนใหญ่
2.ส่วนในชุมชน ในเมือง ใช้ระบบแบบคลื่นวิทยุไม่ก็โทรศัพท์
3.แต่งชุดทหารเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่
4.ใช้ภูมิประเทศที่เป็นเขาป่าทึบและใกล้ชายแดนเพื่อการหลบหนี ส่วนการขนส่งลำเลียงมักใช้ทางทะเล
โดยคุณ
sam 
เมื่อวันที่
27/12/2009 12:04:31
ความคิดเห็นที่ 4
เครื่อง X-ray ที่ใช้กับถนนเค้าตรวจสอบความหนาครับ หากฝั่งระเบิดไว้ความหนาแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงครับ
โดยคุณ
CoffeeMix 
เมื่อวันที่
27/12/2009 21:55:51
ความคิดเห็นที่ 5
อ่านสเปคอันหนึ่ง มันสแกนลึก 3 เมตร
ที่เสนอไอเดีย เพราะว่าโจรมันฝังทิ้งไว้ก่อนในรูปของถังดับเพลิง
ยังไม่ต่อสาย เพราะะคนฝังกับคนจุด คนละคนกัน ตามยุทธวิธีของเขา
หากเราแสกนเจอก่อน ก็ขุดออกก่อน หรือ ซุ่มโป่ง ดูก็จะจับได้
และมันมีอุปกรณ์ไอเทคสมัยสงครามเวียดนาม ที่อเมริกันทิ้งจาก บี52
มันหนวดยาว เอาไว้วัดแรงสั่นสะเทือน ถ้าได้ตัวนี้มาทิ้งตามป่า
เราคงเห็นคนเดินไปเดินมาเป็นหน่วยจรยุทธ ของโจรบ้าง
ไว้หารูปมาให้ดู เหมือนต้นไม่ชนิดหนึ่ง
โดยคุณ
Ronin 
เมื่อวันที่
27/12/2009 22:28:01
ความคิดเห็นที่ 6
ถ้าทำได้จะดีมากๆ แต่ในความเห็นส่วนตัวนะครับ ในแง่การปฏิบัติจริงคงเป็นไปได้ยาก ที่จะนำรถที่ติดเครื่องX rayไปวิ่งเพื่อสำรวจ(ในกรณีที่คิดว่ามันสามารถตรวจเจอได้นะครับ) เส้นทางล่วงหน้า เพราะ
จนท.ที่เป็นเป้าหมายมีฐานแยกมากมายครับ เส้นทางที่คาดก็ยิ่งมากมายขึ้นอีกหลายเท่า ช่วงเวลาไหนคือช่วงเวลาล่วงหน้า เพราะมีการเดินทางของจนท.ทั้งมีและไม่มีภาระกิจตลอดเวลา
ผมกลับมองว่ามวลชนครับเพราะหลายๆครั้งที่เราสามารถกู้ระเบิดได้ก่อนมันจะทำงาน มาจากการแจ้งข่าวจากชาวบ้านนั้นเอง ส่วนใหญ่เราจะรับทราบข่าวแต่เพียงเวลาที่มันระเบิดไปแล้วและเกิดการสูญเสีย แต่จะทำอย่างไรให้ชาวบ้านกล้าที่จะให้ความร่วมมือ อันนี้ยากยิ่งครับ แต่หากได้รับความร่วมมือมากขึ้น เท่ากับเรามีเครื่องxrayแบบตาสัปรดเลยล่ะครับ
โดยคุณ wingboy เมื่อวันที่
27/12/2009 23:22:15
ความคิดเห็นที่ 7
เห็นด้วยครับ
ตอนแรกผมคิดไปถึง อุปกรณ์ที่ติดกับ ฮ. อาปาเช่เลยครับ(คิดไปไกลมากเลย)
แต่ด้วยไม่คิดถึงกระเปาตังค์อะครับ
โดยคุณ
PINJI 
เมื่อวันที่
28/12/2009 01:04:27
ความคิดเห็นที่ 8
เครื่องตรวจโลหะแบบที่บางแสน ติดรถบังคับละครับพอได้ไหม
ถ้าใช้ถังดับเพลิงทำระเบิดก็น่าจะจะใช้ได้ แต่ไม่แน่ใจว่าถนนภาคใต้เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กหรือเปล่า
โดยคุณ sturmovik เมื่อวันที่
28/12/2009 01:14:47
ความคิดเห็นที่ 9
ปัจจุบันฝ่ายเจ้่าหน้าที่ เป็นฝ่ายรับอย่างเดียว คือรอให้มันระเบิดถึงรู้ว่ามีระเบิด
ฝ่ายมวลชนตามที่คุณ wingboy ก็มีส่วนช่วยมาก แต่บางพื้นที่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถทำความเข้้าใจกับชาวบ้านให้มาสนับสนุนเราได้ หรือไม่กล้าพอ
ดังนั้น เราก็ต้องทำทุกวิธีที่ป้องกันล่ะครับ ไอเดียผมมันดูเหมือนขี่ช้างจับตั๊กแตน เพราะถนนทาง 3 จว. มีหลายแสนกิโลมาก
แต่เราก็ตีวงให้เหลือถนนที่มันขุดง่าย และเจ้าหน้าที่ผ่านบ่อย
อย่าลืมน่ะครับ ถนนที่ขุดๆ กัน เขาขุดจากด้านข้างเข้าหากลางถนน
และส่วนใหญ่เป็น ถ. รพช หรือชาวบ้านเรียกว่า ถนนดินดำ เพราะมันขุดง่าย
และสองข้างทางเป็นป่า
การสแกนหา ไม่ได้หมายความว่า หาก่อน หน่วยทหารมา น่าจะจัดทีมหาตลอดเส้นทางที่อันตราย
ความคิดผมก็แค่ผู้เสียภาษีคนหนึ่งน่ะครับ ที่ไม่อยากให้เจ้าหน้าที่ต้องบาดเจ็บและเสียชีวิตมากกว่านี้
หากศึกษาเทคโนโลยี การตรวจจับ การค้น หาดีๆ มันมีอุปกรณ์อีกมากที่จะช่วยป้องกันได้น่ะครับ
ไม่ก็ที่ผมบอกไว้อีกอย่าง มันมีอุปกรณ์วัดแรงสั่นสะเทือน เอาไปฝังไว้ที่ริมถนน รู้สึกมันจะจับได้ไกล 15 เมตร ถูกผิดอย่างไร ผมขอค้นหาข้อมูลเจ้าตัวหน้าก่อนน่ะ
มันเป็นรูปคล้ายกระป๋องผักกาดดอง
ถ้าเอาไปฝังมีใครขุด มันจะส่งสัญณาณบอกครับ
