สายพานรถยานเกราะ ที่ผลิตโดยบริษัทชัยเสรี ที่ขายไปทั่วโลก 37 ประเทศซื้อไว้หมด ยกเว้นกองทัพไทยที่ไม่ได้ใช้
พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการพัฒนาระบบจรวดหลายลำกล้อง ระหว่างกองทัพบกกับสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) โดยมี พล.ท.เอกชัย วัชระประทีป เจ้ากรมสรรพาวุธ และสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ (องค์การมหาชน) เป็นผู้แทนกองทัพบก และมี พล.ท.ฐิตินันท์ ธัญญสิริ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ ร่วมพิธีลงนาม ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ 7 มกราคม
พล.อ.อภิชาตกล่าวว่า จรวดหลายลำกล้องที่ได้วิจัยพัฒนาได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากมิตรประเทศ สามารถต่อยอดและวิจัยไปได้เร็วขึ้น แต่คงต้องใช้เวลา 1-2 ปี ถึงจะผลิตเข้าประจำการในกองทัพ จากนั้นจะต่อยอดการวิจัยไปสู่อาวุธนำวิถี ขณะเดียวกัน แผนยุทธศาสตร์และแผนแม่บทในการวิจัยพัฒนาอาวุธประเภทอื่น สถาบันจะปรับปรุงให้สอดคล้องกับคณะกรรมการบริหารและนำเข้าสู่การพิจารณาของสภากลาโหมในเดือนมกราคมนี้
"น่าน้อยใจที่ส่วนใหญ่ผู้ใช้จะไม่ค่อยมั่นใจในผลผลิตที่เกิดจากคนไทยด้วยกันเอง อย่างกรณีของบริษัทชัยเสรีหรือเลดี้แท็งค์ ที่ทำสายพานรถยานเกราะขายทั่วโลก 37 ประเทศรับซื้อหมดเว้นประเทศไทย ไปดูงานประเทศไหนในต่างประเทศ รถถังที่เอามาวิ่ง ส่วนหนึ่งของแทร็ค (ตีนตะขาบรถถัง) เขาจะพูดถึงประเทศไทย เป็นความภาคภูมิใจที่มีธงชาติไทยไปประดับอยู่ในงานดีเฟ้นด์ เอ็กซิบิชั่น ที่จัดขึ้นในหลายประเทศ สิ่งที่นำเสนอคือต้องการสร้างความเชื่อมั่นว่า สิ่งที่เราพยายามทำต้องการให้เกิดความเชื่อมั่นเชื่อถือกับคนไทยด้วยกัน" พล.อ.อภิชาต กล่าว
-ขอบคุณ ข้อมูลดีๆ จาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1262870315&grpid=04&catid=01
^^!
สงสัยเหมือนกันครับ...
อยากรู้ว่าไม่ดีตรงไหน
มันเป็นค่านิยมไงครับ ที่มีมาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ปู่ย่าว่าของต่างชาติเลิศหรูกว่า นอกจากนี้การจัดหาอาวุธมูลค่าสูงๆถ้าดันเกิดปัญหาขึ้นมาว่าคุณภาพด้อยเพียงเล็กน้อยและถ้ามันเกิดจากการซื้อของที่ผลิตในนี้ คิดเอาว่าผู้ทำการจัดหาจะโดนอัดขนาดไหน
ถ้ารถเกราะ 4X4 ของชัยเสรีขายที่ต่างประเทศได้จำนวนมากๆขึ้นมา เราคงตั้งคำถามว่าทำไมตอนที่ประกวดแข่งกับ RIVA 4X4 ถึงได้ไปอยู่ท้ายสุดเลย ............ เฮ้อ
คนไทยกับคนลาวนิสัยคล้ายกันอยู่ข้อหนึ่ง ทำไมดูถูกพวกเดียวกันเองจัง
ค่าคอมมิชชั่น ชัวป้าดๆๆๆๆๆ....