การลงทุนด้านนี้มันสูงจริง แต่แก้ไขปัญหาด้านนี้ได้ ก็น่าจะคุ้มน่ะครับ เพราะการซุ่มยิง หากโดนระเบิดก่อน ฝ่ายเราเสียเปรียบทุกครั้ง
และที่เราซื้อเรือเหาะ ลงทุนมากกว่าที่ผมนำเสนอเสียอีก
อย่าลืมน่ะครับ ยึดถนนคืน เหมือนยึด 3 จังหวัดภาคใต้คืนน่ะครับ
ข้อมูลรายละเอียดขอนำเสนออีกที
โดยคุณ
Ronin 
เมื่อวันที่
28/12/2009 01:46:49
ความคิดเห็นที่ 10
อุปกรณ์Motion Sensor ทีไอ้กันเคยใช้จะใช้ในเขตป่าลึกครับ มีทั้งแบบวัดความเคลื่อนไหว หรือ เป็นไมค์รับฟังเสียง
สิ่งที่ไอ้กันทำตามมาคือ ถ้าจับความเคลื่อนไหวแล้วก็จะสั่งปืนใหญ่ยิงทำลาย หรือ ใช้เครื่องบินโจมตีเอา
งานนั้น เสือสิงห์กระืทิงแรด ล้มตายกันเยอะ
แต่นี้ถนนเราอยู่ในเมือง รถวิ่งผ่านกันทุกวัน ผมว่าลำบากครับที่จะใช้ Motion Sensor ตรวจจับเพราะจะไม่สามารถ Identify ได้ครับ
โดยคุณ
CoffeeMix 
เมื่อวันที่
28/12/2009 02:32:02
ความคิดเห็นที่ 11
วางให้ห่างจากถนนได้นี่ครับ ตอนแรกผมก็รู้จุดอ่อนตรงนี้
เพราะเวลาขุด โจรต้องเดินจากป่าในตอนกลางกลางคืน
แต่ขอบคุณป๋าปืนมากน่ะครับ ที่แย้งตรงนี้
ไม่รู้เป็นไปได้ไหม หากทดลองวางสักถนนก่อน เครื่องวัดรุ่นใหม่ น่าจะบอกจำนวนคนเดินผ่านได้ด้วย เหมือนเคยอ่านสเปคมา
เดี่ยวหาข้อมูลก่อนดีกว่าครับ พูดไม่มีข้อมูลเดี่ยวเป็น XX อีก 555+
โดยคุณ
Ronin 
เมื่อวันที่
28/12/2009 02:43:32
ความคิดเห็นที่ 12
ผมขอเสริมหน่อยนะครับถ้าจะพัฒนาเครื่อง X ray แบบติดตั้งกะรถออกไปปฏิบัติการบนถนนผมว่าอัตราเสี่ยงก็ยังสูงอยู่นะครับในพื้นที่เสี่ยง ผมว่าพัฒนา UAV ขนาดเล็ก ที่สามารถติดกลัองอินฟาเรดสะท้อนความร้อนในเวลากลางคืนจะดีกว่านะครับโดยเฝ้าตรวจทางอากาศในเวลากลางคืน ในพื้นที่เสี่ยงแล้วประมวลผลเป็นพิกัดส่งกลับไปยังฐานหากเจอผู้ต้องสงสัยลักลอบขุดฝังเพราะผมเข้าใจว่าน่าจะขุดกันในช่วงเวลากลางคืน ก็ให้ชุดเฉพาะกิจเข้าจู่โจมจับกุมเป็นต้นนะครับ
โดยคุณ ddd2521 เมื่อวันที่
28/12/2009 03:04:55
ความคิดเห็นที่ 13
เจ้าเครื่องที่ว่าเนี่ยเราก็ทำแล้วนะครับ แต่เพิ่งทดลองเอาไปติดตั้งอยู่ มันสามารถแยกแยะแรงสั่นสะเทือนได้ว่า อันนี้รถถังนะ อันนี้คนเดินนะ ต่อไปถ้าผู้ใหญ่ในกองทัพเห็นคุณค่าจะเป็นเรื่องดีมากๆ เพราะมันไม่แพงซะด้วย
โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่
28/12/2009 03:10:24
ความคิดเห็นที่ 14
ถ้าแยกแยะได้ว่า เป็น รถ คน หรือ สัตว์ ก็น่าสนใจครับ
แต่ผมกลัวเรื่อง False-Positive คือ เครื่องจะ ALARM ทั้งวัน ทั้งคืน
เพราะผมเห็นจุดที่เค้าฝั่งระเบิดหลายครั้ง ไม่ห่างจากบ้านเรือนประชาชน เลย ผมเลยเดาเอาว่า ถ้าอยู่้ใกล้ชุมชน คงมีการสัญจรกันบ่อยครั้ง ยิ่งทางใต้ มีการกรีดยางกันตอนเช้ามืดมากๆ ส่วนกลางวันคนก็สัญจรเดินทาง
แต่ก็ถือว่าเป็นแนวคิดที่ดีครับ อย่างน้อย เราก็อาจจะไปฝั่งบางจุดที่อยู่ห่างไกล และ ไม่สามารถ เอาคนไปวางไว้ได้บ่อย เพื่อที่จะบีบ ให้ ผู้ก่อการร้าย ให้มาเล่นใน พื้นที่ที่ฝ่ายเราคงความได้เปรียบครับ
โดยคุณ
CoffeeMix 
เมื่อวันที่
28/12/2009 03:15:10
ความคิดเห็นที่ 15
คุณ
Puriku มีรายละเอียดมากกว่านี้ไหมครับ มีลิงค์ไหมครับ
ผมสนับสนุนโครงการนี้มากๆ เลยครับ ปัญหาทางภาคใต้ต้้องใช้เวลาการแก้ไขอีกนาน
หากมีการตรวจจับ เฝ้าระวังที่ดี ย่้อมป้องกันการสูญเสียไประดับหนึ่งแล้ว
วันสุดท้ายของลมหายใจ ผมก็อยากเห็นดินแดนปลายด้ามขวานเราสงบสุขครับ
โดยคุณ
Ronin 
เมื่อวันที่
28/12/2009 03:16:34
ความคิดเห็นที่ 16
ระบบของอเมริกาในสงครามเวียดนามชื่อว่า "The Igloo White System"
ศูนย์ command and control center(ISC) ตั้งอยู่ใน จว. นครพนม บ้านเรานี่เอง
รายละเีอียดเพิ่มเติม
http://thefutureofthings.com/column/6369/igloo-white-the-automated-battlefield.html
จริงๆ กองทัพไทยน่าจะศึกษาระบบนี้ และพัฒนาจริงๆ จังๆ มาใช้ในภาคใต้ครับ ผมว่าคนไทยสร้างระบบนี้เองได้ครับ
ตัว sensor ที่ขายกันในตลาดกันใน alibaba.com ตัวล่ะ 2-4 เหรียญเอง
เด็กไทยเก่งน่ะครับ สร้างพวกนี้เองได้อยู่แล้ว
เราสร้างศูนย์ ISC เองได้ สมัยก่อนอเมริกาใช้คอม 2 ตัวรุ่น IBM 360/Model 65 ในการประมวลผล สมัยนี้คอมพัฒนาไปไกลมากแล้วครับ (ขนาด ทอ. อเมริกา ยังซื้อ X-Box เอาไปประมวลผลระบบแยกเครื่องบินของเขาเลย)
ระบบอเมริกาให้ความสำคัญไว้มี 4 ส่วน
1. The Eyes (ระบบ sensor สงครามเวียดนาม เพืื่อนเราวางแผนจะทิ้งไป 20,000 กว่าตัว ต้องเปลี่ยนแบตทุก 60-160 วัน)
2. The Nerves (ตัวต่อระยะ ใช้ลูกโป่งลอยฟ้าก็ได้ ที่เราซื้อมา น้องบอลลูนไงครับ )
3. The Brain (ศูนย์ ISC น่าจะรวมศูนย์กับกล้องวีดีโอทั้ง 3 จว เป็นศูนย์เดียว)
4. The Shooters ไม่ต้องส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดเหมือนเพื่อนเราก็ได้ แค่จัดหน่วยรบพิเศษพร้อม ฮ. ก็พอ
ผิดพลาดประการใด ขอ อภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
โดยคุณ
Ronin 
เมื่อวันที่
28/12/2009 05:48:32
ความคิดเห็นที่ 17
โดยคุณ
Ronin 
เมื่อวันที่
28/12/2009 05:59:32
ความคิดเห็นที่ 18
ตอนสงครามอิรัก อเมริกาใช้อุปกรณ์ของบ. นี้
http://www.sentech-acoustic.com/Page5.htm
ในการหารถปล่อยจรวดสกั๊ดครับ
ที่ผมยกตัวอย่างให้ดูอยากให้กองทัพ เอาไปดัดแปลงใช้งานดูครับ
การวาง sensor ไม่จำเป็นต้องวางที่ป่าเขา หรือ ริมถนน
สงสัยใคร ก็วางหน้่าบ้านเลยทั้ง 4 ด้านหรือ เป้าหมายสำคัญๆ
เทคโนโลยีเรื่องนี้ไม่ยากครับ เมลล์ไปที่ บ. เขาเลย เขาก็วิ่งมาเสนอแล้วครับ
บอลลูนเราก็ซื้อ รับพิจารณาเทคโนโลยีด้านนี้ไว้ด้วยน่ะครับ
โดยคุณ
Ronin 
เมื่อวันที่
28/12/2009 06:13:07
ความคิดเห็นที่ 19
ทุกครั้งที่มีการ ปิดล้อม ตรวจค้น แล้วเจอตัว ผลที่ตามคือการปะทะ และผลสุดท้าย คือ ฝ่ายตรงข้ามจะสูญเสียตลอด ตรงนี้ชี้ให้เห็นถึง ฝ่ายตรงข้ามถูกสอนมาให้สู้ตาย ไม่ให้ยอมจำนนต่อเจ้าหน้าที่ และ ขีดความสามารถในการปะทะกันซึ่งๆหน้า ของฝ่ายตรงข้ามต่ำ
ประเด็นดังกล่าวจะชี้ที่ กระบวนการ การค้นหาและกำหนดเป้าหมายครับ เป็นกระบวนการที่สำคัญ เพราะถ้าเรากำหนดเป้าหมายได้ เราได้ชัยตลอด ซึ่งกระบวนการดังกล่าวเป็นสิ่งที่พูดง่าย แต่ ทำยาก ครับ ตัวหลักสำคัญ ของกระบวนการณ์ดังกล่าวคือ งานด้านการข่าวครับ(ทั้งข่าวลับ และ ข่าวเปิด)
ดังนั้นส่วนตัวเชื่อว่า งานด้านการข่าว เป็นงานเชิงรุก ที่สำคัญ ครับ กดดันให้ฝ่ายตรงข้ามเอาเวลาไปคิดหนี ดีกว่า ปล่อยให้เอาเวลามาคิดกระทำต่อฝ่ายเรา
ตัวเซ็นเซอร์ ที่กล่าวมา ดังกล่าว ถ้ามีขีดความสามารถสูงจริง ถ้าได้มา ก็ช่วยได้มาก อย่างน้อย ก็เป็นการกดดันฝ่ายตรงข้าม ทั้ง จิตวิทยา และ การปฏิบัติ ตัว X-Ray ถนน ถ้าทำได้จริง ราคาไม่แพงเว่อ ก็อาจจะเป็นเครื่องมือ ช่วยอีกทางหนึ่ง ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ช่วยลดเปอร์เซ็นต์เกณฑ์เสี่ยง ติดตั้งกับรถ REVA ครับ สำหรับภารกิจ ลาดตระเวณเส้นทาง แต่ตัวเซ็นต์เซอร์ การสั่นสะเทือน อาจจะยากสักหน่อย เพราะพื้นที่ส่วนมากคือ สวนยาง ครับ ชาวบ้านเคลื่อนไหวตลอด เพราะต้องเข้าไปกรีดยาง
มีอีกหนึ่งอย่าง ที่สามารถช่วยได้เช่นกัน คือ การพัฒนาด้านอุปกรณ์สำหรับ รบกลางคืน ทั้งในการเล็งยิง และตรวจการณ์ประจำบุคคลและยานพาหนะ
สำหรับถนนนั้น มีอีกหนึ่งอย่างที่ส่วนตัวเชื่อว่า ช่วยได้ คือ การปรับภูมิทัศน์สองข้างทางให้ง่ายในการเดินตรวจ และตรวจการณ์ครับ เพราะองค์ประกอบสำคัญในการใช้วิธี ระเบิดยานยนต์และซุ่มโจมตีซ้ำนั้น จะต้องมีพื้นที่สำหรับสุ่มซ่อน คนที่จะใช้ในการชาร์จครับ ถ้าเราทำลาย ตรงนี้ ก็จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามเลือกปฏิบัติได้ยากขึ้น เช่น การพัฒนาระบบการคมนาคม โดยการขยายถนน หรือ อะไรก็แล้วแต่ แต่เมนหลักคือ การถากทาง สองข้างทางให้โล่ง
แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่า การเข้าใจสภาพสนามรบ ของตนเอง เพราะแต่ละพื้นที่ไม่เหมือนกัน สนามรบตรงนี้ ไม่ใช่แค่ ด้านการใช้กำลังอย่างเดียว มันยังรวมไปถึง การเมืองท้องถิ่น และผลประโยชน์ในพื้นที่ด้วย และเลือกใช้ยุทธวิธี ทั้งในแบบและนอกแบบ ให้เหมาะสมครับ ตรงนี้สำคัญมากครับ รวมถึงการพัฒนาด้านทรัพยากรณ์บุคคลของตัวหน่วยเองด้วยครับ
โดยคุณ
FW190 
เมื่อวันที่
28/12/2009 08:00:29
ความคิดเห็นที่ 20
ไอเดียของท่าน FW190 ผมว่าเข้าท่านะ เช่นเรื่องการถากสองข้างทางให้โล่ง ปรับภูมิทัศน์ให้ยากแก่การปฎิบัติการ น่าจะใช้งบประมาณน้อยกว่ามาก และน่าจะทำให้การซุ่มโจมตีและวางระเบิดทำได้ยาก
อีกอย่างที่แนะนำคือกล้องวงจรปิดครับ ทำการติดตั้งในเขตเมืองเพื่อป้องกันการทำคาร์บอมบ์ ส่วนเขตชานเมืองที่ยังไม่เจริญนั้น ผมว่าน่าจะเป็นการ "แอบติดตั้ง" กล้องและอุปกรณ์ตรวจจับที่สามารถซ่อนไว้ตามต้นไม้ข้างทางโดยสังเกตุได้ยากครับ
ส่วนอุปกรณ์ที่ท่านวมต.เสนอ ก็น่าสนใจอย่างยิ่ง "ถ้า" มันสามารถแยกแยะได้ว่าคนหรือสัตว์กำลังเคลื่อนที่ในภูมิประเทศ อุปกรณ์แบบนี้น่าจะใช้ในพื้นที่ป่าห่างไกลชมชนมากๆและไม่ค่อยมีคนเข้าไปในพื้นที่
และที่สำคัญหน่วย Shooter ต้องมีฮ.ขนาดเล็กสำหรับส่งหน่วยปฎิบัติการขนาดเล็กเข้าไปตรวจดูได้ทันที โดยมีอำนาจการยิงของฮ.สนับสนุน เท่านี้ก็กดดันสภาพจิตใจอีกฝ่ายในการลอบปฎิบัติการได้อย่างมาก เพราะมีความเสี่ยงที่จะถูกตรวจจับได้และถูกตอบโต้ทันที
สุดท้ายเห็นด้วยกับท่าน FW-190 ว่าเราต้องเป็นฝ่ายรุกก่อน เพราะจะทำให้ฝ่ายโน้นไม่มีเวลาคิดวิธีเล่นงานเรา เพราะจะต้องมานั่งคิดรักษาตัวรอดกันอย่างเดียว เพราะดูจากข่าว....ทุกครั้งที่มีการตรวจค้นอย่างเข้มงวดและมีการปะทะกัน เราชนะ 100 ทั้ง 100 และสามารถขยายผลในการจับกุมได้ทุกครั้ง แต่งานด้านการข่าวนี่ก็ยากจริงๆโดยเฉพาะในพื้นที่สีแดง
โดยคุณ neosiamese เมื่อวันที่
28/12/2009 10:20:29
ความคิดเห็นที่ 21
ผมไม่อยากพูดนะ มันผิดตั้งแต่ยุทธศาสตร์แล้ว งานแบบนี้เครื่องมือไม่มีผลหรอกบอกตรงๆ เอาทหารไปเฝ้าหมู่บ้านไว้โดยเฉพาะหมู่บ้านที่เป็นฝ่ายเรา กับวางกำลังรักษาเส้นทางหมุนเวียนเป็นจุดๆในระยะที่สายตาเห็นพร้อมกล้องกลางคืน กับตั้งฐานย่อยกระจายๆไปให้ครอบคลุม แล้วค่อยขยายเข้าไปเขตสีแดง ทำได้ก็จบ รถลาดตระเวณเอาแค่วิ่งส่งเสบียงพอแล้ว หน่วย ปจว ก็เข้าไปข่วยขาวบ้านทำมาหากิน ไปรับซื้อพืชผลออกมาขายที่หาดใหญ่หรือ อตก ซะ ทำได้ก็จบ ทหารส่งลงไปจะเป็นแสนแล้วมั้ง ทำไมไม่ทำ เอาแต่ออกลาดตะเวณจบวันเข้าไปนอนในค่าย มันถึงเป็นแบบนี้ไง ปัญหาจริงๆส่วนหนึ่ง คนในพื้นที่น่ะขายที่ไปตะวันออกกลางจนจะหมดแล้ว ที่ไปอยู่ในมือคนรวยซึ่งมักเป็นจีนพุทธในพื้นที่หมด พอมีแกนนำออกมายุว่าแบ่งแยกไปก็จะได้ที่ดินคืนมาคนก็เข้าไปร่วมยิ่งบอกว่าเคยเป็นคนละประเทศคนละศาสนาด้วยยิ่งยุ่ง คงต้องมีการปฎิรูปที่ดินเพิ่มด้วย
โดยคุณ vmbn เมื่อวันที่
28/12/2009 09:37:38
ความคิดเห็นที่ 22
เคยเห็นรถตัดหญ้าของกรมทางหลวงไหมครับ นั่นแหละ ดายให้ราบ
หน้าฝน หญ้าขึ้นเร็ว ให้ซ้ำด้วยกรัมม็อกโซน
น่าจะลดโอกาสในการวางนะ
โดยคุณ
x.engineer 
เมื่อวันที่
28/12/2009 11:45:20
ความคิดเห็นที่ 23
ตอบคุณ vmbn ครับ ถ้าวิธีตามที่คุณว่านั้นนะ เราทำกันอยู่ครับ และทำจนถึงการเอากำลังเข้าไปวางในไข่แดง คือ หมู่บ้านแดง ตามที่คุณว่าครับ
และปัจจุบัน เราก็เน้นหนักที่ การเดินเท้า ลาดตระเวณจรยุทธ์(ซึ่งก็คงไม่ใช่ ไปเช้าเย็นกลับมานอน แบบที่คุณบอกครับ) และรถก็ใช้งานน้อย แต่ไม่ใช่ไม่ใช้เลย เพราะเป็นไปไม่ได้ เพราะมีบางครั้งด้วยข้อจำกัดด้านเวลากับภารกิจที่มี มันก็จำต้องใช้รถครับ ซึ่งเกณฑ์เสี่ยงมันก็ต้องยอมรับกันไป(ลดได้ด้วย การใช้งานทางยุทธวิธี) แต่ถ้าเลือกได้ ก็จะวิ่งเฉพาะส่งเสบียงอย่างที่คุณว่านั้นแหละครับ