ผมคิดว่ารถเกราะ ชัยเสรี ไม่ได้ด้อยไปกว่า เรวา หรอกครับแต่อยู่ที่ว่าท่านบิ๊กๆๆทั้งหลายจะสนับสนุนหรือเปล่า
-เหมาะกับไทย
-ราคาถูก
-อะหลั่ยหาง่าย
-เงินหมุนอยู่ในประเทศ
1.RIVA ออกแบบในเรื่องการกระจายแรงระเบิดจากการระเบิดใต้ท้องรถ อันเป็นเป็นคุณสมบัติหลักเสริมนอกจากจะติดเกราะรอบตัวรถ แต่ชัยเสรีล่ะ จากภาพที่เห็นก็แค่กันกระสุนเท่านั้น ถ้าทำดี ถึงกองทัพไทยไม่ซื้อ ต่างประเทศก็ซื้ออยู่ดี
2.ผมไม่ได้ดูถูกฝีมือคนไทย แต่ถ้าญาติ พี่ น้อง ผมต้องไปเสี่ยงโดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ผมก็อยากให้เค้ารอดกลับมา ไม่ใช่ไปเป็น หนูลองระเบิด
อย่างบริษัท มาร์ซัน ก่อนกองทัพเรือจะสั่งต่อ ซีฟ๊อกซ์ ก็ได้ขายเรือแบบเดียวกันนี้กับ ปากีสถาน ไปก่อนแล้วตั้งหลายลำ ถ้าดีจริง อย่ากลัวที่จะทำ
3.ส่วนเรื่องสายพาน ผมก็เชื่อเป็นการส่วนตัวว่าน่าจะเป็นอย่างที่หลายๆท่านแสดงความคิดเห็นนั่นแหละ
รถถังหรือรถเกราะนี่ผมว่าเราทำเองก็น่าจะดี เพราะมันยังสามารถผิดพลาดได้ไม่เหมือนเครื่องบินที่พลาดแล้วตกเกิดการสูญเสีย รถเกราะเรานำเข้าแต่เพียงปืนก็พอ เพราะไทยเรามีอุตสาหกรรมรถยนต์ที่แข็งแกร่งมาก โรงงานผลิตรถแทรกเตอร์เราก็มี โรงหล่อก็มี เกราะ composite ก็ทำได้ไม่ยากเท่าไหร่แต่ในความเป็นจริงแล้ว ภัยคุกคามรอบบ้านเรา เอาแค่เกราะเหล็กหล่อผสม polymer sheet และชั้น ceramic บวกกับเกราะปฏิกิริยาแบบ เกราะ t90 ก็หรูแล้ว แค่รถถัง หรือรถลำเลียงพลเราทำได้สบายมาก นำเข้าแต่เฉพาะปืนก็พอ คิดว่ารถถัง 1 คันต้นทุนเราไม่น่าจะเกิน 50 ล้านบาท ส่งเสริมอุตสาหรรมป้องกันประเทศด้วย ในวงเงินงบประมาณเท่ากันผมมั่นใจว่าผลิตเองย่อมดีกว่าไปซื้อ m60 เก่าๆ ที่จอดทิ้งไว้มาใช้แน่นอนเพราะเทคโนโลยีเกราะที่ไทยทำได้ในตอนนี้ย่อมเหนือกว่าเกราะเหล็กหล่อที่ผลิตเมื่อเกือบครึ่งศตวรรษที่แล้วแน่นอน หรืออย่างน้อยที่สุดหากจะซื้อmbtใหม่เอี่ยม แต่รถเกราะลำเลียงพลขนาด 10- 20 t น่าจะผลิตเองเพราะไม่ได้ใช้เทคโนโลยีเกราะขั้นสูงซื้อเฉพาะปืน 30 mm busmaster หรือ 40 mm bofors หรือ เกียต ก็ใช้ได้แล้วครับ ในความคิดส่วนตัว ปืน 40 mm นี่เหมาะมากสำหรับรถลำเลียงพล ไม่จำเป็นต้องติดmissile ต่อสู้รถถังอีกให้บำรุงรักษาและเล็งยิงยาก เพราะกระสุนขนาดนี้อัตรายิง 200 นัด/นาที ซึ่ง มีแบบ ชนวนเฉียดระเบิดและมีอัตรายิงเพียงพอที่จะ ยิงฮ. หรืออากาศยานบินระดับต่ำ และ อำนาจการยิงสูงพอจะทำลายที่มัน หรือทำลายยานเกราะด้วยกระสุน apfsds เจอจังๆหน้า หาก รถเกราะเล็งยิงได้ก่อนที่mbt จะหมุนป้อมปืนมาที่ตำแหน่งยิงได้กินเวลา 2.-3 วินาทีระยะ1-2 km. abram ก็ abram เถอะ เจอ กระสุน ชาโบต์ apfsds 40 mm สัก 2-3 วินาที 7-10 นัด(เทียบกับกระสุนdepleet uranium 30 mm จาก เครื่องบิน a10 50 นัด กับกระสุน apfsds 10 นัดapfsds น่าจะมีอำนาจทำลายสูงกว่า) ก็ท่าจะไม่รอดครับ :D