เรื่องเข้าไปช่วยชาวบ้านทำมาหากินนั้น นะ เราทำ แต่ไม่ใช่ในวิธีที่คุณว่าครับ มันมีวิธีที่แยบยลกว่านั้นเยอะ และความจริงถ้าพูดกันเรื่องนี้โดยเฉพาะละก็ เรื่องยาวครับ
การกระจายฐานย่อย นั้น มีทั้งข้อดีและไม่ดี ข้อเสียสำคัญของการกระจายฐานย่อยเยอะเกินไปคือ จะทำให้เสียกำลังพลที่ต้องเข้าเวรเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง โดยเปล่าประโยชน์ เอากำลังที่ต้องเข้าเวรนั้น จัดชุด เดินเข้าหมู่บ้าน ยังจะดีกว่า แต่ข้อดีก็มี คือ เรื่องของการสร้างภาพเชิงจิตวิทยาในพื้นที่นั้นๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องดูภูมิประเทศของพื้นที่รับผิดชอบด้วย ไม่ใช่ เอะอะ จะขยายฐาน ก็ต้องเอาที่จำเป็น ที่เหลือค่อยเสริมด้วยวิธีการอื่น
ภารกิจประจำวันจริงๆ ไม่ใช่มีแค่ ลาดตระเวณ อย่างเดียว อย่างที่คุณเข้าใจครับ มีงานอีกหลายอย่างมากกว่าที่คุณคิดเยอะครับ
สรุปสุดท้ายแล้ว สำคัญที่สุด คือ ต้องอ่านเกมส์ของสนามรบ หรือพูดง่ายๆพื้นที่รับผิดชอบของตัวเองให้ออก เพราะมันไม่ใช่แค่การใช้กำลัง วางแผนการรบด้วยมิติทางทหารอย่างเดียว
การเมืองท้องถิ่น ผลประโยชน์ในพื้นที่ ฯลฯ ก็สำคัญ
โดยคุณ
FW190 
เมื่อวันที่
28/12/2009 14:47:54
ความคิดเห็นที่ 24
แล้วใงครับ ลาดตระเวณๆๆๆๆๆ ทำโน่นทำนี่เยอะแยะ แล้วมันก็ตายทุกวัน ยุทธศาตร์ลาดตระเวณๆ ปจว หาข่าว 5-10 ปี คุณก็ลาดตะเวณ ปจว หาข่าว ถ้าคุณบอกว่าทำกันเยอะแล้วยังตายรายวันแบบนี้ มาเป็นปีๆ คุณก็เลิกทำได้แล้ว เพราะมันผิด มันไม่ได้ผล การรบแบบนี้หัวใจสำคัญคือต้องรักษาคนของเรา คือ สีขาวต้องรอด ผมบอกให้ไปนอนเฝ้า ไม่ใช่ไปเดิน ต้องเฝ้าด้วยคนในระยะสายตา ไม่ใช่กล้อง กล้องกว่าคนจะไปถึงมันก็หายไปแล้ว วางกำลังจุดละ 3 คน กระจายไปตามถนน หมู่บ้าน ในเมือง ในระยะสายตาเห็น จุดต่อจุด ไครไปไครมาต้องดู รายงาน มีชุดติดตามเฝ้าดูห่างๆ ถ้าสงสัยเป็นแนวร่วม หรือไม่ชอบมาพากลถ้าเห็น ถ่ายรูปได้ ก็หิ้วไปสอบซะ ต้องปิดเมืองตรวจ การตรวจค้นต้องละเอียดแบบตรวจทุกคน ไม่ใช่ตรวจเมื่อสงสัย เขตสีแดง น่ะค้นวันเว้นวัน และรักษาความสงบในเขตให้ได้
แบบที่คุณทำกันวันนี้น่ะมันก็เหมือนเวียดนามเมื่อ 30 ปีก่อนนั่นแหละ มองดูดีๆ ก็ออก ถ้าไม่เลิก ไม่จบหรอก ผมถึงบอกว่ามันผิดตั้งแต่ยุทธศาสตร์แล้ว
ฐานน่ะ เอาท่อ CEMENT ใหญ่ๆไปวางเอาดินกลบก็พอแล้วก็เปลี่ยนๆกันไปเฝ้า
นี่เป็นส่วนงานทางทหารนะ ผมจบแค่นี้แหละ
โดยคุณ vmbn เมื่อวันที่
28/12/2009 20:45:00
ความคิดเห็นที่ 25
นิดนึงคุณบอกว่าเฝ้า 24 ชั่วโมงมันเปล่าประโยชน์ นั่นละประโยชน์มหาศาล คุณกดดันไม่ให้เขาเข้าทำตลอดเวลา ตลอดเส้นทาง ตลอดหมู่บ้าน ตลอดเมือง คนที่ลงมือจะถูกกดดันให้ทำงานไม่ได้ เพราะเขาแฝงเป็นคนธรรมดา เมื่อมีคนมองคนเฝ้า จากที่แอบไปขุดวาง ลอบยิงแล้วหนี ก็ทำไม่ได้เพราะมีคนเฝ้าไว้ การรบจะเปลี่ยนเป็นซุ่มโจมตี จุดเฝ้าระวังแทน ซึ่งง่ายต่อการจัดการกว่ากันเยอะ
โดยคุณ vmbn เมื่อวันที่
28/12/2009 20:51:31
ความคิดเห็นที่ 26
หุหุ เช่นกัน ค้างไว้ก่อน เดี๋ยวมาตอบครับ
ตอนนี้สั้นๆว่า ผมอ่านแล้วรู้สึกขำๆ
อืมม ผมชักสนใจแล้วละสิครับคุณ vmbn ท่าทางผมคงต้องขอความรู้จากคุณเพื่อแนะนำผมหน่อยแล้วละครับ เพื่อชีวิตของผมและลูกน้องตาดำๆทุกคน เผื่อมีแนวทางที่จะทำให้รอดบ้าง
ไหนๆก็ไหนๆ แล้วถ้าคุณบอกว่า สิ่งที่พวกผมกระทำมันผิด
ผมขออนุญาตให้คุณ vmbn เสนอในแนวทางที่ถูก ตามแนวความคิดของคุณ
ทั้งหลักนโยบาย คือ ยุทธศาสตร์
และหลักทางยุทธวิธี คือ เขียนคำสั่งยุทธการระดับกองร้อยเป็นตัวอย่างให้ผมหน่อย
ข้อมูลพื้นฐาน
พื้นที่รับผิดชอบ กว้างประมาณ 20 กม. ยาวประมาณ 40 กม
มีประชากรประมาณ 5000 คน
พื้นที่ส่วนใหญ่คือป่าภูเขา พื้นที่ย่านกลางเป็นแหล่งชุมชน ถนนหลัก 3 เส้น เส้นย่อยประมาณ 15 แหล่งชุมชนขนาดใหญ่ 1 แห่ง
1 สำนักสงฆ์ 10 มัสยิด 10 โรงเรียนตาดีกา 7 โรงเรียนสามัญ
คนมีทั้งหมด ยอดเต็ม 168 แต่ถ้าตัดกำลังพลที่พัก จะมียอดเหลือ ประมาณ 120 คนที่ทำงานจริง
เอาแค่นี้แหละ รายระเอียดอื่น คงไม่จำเป็น เพราะคงยาวกว่านี้
อันนี้ยังถือว่า พื้นที่เล็ก บางหน่วยรับ ใหญ่กว่า 2-3 เท่า
เอาตามแนวทางของคุณนะครับ
เผื่อจะช่วยพวกผมได้บ้าง
โดยคุณ
FW190 
เมื่อวันที่
28/12/2009 21:22:44
ความคิดเห็นที่ 27
ต้องเอาแผนที่มากางคุยกัน ลองเอามาดู น่าจะให้คำตอบได้ แต่คนน้อยไปหน่อยนะ
โดยคุณ vmbn เมื่อวันที่
29/12/2009 05:37:14
ความคิดเห็นที่ 28
vmbn คนที่เค้าต้องเสี่ยงตายเพื่อคนอื่นได้อยู่สุขสบาย กรุณาใช้คำพูดในเชิงให้กำลังใจจะดีกว่ามั้ยครับ ผมว่าไม่สมควรจะมาแสดงออกแบบติโน่นตินี่ในเชิงดูหมิ่นดูแคลนเช่นนี้ ผมว่าทหารที่เค้าอยู่ในพื้นที่ย่อมที่จะทราบปัญหาในเชิงลึกได้ดีกว่าคุณน่ะครับ
โดยคุณ santik เมื่อวันที่
29/12/2009 07:28:25
ความคิดเห็นที่ 29
บางทีคำพูดบ่งบอกถึงหน้าที่การงานและตำแหน่งได้เหมือนกันน่ะครับ
คนธรรมดาคงไม่กล้าพูดตรงๆ
โดยคุณ
Ronin 
เมื่อวันที่
29/12/2009 08:27:21
ความคิดเห็นที่ 30
โดยคุณ
ลมหมุนวน 
เมื่อวันที่
29/12/2009 12:55:44
ความคิดเห็นที่ 31
อ้อ ลิงค์ผมก็ไม่รู้จะหาที่ไหนเหมือนกันครับ เพราะไม่รู้ว่าทางเนคเทคเขาให้เผยแผ่รึยัง -*-
โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่
29/12/2009 14:43:54
ความคิดเห็นที่ 32
ที่ทราบมาเพราะมีวงในพรายกระซิบอะครับ ไอ้เจ้าตัวองค์กรนี้ความลับเขาเยอะ แต่ว่าไอเดียแต่ละโปรเจคของเขามันก็แจ่มจริงๆ (ถ้าผู้ใหญ่เห็นคุณค่านะ)
โดยคุณ Puriku เมื่อวันที่
29/12/2009 14:48:06
ความคิดเห็นที่ 33
ว่าแล้วว่า คุณ vmbn ต้องเกี่ยวข้อง หรือ อย่างน้อยต้องเคยเป็นทหารแน่ๆ
เพราะถ้าฟังจากคำตอบแล้ว น่าจะใช่
เพราะถ้าคนทราบจะรู้ว่า แค่ข้อมูลที่ผมให้นะ ไม่เพียงพอต่อการวางแผนได้หรอกครับ
ทุกความคิดเห็นที่ขัดแย้ง แต่แย้งกันด้วยข้อเท็จจริงและเหตุผล ตรงนี้ผมชอบครับ(ยิ่งถ้าไม่มีชั้นยศ มาค้ำคอด้วยแล้วยิ่งดี หุหุ) เพราะสุดท้าย มันก็คือการแชร์กัน
"ต่างสนามรบ ต่างวิธีการ" บทเรียนจากสนามรบหนึ่ง สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า ทั้งหมด
ตอนนี้ ถ้าว่ากันที่งานด้านมวลชนนั้น พื้นเพของวัฒนธรรม สังคม และอุปนิสัย ของบุคคลในพื้นที่เป้าหมาย เป็นสิ่งสำคัญ เพราะถ้านำมาใช้ไม่ดี มันจะเป็นดาบสองคม หรือ ดาบที่ไม่มีคม ไปเลย
เรื่องจำนวนคนนั้น หุหุ (ถ้าคนในน่าจะทราบดีครับ หุหุ)
สุดท้าย ความจริง เป็นสิ่งที่ต้องยอมรับ และ แก้ไข เพราะถ้าไม่ นั้นคือ การหลอกตัวเอง
โดยคุณ
FW190 
เมื่อวันที่
30/12/2009 05:09:11
ความคิดเห็นที่ 34
โดยคุณ
terdkiet 
เมื่อวันที่
31/12/2009 05:10:47
ความคิดเห็นที่ 35
ผมคุยเท่าที่คุยได้แบบเปิดเผย เพราะนี่บอร์ดสาธารณะ เลยไม่ควรพูดละเอียดนัก หลายๆคนอาจไม่ชอบที่ผมพูดนัก ที่ผมตำหนิ คือระดับยุทธการ
ไม่ใช่ระดับปฎิบัติงาน ผู้ปฎิบัติงานนั้นน่าสงสารจริงๆ
และการที่ผมพูดรุนแรงขนาดนี้เพื่อดึงคนวงในออกมาเอาแนวคิดไปปรับใช้ ไม่ใช่ๆพูดๆกันแล้วหายไปแบบที่เป็นมา เพราะผมคือคนวงนอกที่คอยเฝ้าดู
เอาล่ะผมจะพูดกว้างๆดังนี้
ปัญหาภาคไต้ต้องเข้าใจว่ามันเป็นการแย่งชิงอำนาจรัฐอย่างแท้จริงไม่ใช่การก่อการร้าย
ทุกวันนี้เราเสียพื้นที่ทางจินตภาพไปมากกว่าครึ่งซึ่งยากที่จะขอความร่วม มือจากคนในพื้นที่ได้
ถ้าสูญเสียหมดการเสียดินแดนจริงๆจะเกิดขึ้นวันใหนก็ได้ ซึ่งต้องแก้ใขทันทีด้วยการเร่งสร้างอำนาจรัฐขึ้นมาใหม่
คำว่าอำนาจรัฐจะเกิดขึ้นได้ต้องมี
1. ปกป้อง
2. ปกครอง
เราทำงานกันในส่วนที่เรียกว่าการป้องกันอำนาจรัฐกันอยู่ คือ
การป้องกัน และ ปราบปราม
ซึ่งการจะได้มวลชนต้องทำงานส่วนที่ 1 ให้ดี ให้คนใช้ชีวิตได้อย่างปรกติสุขให้ได้เสียก่อน
การที่ได้พูดไปคือการที่กระตุก ว่าต้องย้อนกลับไปทำงานในส่วนที่ 1 ให้เสร็จก่อน
ต้องเข้าใจว่าปัจุบันกลุ่มงานเหล่านี้กระจายไปทั่วเหมือนจุดดำบนผืนผ้าใบ