[IMG]http://img97.imageshack.us/img97/654/apfsds.jpg[/img]
[IMG]http://img686.imageshack.us/img686/7249/40mmgiatturret.jpg[/img]
ป้อมปืน 40 mm.ของ giat และ spec.
This turret is designed for fitment to future reconnaissance vehicles and infantry fighting vehicles (in
particular EBRCs and FRESs). The turret demonstrator includes a mechanical structure, the 40 CTA cannon
with its linkless ammunition feed system, a stabilised aiming system, the electrical power, a panoramic
sight, a fire-control system and, when a suitable chassis is used, the gunners station.
The architecture of a remote-controlled turret with the crewmembers in the chassis enables to save weight
and space and, as a result, to enhance the survivability and mobility capabilities.
- 40 mm case telescoped ammunition cannon
(maximum rate of fire 200 rds/min).
- 7.62 mm secondary armament with two racks of
each 800 rounds.
- Electric laying:
. traverse: 360° ; 0.6 rad/s,
. elevation/depression: - 10° to + 45° ; 0.6 rad/s.
- Electrical power at 28 V.
- Stabilised in elevation and traverse.
- 3rd generation panoramic gunners sight.
- 68 ready-use rounds (eg., 51 HE and 17
APFSDS) with automatic loading (loading of the
selected type of ammunition from the first shot).
- First-round hit probability in a three-round burst:
. stationary target 2.3 m x 2.3 m: > 95%,
. moving target 4.6 m x 2.3 m: > 80%.
- Length: 2,160 mm.
- Width: 1,795 mm.
- Height: 538 mm (without panoramic sight).
- Gun-ring diameter: 1,475 mm.
- Weight/protection compromise according to the
customers requirement
[url=http://www.giat-industries.fr/index.php?option=com_content&view=section&layout=categoryblog&id=15&Itemid=90&lang=en]http://www.giat-industries.fr/index.php?option=com_content&view=section&layout=categoryblog&id=15&Itemid=90&lang=en[/url]
กระสุน sabot ความเร็วประมาณ 1500 m/sec
abram ก็ abram เหอะ เจอกะทันหันสมมุติหันข้างให้กว่าจะหันป้อมกลับมาจับเป้าวัดระยะได้ใช้เวสัก 3-5 sec โดน sabot สัก 10 นัดไม่พังก็คงไปไม่เป็นครับ
http://www.army-guide.com/eng/product2430.html
url spec ปืนของ bofors และ giat
http://www.giat-industries.fr/index.php?