และแยกแยะยากเพราะปนกันกับชาวบ้านการทำงานแบบนายพรานดังที่เป็นอยู่จึงใช้ไม่ได้ในตอนนี้
การทำงานต้องทำแบบหมาเฝ้าแกะ ซึ่งได้พูดไปแล้วข้างบน
ซึ่งปัญหามันหนักขนาดนี้ กองทัพต้องทุ่มเทกำลังคน ทรัพยากรณ์ลงไป
เนื่องจากการแฝงตัวของผู้ก่อการจึงจำเป็นต้องกดการทำงานด้วยการเฝ้าอย่างไกล้ชิดตลอดเวลา และตรวจอย่างเข้มงวดในเบื้องแรกเพื่อแยกคน
และสกัดอาวุธให้ได้ในเขตปกครองของเราซะก่อน ที่บอกว่าเครื่องมือไม่ใช่ทางออกของปัญหา เพราะงานแบบนี้เครื่องมือมันช่วย
ให้งานมันง่ายแต่มันไม่ได้ช่วยให้ปัญหามันจบ ต้องกดไม่ให้ลงมือ ตัดยุทธปัจจัย แล้วการก่อเหตุจะค่อยๆหายไป คนจะกลับมา
และการใล่ล่า ขยายเขตจะง่ายขึ้น การมีเครื่องมือเฝ้ากับการมีคนเฝ้ามันต่างกัน ตรงที่มันโต้ตอบ จัดการได้ทันทีก่อนที่จะหายไป
โดยคุณ vmbn เมื่อวันที่
01/01/2010 01:13:29
ความคิดเห็นที่ 36
เป็นกำลังใจให้ครับพี่หมวด ผู้การ(vmbn)ก็เบาๆหน่อย คนกันเองทั่งนั้น หนึ่งในสายตาที่จ่องหน้าจออาจเป็น เสธฯ หรือ ฝอ.ก็ได้ ไม่ก็ขจก.เลย หน่วยข่าวหน้าจอชักเยอะ หาข่าวง่าย ได้ข่าวเร็ว ไม่เปลืองค่าน้ำมันรถลง ปจว. ระวังด้วย เพื่อนผมเป็นทหารมาเลย์ กะจีน มันอ่านเขียนไทย อย่างครูเลย ลืมไอ้โปร์เหมือนกัน ระวังด้วยเจ้านาย
โดยคุณ
makropolo 
เมื่อวันที่
04/01/2010 01:20:48
ความคิดเห็นที่ 37
การกระทำแบบ หมาเฝ้าแกะนั้น เป็นสิ่งที่ส่วนตัวเชื่อว่า ทุกคนอยากทำ
แต่ปัญหาสำคัญคือ กำลังคนที่มีและอยู่ในมือจริงๆนั้น เมื่อเทียบกับพื้นที่รับผิดชอบแล้ว มันช่างห่างไกล จากหลักการการวางกำลังในสงครามตามแบบ
ดังนั้นถ้าในเรื่องการใช้กำลังคนจึงทำได้เพียง จัดตามพื้นที่เพ่งเล็ง และความเร่งด่วน ส่วนที่เหลือเสริมด้วย เครื่องมือหรือวิธีการอื่น
ก่อนอื่นเราต้องมามองก่อนว่า รูปแบบการสงครามแย้งชิงมวลชนนั้น ไม่ได้พึ่งจะมีที่ จชต. เป็นครั้งแรก
ถ้าใกล้ที่สุดก็คือ สงครามความขัดแย้งด้านลัทธิการปกครอง หรือส่งครามปราบปราม ผกค.
ซึ่งตอนแรกเราก็ใช้กำลังทหารเข้าแก้ด้วยวิธีการทางทหาร แต่พอทำไปทำให้รู้ว่า ยิ่งปราบ ยิ่งเพิ่ม
จึงปรับเปลี่ยนวิธีการใหม่ ด้วย การเริ่มการใช้งานด้านมวลชนเข้ามา
ตรงนี้ เป็นความสำเร็จในอดีตที่เราเคยได้ทำ
และเช่น กัน หลักของขบวนการ ที่เกิดในภาคใต้นั้น ส่วนหนึ่งฝ่ายตรงข้ามก็พัฒนามาจากหลักของ เหมาเจ๋อตุง
แต่สนามรบทั้งสอง(ในอดีต กับปัจจุบัน) นั้นมีความแตกต่างกันอยู่ และเป็นจุดสำคัญ
ในอดีต ผกค. เคลื่อนไหวอยู่ในป่า ดึงมวลชนจากหมู่บ้านในป่าที่ห่างไกลอำนาจรัฐ ตามหลัก ป่าล้อมเมือง
ดังนั้น หน้างานของ กำลังทหารที่เข้าปฏิบัติการในพื้นที่ จึงมีเพียงไม่กี่ด้าน เริ่มแรกก็มีเพียงหน้าเดียว แต่หลังจากนั้นก็เริ่มมีงานหน้าด้าน มวลชนเข้ามา เช่น ออก ลว. แล้วเข้าช่วย
ชาวบ้านทำไร่ทำนา พบปะพูดคุย
แต่สำหรับใน จชต. รูปแบบเปลี่ยนไป จาก ป่าล้อมเมือง กลายเป็น เข้ามารบในเขตเมืองแทน ส่วนเขตป่า เป็นพื้นที่สนับสนุน เช่น การฝึก กำลังใหม่ๆ
ดังนั้น เมื่อฝ่ายตรงข้ามย้ายสนามรบเข้ามาสู่เขตเมือง และ ผสมเข้ากับหลักการยุทธ์แบบการก่อการร้ายในเขตเมือง จึงทำให้ฝ่ายเราต้องมีปัญหาให้แก้มากมาย กว่าการรบตามแบบและนอกแบบดังเช่นในอดีต
เมื่อสนามรบ เป็นเช่นนี้ ดังนั้น สิ่งที่ตามมาคือ งานที่เพิ่มมิติ เข้ามา มีหลากหลายด้านมากขึ้น ฯลฯ แต่ตัวคนที่เข้าปฏิบัติมีเท่าเดิม หรือน้อยกว่า
งานด้านมวลชนนั้น แต่เดิม ประชาชนเป้าหมายในพื้นที่ปฏิบัติการ ถึงมีความแตกต่างด้านความเชื่อในลัทธิการปกครอง แต่สิ่งที่ยังเหมือนกันคือ ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม ซึ่งตรงนี้จะเป็นตัวที่รวมกัน
แล้วออกมาที่ "นิสัย"
แต่ ประชาชนเป้าหมายในพื้นที่ปฏิบัติการปัจจุบันนั้น ส่วนหนึ่ง คือ เป็นการต่อสู้ ในเรื่อง ความคิด ความเชื่อ เช่นเดิม แต่ที่แตกต่างคือ เป็นการต่อสู้ในเรื่องความคิดความเชื่อ เรื่อง ขนบธรรมเนียม ประเพณี วัฒนธรรม
ฯลฯ หรือจะพูดง่ายๆ คือ การต่อสู้กับ นิสัยประจำ หรือศัพท์ชาวบ้านคือ คำว่า สันดาน
ดังนั้นแล้ว งานด้านมวลชน ถามว่าเอารูปแบบเดิม มาใช้ได้ไหม ส่วนตัวคิดว่า ในระยะสั้น ใช้ได้ แต่ระยะยาว ต้องเพิ่มวิธีการ หรือแก้ไขปัญหา จากระยะสั้น
การทำงานกับชาวบ้าน ทหารจะติดนิสัย ตรงเอานิสัย ของทหารไปใช้ เช่น การเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ทางทหารแล้ว เราจะปรับวิธีไปตามสถานการณ์ หรือที่เราเรียกกันติดตลกว่า คำสั่งทหารเด็ดขาดแต่เปลี่ยนแปลงได้
แต่ การทำงานกับชาวบ้าน ถ้าเราเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ตอนแรกให้หน่วยในพื้นที่ไปพูดอีกแบบ แต่พอใกล้วันปฏิบัติ ก็เปลี่ยนไปอีกแบบ ซึ่งตรงนี้ หน่วยในพื้นที่จะเผชิญเหตุไปเต็มๆ หรือพูดง่ายๆ ว่า"เสียหมา"
ดังนั้นแล้ว แทนที่จะได้มวลชน มันจะกลายเป็นดาบสองคม คือตรงกันข้าม หรืออย่างเก่งก็คือ เสมอตัว หรือดาบไร้คม
การรักษา เครดิต ของหน่วยปะทะหน้า ในงานด้านมวลชนเป็นสิ่งสำคัญ เพราะชาวบ้านไม่เข้าใจกับคำว่า หน่วยรอง หน่วยเหนือ เข้าใจแต่คำว่า ทหาร
แผนระยะสั้นและระยะยาว ต้องประสานสอดคล้องกัน ไม่ใช่ ระยะสั้นทำแบบนี้แต่ไม่มีระยะยาวมารองรับ สุดท้ายมันก็จะวนลูปไปเรื่อย เช่น จัดอบรม อะไรสักอย่าง แถมเป็นการให้ความหวังกับชาวบ้าน แต่พอจบแล้วไม่มีอะไร
มารองรับ ปล่อยเคว้งควาง ผลคือ หน่วยปะทะหน้า รับไปอีกแล้ว และพอมีแผนจะมารองรับ ให้หน่วยปะทะหน้าไปหาชาวบ้านมาใหม่ มันก็ยากขึ้น เพราะเครดิต ละลายไปแล้ว
ทหารอย่าติด ตรงคำว่า จำนวนยอด เพราะต้องถามตัวเองก่อนว่า จะเอาปริมาณ หรือ คุณภาพ เพราะผลคือ มันจะกลายเป็นการ เกณฑ์ กึ่งบังคับไป
อ่านย้อนอีกที ผมเริ่มพูดมากไปแล้ว ก็อย่าคิดมากครับ มันเป็นข่าวสาร ไม่ใช่ข่าวกรอง เป็นข้อมูล ไม่ใช่ข้อเท็จจริงในทางเอกสาร
สรุปสั้นๆคือ ปัจจุบัน นั้น ส่วนตัวเชื่อว่า กำลังที่อยู่ที่ใต้ เปรียบเหมือน ยักษ์ทศกัณฑ์ ในวรรณกรรม คือ มี สิบหัว ไว้คิด แต่มีเพียง สองมือและสองเท้าให้ปฏิบัติ
หัวคิดพร้อมกันหัวละ 1 ครั้ง ผลคือ ออกมา 10 อย่าง พอสั่งให้ มือ ทำ ทั้งสองมือไม่พอ จึงต้องใช้นิ้วช่วยเขี่ยเพิ่มอีก 10 นิ้ว จากจะต่อย เลยกลายเป็นเอาปลายนิ้วสะกิดเอา
ฝ่ายตรงข้ามแบ่งเขตรับผิดชอบแบบไหน และฝ่ายเราแบ่งอย่างไร ตรงนี้ ต้องลองคิดเล่นๆครับ
การบูรณาการ นั้น มันขัดแย้งกับหลัก ทางหทารในเรื่อง เอกเทศการบังตับบัญชาโดยสิ้นเชิง เปรียบเหมือน 1 กองร้อย มี ผบ.ร้อย 3 คน ต่างคนต่างมี 1มว. เป็นของตัวเอง
แต่กองร้อยนั้นทำงานด้วยกัน มันส์พิลึก ถ้า ผบ ร้อย ทั้ง 3 คน คุยกันรู้เรื่อง มันก็ง่าย แต่ถ้าไม่ ละ มันจะไม่แค่ยาก แต่จะส่งผลลบด้วย คนหนึ่งสั้งให้เข้าตี อีกคนสั่งให้ตั้งรับ อีกคนสั่งให้ร่นถอย โดยต่างคนต่างสั่ง
มว. ในมือของตัวเอง มันคงวุ่นวาย ดีแท้
โดยคุณ
FW190 
เมื่อวันที่
04/01/2010 05:57:28
ความคิดเห็นที่ 38
ผมจำได้ ท่าน vmbn เคยเสนอให้ลดกำลังพล ผมตอบไปแล้วว่า คัดกับการปฏิบัติจริง ในหัวข้อปรับลดกำลังพล แต่หัวข้อนี้ท่านกับเสนอการใช้กำลังพล หมู่บ้าน ตจว.ไม่ใช่หมู่บ้าจัดสรรค์ใน กทม.ครับ ผู้การ มันกว้างใหญ่เป็นกิโล ผมไม่ทราบท่านมีประสพการณ์กับกองทัพอย่างไร ผมมีอดีตการปฏิบัติจริงที่ระแงะ ปัตตานี สงสารประชาชนมาก ละขณะนี้ผู้หมวด Fw190 ก็กะลังทำหน้าที่ใน พท.อยู่ เห็นภาพชัดกว่า คนกรุง ประชาชนใน พท.ในครอบครัวเดียวกัน ก็มีอุดมการณ์ไม่เหมือนกัน แล้วท่านนำการเมือง เรื่องพี่น้องชาวจีนพุทธ มาพาดพิงถึง ท่านต้องการเสนอทางแก้หรือแค่ประชด เป็นกำลังใจให้พี่น้อง ตร.ทหาร ประชาชน ไทยทุกท่านใน พท.สาม จว.ครับ โชคดีปีใหม่ ให้ไม่เจ็บ ไม่จน กลับมาเป็น ผบ.ร้อย ครับผู้หมวด
โดยคุณ
makropolo 
เมื่อวันที่
04/01/2010 07:52:43
ความคิดเห็นที่ 39
รีบ กรอปกับเมา พิมพ์ผิดพิมพ์ถูกขออภัย (เดี๋ยวนี้ผมลงภาพไม่ได้เลย งง)
โดยคุณ
makropolo 
เมื่อวันที่
04/01/2010 07:56:50