ไม่ขอพูดมาก เบื่อกับคำว่าคอมมิชั่น ที่ไหนมีบอกด้วย อยากเอี่ยวด้วย เห็นแต่คนรับเป็นพวกใส่สูทนอกราคาแพงๆมากกว่า ทหารแค่ปลายแถว(การกิน) เป็นข้อมูลที่ถูกต้องของท่าน Xavious กับท่านประธาน Ronin อ่านของสองท่าน เปรียบเหมือนแหวกเมฆาเห็นแสงตะวัน (วลีจาก สามก๊ก) ของไทยดี แต่ต้องเข้ามาตามขั้นตอนเหมือนกัน ไม่งั้นขาดหลักฐากค่าใช้จ่ายในการตลาด (บิลเบิกจ่ายน่ะเข้าใจไหม)ส่วนท่านน่าคิด สมนามท่านมักฝากข้อ ให้คิดเหมือนกันว่า ทำไมต้องอย่างนี้ ทำไมต้องอย่างนั้น เป็น กูรูที่ดีเหมือนกัน ขอบคุณครับ ขอร้องเถิดครับ ข้าราชการ มีคนดีมากกว่าคนเลว ถ้าไม่นับอาวุธ มองไปรอบๆ กทม.หรือ ตลาดหรือกีฬาก็ได้อะไรที่ไทยไม่มี อย่างท่านประธาน Ronin กล่าว
อย่าดูถูกประเทศไทย เรามีดีกว่าที่เห็น
อย่างที่คุณ makropolo พูดและครับ ทหารนะครับ ดีมากกว่า เงินเดือนก็ไม่ได้มากมาย กินอยู่อย่าง พ่อท่านสอน เราทำไหม ไม่คิดหาทางแก้ไขกันละครับ บ้างอย่างเขาอยากได้ยั้งไม่ได้เลย ครับน่าเห็นใจ ไปขวางเขามากก็ โดน อยากให้ตรวจสอบครับ จะได้ช่วยกองทัพที่น้ำท่วมปากด้วยครับ
ค่าคอม ที่ใหนก็มีเหมือนกัน แต่ถ้าคนไทยจ่าย คนไทยรับ คนไทยสร้าง
คนไทยซื้อ เงินก็ไม่ไปไหน (มองในแง้ดี)
กองการสัสดี
อย่าไปคิดมากอะไรเลยครับ กองทัพไม่สนับสนุนเราก็ลองไปเสนอให้กองทัพต่างประเทศประเมินค่าจัดซื้อหาแทนไป ถ้าเขาประเมิณแล้วตรงตามความต้องการของเขาแล้วจัดหาไปใช้งานแล้ว พอมีงานแสดงโชว์อาวุธในประเทศ ก็เอาผลงานที่ต่างประเทศจัดหานั่นแหละมาเปิดโชว์ให้เขาเห็นว่ามีประเทศอื่นเขาอยากได้ของเรา(แต่เราไม่เอาของกันเอง) วันดีคืนดีเกิดมีการซ้อมรบร่วมแล้วประเทศที่มาซ้อมรบด้วยดันหิ้วเจ้าตัวเมดอินไทยแลนด์มาร่วมซ้อมด้วย งานนี้มี ...ม้าน กันบ้างล่ะ
แต่ว่าไป ก็ใช่ว่ากองทัพจะไม่สนับสนุนบริษัทคนไทยนะครับ อย่างน้อยการซ่อมปรับปรุง ยานเกราะ รถบรรทุก ส่วนใหญ่ก็ใช้บริการบริษัทคนไทย แม้แต่รถใช้งานทั่วไปเดี๋ยวนี้ก็เริ่มใช้รถที่ประกอบในประเทศแล้ว แต่รถหุ้มเกราะอาจจะยังมีข้อสงสัยเรื่องประสิทธิภาพอยู่เลยยังไม่กล้าจัดหา ยังไงก็ขอเอาใจช่วยและสนับสนุนให้บริษัทคนไทยพัฒนารถแบบนี้ต่อไปให้มีประสิทธิภาพเป็นที่เชื่อมั่นของกองทัพต่อไปครับ ผมเชื่อว่าสักวัน รถหุ้มเกราะแบรนด์ไทยคงติดตราป้ายทะเบียนกองทัพวิ่งปร๋อแน่นอนครับ